ตอนที่ 956 สร้างปัญหา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 956 สร้างปัญหา

ไป๋ชิงเหยียนเห็นเซียวหรงเหยี่ยนขมวดคิ้วแน่นราวกับไม่อยากปล่อยตัวนาง หญิงสาวจึงผลักหน้าอกของชายหนุ่มออกเบาๆ “หลู่ไท่เว่ยย้อนกลับมาเช่นนี้คงมีเรื่องสำคัญแน่”

เซียวหรงเหยี่ยนจึงยอมปล่อยร่างของไป๋ชิงเหยียนออกอย่างอาวรณ์ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองเรียบร้อยแล้วเดินไปนั่งบนที่นั่งด้านหลังโต๊ะ เซียวหรงเหยี่ยนจึงเดินตามไปคุกเข่านั่งลงเคียงข้าง

ไม่นานเว่ยจงจึงเปิดประตูเชิญหลู่ไท่เว่ย ซือคงเสิ่นจิ้งจง ซือถูต่งชิงผิงและเซี่ยอวี่จั่งเข้ามา จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนที่นั่งก้มศีรษะทำความเคารพบรรดาขุนนางของนางอย่างนอบน้อมแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยถาม “ท่านราชครูย้อนกลับมาพร้อมซือถู ซือคงและแม่ทัพเซี่ยเช่นนี้ มีเรื่องสำคัญอันใดอย่างนั้นหรือ”

“ฝ่าบาท!” หลู่ไท่เว่ยโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมได้ยินว่าบัณฑิตของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนจะรวมตัวกันไปตีกลองเติงเหวินและประท้วงหน้าวังหลวง ขอร้องให้ฝ่าบาทยกเลิกราชโองการอนุญาตให้สตรีเข้าร่วมการสอบขุนนางและรับราชการพ่ะย่ะค่ะ”

“ทุกท่านมาพร้อมกันเพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

เสิ่นจิ้งจงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”

“บัณฑิตของสำนักศึกษากั๋วจือเจียนมีอิทธิพลมาก…” ต่งชิงผิงโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ตอนที่หลู่ไท่เว่ยได้รับรายงานเรื่องนี้ กระหม่อมและใต้เท้าเสิ่นอยู่ที่นั่นด้วยพอดี กระหม่อมจึงไปเชิญแม่ทัพเซี่ยมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยกันอีกคนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะให้แม่ทัพเซี่ยนำทหารไปควบคุมตัวบัณฑิตที่จะออกมาประท้วงเหล่านั้นไว้ก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายในวันพิธีราชาภิเษกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

วันนี้คือวันขึ้นครองราชย์วันแรกของไป๋ชิงเหยียน ทูตของทุกแคว้นล้วนอยู่ในเมืองหลวง หากกลองเติงเหวินดังขึ้นอาจทำลายภาพลักษณ์ของราชวงศ์ได้

ตอนที่ประกาศกฎหมายเรื่องนี้ไป๋ชิงเหยียนรู้อยู่แล้วว่าบรรดาบัณฑิตต้องไม่พอใจ ทว่า นางนึกไม่ถึงเลยว่าบัณฑิตของสำนักกั๋วจื่อเจียนจะเคลื่อนไหวเร็วถึงเพียงนี้

หากกล่าวว่าไม่มีผู้คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางเชื่อ

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน รบกวนท่านราชครู ซือคง ซือถูและแม่ทัพเซี่ยไปบอกเหล่าบัณฑิตที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนทีว่าพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปยังสำนักศึกษากั๋วจือเจียนด้วยตัวเอง ไม่ว่าพวกเขามีข้อข้องใจอันใด สามารถกล่าวออกมาให้ข้าฟังได้ทุกเรื่อง บัณฑิตทุกคนของสำนักศึกษากั๋วจือเจียนคือเสาหลักสำคัญของราชสำนักในภายภาคหน้า ราชสำนักให้ความสำคัญกับพวกเขามาก ไป๋ชิงเหยียนก็เช่นกัน ขอให้พวกเขาอย่าเพิ่งร้อนใจไป” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงกำชับหลู่ไท่เว่ยเพิ่ม “ท่านราชครู ซือคงและซือถูต้องทำให้บัณฑิตเหล่านั้นใจเย็นลงก่อนให้ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ!” หลู่ไท่เว่ยพยักหน้ารับคำ

พรุ่งนี้ไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางไปยังสำนักศึกษากั๋วจือเจียนด้วยตัวเอง บัณฑิตเหล่านั้นคงไม่คิดไปตีกลองเติงเหวินร้อนทุกข์อีก

