ตอนที่ 958 ยึดมั่นในศรัทธาแรกเริ่ม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 958 ยึดมั่นในศรัทธาแรกเริ่ม

หญิงสาวค้นหาตำราของแต่ละแคว้นมาอ่านทั้งวันทั้งคืนเพื่อหากฎหมายใหม่ที่เหมาะสมกับชาวบ้านแคว้นต้าโจวมากที่สุด

ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนกล้ากล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนว่าแคว้นใดทำให้ชาวบ้านมั่งคั่งและแข็งแกร่งที่สุด แคว้นนั้นควรได้เป็นที่หนึ่งในใต้หล้า ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนไม่กล้า…

เซียวหรงเหยี่ยนยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ใจกว้างและมีเมตตามากเท่าตระกูลไป๋ ดังนั้นเขาจึงนับถือตระกูลไป๋มาก เขายิ่งนับถือเจิ้นกั๋วอ๋องผู้ล่วงลับไปแล้วจากใจใจริง หากกล่าวว่าผู้ใดคือวิญญูชนตัวจริงคนผู้นั้นย่อมคือเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงแน่นอน…

ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนก็รู้ดีว่าสุดท้ายแล้วเจิ้นกั๋วอ๋องก็เสียชีวิตเพราะมีนิสัยที่สูงส่งและปณิธานที่กว้างไกลกว่าจักรพรรดิแห่งแคว้นหลายเท่านัก เขาเสียชีวิตเพราะความจงรักภักดีของตัวเอง

“ยังไม่ถึงวันนั้นข้าจึงยังไม่กล้าคิด แม้ตอนนี้ซีเหลียงจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากต้าเยี่ยนทำลายแคว้นเว่ยได้แล้ว ทว่า จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเป็นจักรพรรดิที่ปรีชาชาญเช่นเดียวกัน นางสนับสนุนให้บัณฑิตยากจนมีบทบาทในราชสำนักจนสามารถควบคุมตระกูลสูงศักดิ์ในซีเหลียงได้ บัดนี้พวกเขากำลังเร่งสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งให้แคว้นตัวเอง! ทุกสิ่งในใต้หล้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หากพลาดเพียงนิดเดียว…ซีเหลียงอาจถือโอกาสกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้!”

ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถึงซีเหลียงอย่างรอบคอบ “เคยมีแคว้นที่อ่อนแอทำลายแคว้นที่แข็งแกร่งอย่างกะทันหันมาแล้วในประวัติศาสตร์ ตอนนั้นแคว้นเลี่ยเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกแคว้น แคว้นฉินถูกแคว้นเลี่ยดูถูก แคว้นเกือบดับสลายอยู่หลายครั้ง ทว่า ต่อมาแคว้นฉินกลับเป็นผู้ที่รวบรวมใต้หล้าได้สำเร็จ ต้าเยี่ยนก็เป็นเช่นนั้นมาก่อน แคว้นของพวกท่านเกือบดับสูญอยู่หลายครั้ง ทว่า ตอนนี้กลับมีโอกาสแย่งชิงความเป็นหนึ่งในใต้หล้า ข้าเห็นบทเรียนในอดีตมาแล้วข้าจึงไม่กล้าดูถูกแคว้นใดอีก”

เซียวหรงเหยี่ยนยืดแผ่นหลังตรง เขานับถือไป๋ชิงเหยียนยิ่งนักที่จนถึงตอนนี้หญิงสาวก็ยังคงถ่อมตัวเหมือนเดิม เขาเคยพบเห็นผู้นำแคว้นมากมายที่ยังไม่ทันได้ขึ้นครองราชย์ ยังไม่ทันได้นั่งบนบัลลังก์แห่งนั้นก็เริ่มหยิ่งยโสคิดว่าตัวเองเก่งขึ้นมาทันที ผู้ที่ยังยึดมั่นในศรัทธาแรกเริ่ม มองศัตรูทุกคนเป็นคนแข็งแกร่งอย่างไป๋ชิงเหยียนมีไม่มากนัก

“คำกล่าวของอาเป่าทำให้สามีอย่างข้าละอายยิ่งนัก” เซียวหรงเหยี่ยนอมยิ้มเล็กน้อย แววตาที่มองไปที่ไป๋ชิงเหยียนมีแต่ความอบอุ่นอ่อนโยน

