บทที่ 985 มาถึงตระกูลเจียง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 985 มาถึงตระกูลเจียง

บทที่ 985 มาถึงตระกูลเจียง

แม้เวลาจะรอฟังขอโต้แย้งของกู้เสี่ยวหวานสักประโยคยังไม่มี ฮูหยินเจียงตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ย่อมมีสิ่งผิดปกติ และรู้สึกว่าบางสิ่งที่คาดไม่คิดอาจจะเกิดขึ้นภายหลัง แต่กระนั้นเรื่องก็มาถึงเช่นนี้แล้ว แม้จะรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างคลุมเครือก็ไม่ทันเวลาเสียแล้ว

ผู้คนมากหน้าหลายตาห้อมล้อมเข้ามาดูเรื่องครึกครื้นหน้าประตู ใต้เท้าลวี่เองก็เช่นกัน หากนางไม่ออกหน้า ลวี่เทาอาจรู้สึกว่าตระกูลเจียงนั้นไร้ความปรานี

ครั้นฮูหยินเจียงย่างกรายออกจากบ้านตระกูลเจียงก็เห็นฝูงคนจำนวนมาก และได้ยินเสียงกระซิบกระซาบสองสามประโยค แต่สถานการณ์ยังดูสงบนิ่ง

เมื่อฮูหยินเจียงปรากฏตัว รอยยิ้มประจบสอพลอฉายชัดบนใบหน้าของลวี่เทา เขาปรี่รุดขึ้นหน้าและโค้งคำนับทักทาย “ฮูหยินเจียงสบายดีหรือไม่?”

“ลวี่เทา” ฮูหยินเจียงผ่อนปรนท่าทาง และโค้งตัวทำความเคารพ

ต่อหน้าธารกำนัล ย่อมต้องให้เกียรติลวี่เทาบ้างใช่หรือไม่?

ครั้นเห็นฮูหยินเจียงให้เกียรติตนเอง ไม่ต้องบอกว่าใบหน้าของลวี่เทานั้นภูมิใจเพียงใด

คิดว่าตนเองได้ทำเรื่องอันยอดเยี่ยมและทำให้ฮูหยินเจียงพอใจ

คิดถึงตรงนี้ ลวี่เทาก็ชำเลืองมองกู็เสี่ยวหวานอย่างลำพองใจราวกับต้องการจะสื่อว่า เจ้าดูเสีย! แม้แต่ฮูหยินเจียงยังให้เกียรติข้า ไยเจ้าที่เป็นเพียงเด็กหญิงถึงไม่ปฏิบัติต่อข้าอย่างสุภาพ?

รอจนกว่าเรื่องจบลง คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจสายตาที่เป็นคำเตือนจากลวี่เทา นางทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้านิ่งงันไร้ความรู้สึก และลดศีรษะเล็กน้อย แต่มองไม่ออกว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่

“แม่นางกู้” เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานในครอบจักษุ ฮูหยินเจียงจึงเอ่ยทักทาย

หากพูดกันตามตรง ฮูหยินเจียงยังคงชอบกู้เสี่ยวหวานคนนี้

แม้ว่านางจะเป็นเด็กหญิงอายุน้อย แต่กลับเปี่ยมด้วยความกล้าหาญ มากความสามารถ แตกต่างจากกู้ซินเถา ลูกพี่ลูกของนางที่พึ่งพาแต่ผู้ชายเท่านั้น

ตระกูลเจียงสร้างความมั่งคั่งมั่นคงด้วยการสร้างกิจการ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จำเป็นต้องมีนายหญิงที่เก่งกาจและกล้าหาญ ในตอนนั้น นางเองก็ติดตามสนับสนุนเจียงอวิ้นหลิวอยู่เบื้องหลัง จัดการเรื่องในบ้านและเรื่องภายในร้านแทนเขา

ต่อมา เมื่อนางให้กำเนิดเจียงหย่วน นางหันเหความสนใจทั้งหมดกลับมาและทุ่มแรงกายแรงใจในการดูแลสามีและเลี้ยงลูกที่บ้าน และจัดการเรื่องในตระกูลเจียง

แต่เมื่อย้อนกลับไปมองกู้เสี่ยวหวาน ฮูหยินเจียงราวกับเห็นเงาสะท้อนของตนเองเมื่อครั้งยังสาว

ทว่าเด็กคนนี้ชอบให้ใช้ไม้แข็งและค่อนข้างดื้อรั้น ไม่รู้ว่านิสัยนั้นของนางเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่

หากนางก้มหัวขอโทษหลิวเทียนฉือต่อหน้าสาธารณชนทั้งเมือง นั่นจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของตนเองอย่างมาก

หลิวเทียนฉือคนนั้นมีนิสัยไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และไม่รู้ว่าต่อไปจะใช้แผนการชั่วร้ายใดมาทรมานกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อฮูหยินเจียงออกมาแล้ว หลังจากนั้นไม่นานหลิวเทียนฉือที่เพิ่งจะลุกขึ้นภายใต้การช่วยเหลือของเสี่ยวเถาก็เดินกรีดกรายเข้ามา

แต่ว่าใบหน้าของนางซีดเซียวลง ริมฝีปากขาวซีด ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลิวเทียนฉือสวมใส่อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ขับให้นางดูบอบบางไร้เดียงสาราวกลับจะปลิดปลิวได้ทุกเมื่อยามต้องสายลม

ชวนให้ผู้คนรู้สึกสงสาร

ทันทีที่หลิวเทียนฉือเห็นกู้เสี่ยวหวาน หยาดน้ำตาพลันไหลรินอาบแก้ม

นางรุดขึ้นหน้าภายใต้การประคองของเสี่ยวเถา

เมื่อหยุดลงหน้าฮูหยินเจียง และทำความเคารพลวี่เทา แต่เขาจะกล้าให้นางคำนับตนเองได้อย่าง ดังนั้นจึงกุลีกุจอคำนับคืน

“คุณหนูหลิว เป็นความผิดข้า ข้าไม่ดีเอง” เขายิ้มประจบสอพลอ

ลวี่เทาเป็นเพียงขุนนางระดับต้อยต่ำ แต่จะให้ลูกสาวคนเดียวของขุนนางระดับสามของเมืองหลวงทำความเคารพตนเองได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นแล้วคืนนี้เขาจะนอนหลับลงหรือ?