เดิมทีต่งชิงผิงอยากสนทนาเรื่องเมืองเติงโจวกับไป๋ชิงเหยียน ทว่า เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงทำความเคารพแล้วจากไปพร้อมกลุ่มของหลู่ไท่เว่ย

เมื่อเห็นประตูตำหนักถูกปิดลงอีกครั้ง เซียวหรงเหยี่ยนจึงวางถ้วยชาในมือลงพลางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “อาเป่า ครั้งนี้เจ้าใจร้อนประกาศเรื่องอนุญาตให้สตรีเข้าร่วมการสอบขุนนางและรับราชการเร็วเกินไปหรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากให้สตรีเท่าเทียมกับบุรุษ ทว่า ความคิดที่ว่าบุรุษสูงส่งกว่าสตรีถูกปลูกฝังอยู่ในความคิดของทุกคนมาเป็นเวลาหลายร้อยปี แม้แต่สตรีเองก็เช่นเดียวกัน ข้าว่ามันคงเปลี่ยนแปลงอันใดไม่ได้ในทันทีเช่นนี้”

“อาเป่าคือจักรพรรดินีของต้าโจวแล้ว เจ้าควรเห็นความสำคัญของแคว้นเป็นหลัก ควรเร่งผลักดันระบอบการปกครองใหม่ก่อน หากไม่มองภาพรวมจะทำให้แคว้นเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไรกัน”

เซียวหรงเหยี่ยนเป็นห่วงเรื่องนี้มากจริงๆ แม้จะรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนแข็งแกร่งและเข้มแข็งมากเพียงใดก็ตาม

ทว่า เป็นเพราะรักนาง ดังนั้นแม้จะเป็นเพียงเปลวเทียนที่อยู่เพียงปลายนิ้วมือของหญิงสาว เซียวหรงเหยี่ยนก็กลัวจะลวกมือของหญิงสาวอยู่ดี

“ราชวงศ์ใหม่เพิ่งสถาปนาขึ้น หากไม่ปฏิรูปการปกครองใหม่ อนุญาตให้สตรีร่ำเรียน เข้าร่วมสอบขุนนางและเข้ารับการในตอนนี้ วันหน้าคงทำได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก” ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนกำลังกังวลสิ่งใด “เพราะต้าโจวคือราชวงศ์ใหม่ดังนั้นข้าจึงกล้าทำเช่นนี้! เหมือนกับที่จัดการกำอ๋องแห่งเมืองต่างๆ หากข้าได้รับสืบทอดบัลลังก์จากราชวงศ์เดิม ไม่ใช่สร้างราชวงศ์ใหม่ขึ้นมา ข้าคงทำไม่สำเร็จอย่างราบรื่นเพียงนี้”

“หากต้องการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ ต้องรอทั้งเวลา สถานที่และผู้คน เวลาไม่เคยคอยผู้ใด หากพลาดโอกาสในครั้งนี้ไปแล้ว ข้าจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ไป๋ชิงเหยียนแค่อยากทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง อยากสร้างต้าโจวให้เป็นแบบที่นางอยากให้เป็น “ประวัติศาสตร์มีไว้เป็นบทเรียน มันไม่มีทางหยุดลงเพียงเพราะต้าโจวยังเตรียมตัวไม่พร้อม แม้จะยากสักเพียงใดก็ต้องลงมือทำให้สำเร็จเพราะข้ารู้ดีว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง”

ปกติเซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนทำสิ่งใดด้วยความเร็วรวด ทว่า ครั้งนี้เขาไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจริงๆ

การปกครองแคว้นของต้าเยี่ยนไม่เหมือนกับการปกครองแคว้นของต้าโจวแม้แต่น้อย

ต้าเยี่ยนต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้แคว้นของตัวเองให้ได้มากและรวดเร็วที่สุดเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับคิดและลองในสิ่งที่ผู้อื่นไม่เคยทำสำเร็จหรือไม่เคยทำมาก่อนควบคู่ไปกับการเดินหน้าเพื่อเป็นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งด้วย หญิงสาวต้องการทำลายความคิดที่ว่าบุรุษสำคัญและสูงส่งกว่าสตรีให้หมดไปจากใต้หล้าแห่งนี้

แม้จะเสี่ยงเกินไป ทว่า หากนางไม่ลงมือทำในตอนที่แคว้นเพิ่งสถาปนาขึ้นเช่นนี้ วันหน้าเมื่อราชสำนักมั่นคง หากหญิงสาวคิดทำในตอนนั้น เรื่องคงไม่ราบรื่นเท่าตอนเริ่มสถาปนาแคว้นใหม่ๆ แน่