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนตะลึงไปเล็กน้อย เซียวหรงเหยี่ยนจึงถามขึ้น “อาเป่าตกใจเช่นนี้ แสดงว่าคำกล่าวที่ว่าเจ้าเห็นข้าเป็นสามีนานแล้วเมื่อครู่เจ้าอำข้าเล่นอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนซ่อนรอยยิ้มในดวงตาไว้ไม่มิด เซียวหรงเหยี่ยนควานหาปิ่นปักผมที่อยู่ในแขนเสื้อ จากนั้นหยัดกายลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน ชายหนุ่มคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ยันมือข้างหนึ่งไว้ที่พำนักพิงเก้าอี้ของไป๋ชิงเหยียน มืออีกข้างยันโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มจ้องไปที่ใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบของหญิงสาว “ยังไม่ได้มอบของขวัญแสดงความยินดีที่อาเป่าขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเลย…”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวพลางหยิบปิ่นปักผมออกมาแล้วปักลงบนผมของไป๋ชิงเหยียน ชายหนุ่มจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “งดงามมาก…”

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปสัมผัสจึงพบว่าคือปิ่นปักผม

ไป๋ชิงเหยียนเดาได้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนแกะสลักปิ่นปักผมนี้ด้วยตัวเอง คราวที่แล้วคือห่านป่า คราวนี้คือดอกบัวแฝด

ของที่เซียวหรงเหยี่ยนมอบให้ไป๋ชิงเหยียน หากไม่ใช่ของที่เขาใช้ใจออกตามหาก็ต้องเป็นของที่มีความหมายพิเศษสำหรับชายหมุ่นหรือไม่ก็ต้องเป็นของที่เขาทำเองกับมือ

สำหรับไป๋ชิงเหยียนแล้วของงขวัญจะล้ำค่าหรือไม่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเซียวหรงเหยี่ยน

กลับกลายเป็นตัวนางเองที่ตั้งแต่สองคนตกลงคบหาดูใจกัน นางไม่เคยหาเวลาเตรียมของสิ่งใดให้เซียวหรงเหยี่ยนเลย นางรู้สึกผิดต่อเขามาก

“แกะสลักประณีตกว่าปิ่นห่านป่าเล่มนั้นมาก” ไป๋ชิงเหยียนลูบไปที่หยกของปิ่น จากนั้นเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยน แววตาของหญิงสาวสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่เพียงแค่เอื้อมของเซียวหรงเหยี่ยน สะท้อนท่าทีที่ชายหนุ่มกำลังจ้องนิ่งมาที่นาง สะท้อนสายตาอ่อนโยนและร้อนแรงของชายหนุ่มที่หยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางของนาง

ลมหายใจร้อนของชายหนุ่มเป่ารดที่หน้าผากของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวใช้มือข้างหนึ่งจับโต๊ะเพื่อหยัดกายขึ้นเล็กน้อย มืออีกข้างจับที่แขนกำยาของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นเงยหน้าแตะไปที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเบาๆ “ข้าชอบมาก วันหน้า…”

ยังไม่ทันกล่าวจบประโยคริมฝีปากของนางก็ถูกริมฝีปากของชายหนุ่มประกบลงมาเสียก่อน ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปาก ไป๋ชิงเหยียนเหลือบมองไปทางประตูใหญ่แวบหนึ่ง จากนั้นผลักอกของชายหนุ่มออกเบาๆ เพราะกลัวคนจะเข้ามาเห็น ทว่า กลับถูกชายหนุ่มจับข้อมือไว้เสียก่อน

จุมพิตดำเนินต่อไป เซียวหรงเหยี่ยนจับมือเล็กราวกับไม่มีกระดูกของไป๋ชิงเหยียนไปโอบรอบเอวหนาของตนไว้ จากนั้นจุมพิตอย่างทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกชายหนุ่มตอนมีโอกาสพักหายใจ “อาเหยี่ยน…”

ทว่า น้ำเสียงของหญิงสาวถูกดูดกลืนลงไปอีกครั้ง กลิ่นหอมจากร่างของชายหนุ่มปะทะเข้ามาในจมูก ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว สมองของหญิงสาวขาวโพลนไปหมด ร่างทั้งร่างสะท้านด้วยความวาบหวาม

ภายในตำหนักใหญ่ได้ยินเพียงเสียงทรายจากนาฬิกาทราย

ไม่รู้ว่าจุมพิตนานเท่าใด ในที่สุดเซียวหรงเหยี่ยนจึงผละริมฝีปากออกจากริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนพยายามควบคุมลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะของตัวเองพลางลืมตาขึ้น หญิงสาวเห็นแววตาดำขลับของเซียวหรงเหยี่ยนกำลังจ้องมาที่นางราวกับต้องการกลืนกินนางไปทั้งตัว หญิงสาวกำชายเสื้อที่เอวของชายหนุ่มแน่นโดยไม่รู้ตัว