หลิวเทียนฉือสะเทือนใจยิ่งนัก เมื่อมองไปที่ฮูหยินเจียง น้ำตาที่แห้งเหือดไปตามสายลมพลันไหลรินลงมาอีกครั้ง

“ฮูหยิน…” หลิวเทียนฉือคร่ำครวญสะอื้นไห้ จากนั้นโน้มตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเสี่ยวเถาอีกครั้ง

เสี่ยวเถาจมูกแดง และดวงตาสั่นระริกคลอด้วยหยาดน้ำใสราวกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเวลา

“คุณหนู ไม่เป็นไร ใต้เทาลวี่กลับมาทวงความยุติธรรมให้ท่านแล้ว คุณหนูไม่ต้องเสียใจนะเจ้าคะ” เสี่ยวเทาปลอบโยนเสียงแผ่ว

หลิวเทียนฉือหันมองไปมองกู้เสี่ยวหวาน ซึ่งยังคงยืนนิ่งเหมือนท่อนไม้อยู่ตรงนั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่านางภูมิใจแค่ไหน หากแต่ไม่แสดงสีหน้าใดออกมา “น้องเสี่ยวหวาน…”

กู้เสี่ยวหวานเพียงแค่มองอีกฝ่ายอย่างเฉยเมย จากนั้นก็เบือนหน้าหนีโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

เมื่อลวี่เทาเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมีท่าทีไม่แยแส สีหน้าจึงเปลี่ยนไปฉับไว

เห็นได้ชัดว่า ตอนมาถึงที่นี่บอกว่าจะนำคำขอโทษมาให้หลิวเทียนฉือให้จงได้ แต่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้โดยไม่พูดอะไรสักคำ

ลวี่เทาชี้หน้ากู้เสี่ยวหวานด้วยโทสะ และพูดอย่างจริงจังว่า “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ายังไม่รีบขอโทษคุณหลิวอีก ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเจ้า คุณหนูหลิวผู้งดงามถูกจนทรมานจนมีสภาพเป็นเช่นนี้ เจ้าทำได้เยี่ยงไรกัน”

ลวี่เทาพูดจากใจจริงราวกับว่ากู้เสี่ยวหวานได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายและข่มเหงหลิวเทียนฉือ

คราวนี้กู้เสี่ยวหวานหันไปมองหลิวเทียนฉือด้วยแววตาจริงจัง

หลิวเทียนฉือคนนี้ นอกจากใบหน้าที่ตบด้วยแป้งฝุ่นหนาเตอะทำให้ใบหน้าซีดขาวแล้ว นางดูเหมือนคนถูกทรมานตรงไหนกัน?

กู้เสี่ยวหวานกระตุกยิ้มมุมปาก จ้องมองหลิวเทียนฉือปราดหนึ่ง

หลิวเทียนฉือรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยกับสายตาของกู้เสี่ยวหวาน เหตุใดดวงตาของเด็กคนนี้ถึงดุร้ายเยี่ยงนี้

มันคล้ายกับมีดที่อาบยาพิษ

หลิวเทียนฉือสถบอย่างเย็นชาในใจ ใบหน้าน่ารักยังคงแสดงความขมขื่น ดวงตากลมโตกะพริบปริบอย่างน่าสงสารราวกับถูกกู้เสี่ยวหวานทำร้ายจนปางตาย

ยังคงมีความทุกข์ระทมฉายชัดบนใบหน้าของนาง และดวงตาขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็กะพริบอย่างสมเพชราวกับว่านางถูกกู้เสี่ยวหวานทำร้าย

กู้เสี่ยวหวานเพิ่งดึงนางออกจากเกี้ยว แค่โดนกระชากคอเสื้อเท่านั้น แต่กลับร้องห่มร้องไห้ราวกับพ่อแม่สิ้นลม

หากจะทำให้ทุกคนรับรู้ ทุกคนจะต้องรับรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้กระการโหดร้ายอะไร

หากไม่รู้ก็คงคิดว่ากู้เสี่ยวหวานฆ่าพ่อแม่ของนางจริง ๆ

แน่นอนว่า ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจเสร็จก็ได้ยินคนรอบข้างที่ไม่รู้ความจริงเริ่มพูดถึงเรื่องนี้

“ดูสิ ทำไมคุณหนูหลิวถึงกลายเป็นแบบนี้”

“ใช่ ได้ยินว่าแม่นางกู้ทุบตีนาง และนางมาที่นี่เพื่อทำการขอโทษ”

“สวรรค์ แม่นางกู้คงลงมือร้ายแรงมากสินะ ทุบคุณหนูหลิวผู้บอบบางแบบนี้ จุ๊ ๆ มือหนักจริง ๆ” ใครบางคนกล่าว