“อาเป่า นี่คือเรื่องที่ยากมาก ยากกว่าการทำลายล้างแคว้นสู่และต้าเหลียงที่เจ้าเคยทำมามากมายนัก” เซียวหรงเหยี่ยนนึกถึงเรื่องที่มารดาของตัวเองล้มเหลวในการเสนอให้สตรีเข้าร่วมการสอบขุนนางขึ้นมา “ความเสมอภาคคือสิ่งที่ถูกต้องอย่างที่เจ้ากล่าวมาจริงๆ ทว่า หากลงมือทำจริงๆ เจ้าจะทำลายผลประโยชน์ของบุรุษมากมายในใต้หล้าแห่งนี้”

“ตอนนั้นท่านแม่ของข้าต้องการยกเลิกระบบทาส ชาวบ้านได้รับผลประโยชน์มากมาย ดังนั้นต่อให้ยากเย็นสักเพียงใด สุดท้ายท่านก็ประสบความสำเร็จ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวออกมาช้าๆ “ในสายตาของบุรุษส่วนใหญ่ในใต้หล้าแห่งนี้สตรีเป็นเพียงสมบัติของพวกเขา หากวันหนึ่งสมบัติของพวกเขาลุกขึ้นมาแย่งชิงตำแหน่งในราชสำนักกับพวกเขา บุรุษสักกี่คนจะยอมได้กัน”

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าบุรุษจะยอมรับหรือไม่…” เซียวหรงเหยี่ยนช่วยวิเคราะห์ให้ไป๋ชิงเหยียน “แต่ไรมาบุรุษคือช้างเท้าหน้า สตรีคือช้างเท้าหลัง หากเจ้าทำเช่นนี้ครอบครัวจะปรองดองกันได้อย่างไร สำหรับครอบครัวครอบครัวหนึ่งแล้ว บุรุษคือมีหน้าที่สืบทอดทายาทให้ตระกูล สตรีต้องแต่งงานออกเรือนไปเป็นภรรยาของผู้อื่น หากต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ต้องใช้เวลาค่อยๆ ปรับอีกนาน ไม่ใช่ทุกตระกูลจะเห็นสตรีเท่าเทียมกับบุรุษ อนุญาตให้สตรีร่ำเรียนกับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกับตระกูลไป๋”

“ครอบครัวที่อนุญาตให้สตรีไปร่ำเรียน สอบคัดเลือกขุนนางและเข้ารับราชการ พวกเขาต้องแต่งเขยเข้าตระกูลเพื่อสืบทอดความรุ่งเรืองของตระกูลต่อไป หากสตรีเข้ารับราชการ เมื่อสามีและภรรยาแบ่งงานกัน ภรรยากลายเป็นช้างเท้าหน้า บุรุษจะกลายเป็นช้างเท้าหลัง ฐานะของสตรีสูงส่งขึ้น ทว่า ฐานะของบุรุษจะต้อยต่ำลง” เซียวหรงเหยี่ยนส่ายหน้าน้อยๆ “อาเป่า ไม่ใช่ว่าบุรุษทุกคนในใต้หล้าจะใจกว้างเช่นนั้น แทบไม่มีบุรุษคนใดในใต้หล้าใจกว้างเช่นนั้นเลย”

“เจ้ากล่าวถูกว่าความเท่าเทียมของบุรุษและสตรีคือเรื่องถูกต้อง…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงหนักแน่น “ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเพราะข้ารู้ดีว่าท่านแม่ของข้าเหมาะที่จะเป็นจักรพรรดินีมากกว่าท่านพ่อของข้า ทว่า ใต้หล้ามีอคติต่อสตรี ดังนั้นหากบุรุษเป็นคนปฏิรูปการปกครองใหม่เหล่านี้ พวกเขาจะกลายเป็นผู้สร้างผลงานให้ใต้หล้าแห่งนี้ ทว่า ท่านแม่ของข้ากลับกลายเป็นเพียงนักโทษของแคว้น…”

จนถึงตอนนี้เซียวหรงเหยี่ยนก็ยังจำได้ดีว่าตอนที่มารดาของเขาเสียชีวิต ทุกคนต่างปรบมือดีใจ กล่าวว่าท่านแม่ของเขาคือปีศาจของแคว้นต้าเยี่ยน กล่าวว่าท่านแม่ของเขาเป็นสตรีที่คิดวุ่นวายกับราชสำนัก หนึ่งในผู้ด่าทอท่านแม่ของเขามีชาวบ้านที่เคยได้ผลประโยชน์จากการปกครองระบอบใหม่ของท่านแม่รวมอยู่ด้วย เพียงเพราะท่านแม่ของเขาเป็นเพียงสตรี

—————————–