เซียวหรงเหยี่ยนเห็นใบหน้างดงามขาวใสราวกับหยกเนื้อละเอียดของไป๋ชิงเหยียนเริ่มแดงระเรื่อขึ้นจึงขยับใบหน้าเขาไปใกล้หญิงสาวอย่างอดไม่ได้ เขาแตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งเบาๆ พลางจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงสาวด้วยแววตาร้อนแรงและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

ชายหนุ่มประคองใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียนด้วยมือข้างเดียว นิ้วโป้งสัมผัสไปที่ริมฝีปากของหญิงสาว จากนั้นขยับริมฝีปากเข้าไปใกล้ริมฝีปากของหญิงสาวอีกครั้งอย่างหยั่งเชิง

ปลายจมูกสัมผัสกัน ไป๋ชิงเหยียนกลั้นลมหายใจในทันที ใจของนางเต้นรัวอย่างรุนแรง…

ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันจนไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงลมหายใจหนักของเซียวหรงเหยี่ยนทุกครั้งที่ชายหนุ่มหายใจ

เซียวหรงเหยี่ยนคือบุรุษเพียงคนเดียวที่ชาติที่แล้วและชาตินี้ได้ใกล้ชิดกับไป๋ชิงเหยียนถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มเป็นคนทำให้ไป๋ชิงเหยียนเกิดความรู้สึกหวั่นไหวที่แปลกประหลาด ทว่า มีความสุขเช่นนี้

นี่คงเป็นความรู้สึกเวลาอยู่กับคนที่ตัวเองรักกระมัง หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า ร่างทั้งร่างดูเคลิบเคลิ้มไม่มีสติ

วินาทีที่ริมฝีปากประทับลงมาอีกครั้ง ใจของไป๋ชิงเหยียนเต้นรัว นางเอนกายลงบนเตียงทางด้านหลังพลางรับตาลงเพื่อตอบรับจุมพิตของชายหนุ่มอย่างเต็มที่

เซียวหรงเหยี่ยนจับฟูกที่ไป๋ชิงเหยียนนอนอยู่แน่นจนเส้นเอ็นปูดขึ้นที่หลังมือของเขา ชายหนุ่มพยายามควบคุมสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขาไม่ให้สำแดงฤทธิ์ออกมา ลมหายใจของชายหนุ่มสั่นระริก สตรีตรงหน้าคืออาเป่า คือหญิงที่เขารักและอยากทะนุถนอมมากที่สุด คือสตรีที่เขานับถือและเป็นยอดดวงใจของเขา

เขายังไม่ได้ขออนุญาตญาติผู้ใหญ่ของอาเป่า ยังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดิน หากเขาครอบครองนางตอนนี้ เขาจะกล้ากล่าวว่าตัวเองให้เกียรติและรักนางได้อย่างไรกัน

เซียวหรงเหยี่ยนจ้องไปยังร่างไป๋ชิงเหยียนที่นอนหลับตากลั้นลมหายใจอยู่ใต้ร่างของเขา เขาใช้ความพยายายามทั้งหมดที่มีควบคุมอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นกล่าวเสียงเบา “อาเป่าไม่ต้องกลัว เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ข้าไม่มีวันล่วงเกินเจ้าแน่ ไม่ต้องกลัว…”

ไป๋ชิงเหยียนกุมมือเซียวหรงเหยี่ยนแน่น ฝ่ามือของนางชื้นไปด้วยเหงื่อ นางลืมตามองเซียวหรงเหยี่ยนที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างยากลำบาก ริมฝีปากของหญิงสาวขยับเล็กน้อย หญิงสาวเอื้อมมือไปโอบลำคอของชายหนุ่ม จากนั้นประทับจูบลงอีกครั้งอย่างไม่รู้ไปเอาความกล้าที่ใดมา

ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าว ขนตาสั่นระริก แววตาไหววูบเล็กน้อย จากนั้นกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนเสียงเบาอย่างจริงใจ “ข้าไม่ได้กลัว ข้าแค่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน อาเหยี่ยน ข้าไม่ได้โกหกท่านว่าข้าเห็นท่านเป็นสามีของข้านานแล้วจริงๆ ข้าแค่…ประหม่ามากไปเท่านั้น”

———————————–