War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2324
ตอนที่ 2,324 : หยิ่ง?

เหล่าคนของ 3 วัง 6 ตำหนักได้แต่เหม่อมองร่างฉีหนานฟงหล่นฟ้ากระแทกพื้นด้วยสายตาเลื่อนลอย พวกมันเองก็มองเรื่องราวอยู่ตลอดเวลาแท้ๆ แต่กลับไม่มีใครบอกได้เลยว่าฉีหนานฟงตกตายเพราะอะไร

กระทั่งประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เองก็ไม่อาจเห็น…ว่าฉีหนานฟงโดนอะไรตาย!

อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่พวกมันมั่นใจ

ฉีหนานฟงถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย!

“ท่านจ้าววัง!!”

เมื่อเห็นจ้าววังของตัวเองถูกฆ่า เหล่าอาวุโสระดับสูงของวังเซียนสัญจรที่นำโดยชนชั้นรองจ้าววังอย่างชิงหยวนป้า ก็รู้สึกโกรธแค้นทั้งเศร้าสลดนัก

บ้างมองไปยังศพฉีหนานฟงด้วยสายตาเศร้าสลด บ้างก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความโกรธแค้น

อย่างไรก็ตามเหล่าอาวุโสที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาโกรธแค้นนั้น มันก็ทำได้แค่มองเท่านั้น แต่ไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหวอะไร ได้แต่ระบายโทสะทางสายตาเท่านั้น

พวกมันยังจะทำอะไรได้?

หรือจะให้ไปสู้กับต้วนหลิงเทียน?

ถึงแม้พวกมันจะมีโมโหขนาดไหน แต่สติสุดท้ายยังไม่ขาดผึง!

“ฉีหนานฟง ถูกฆ่าแล้ว?”

ด้าน 2 วัง 6 ตำหนักคนอื่นๆที่พึ่งหายจากอาการตกใจ พอมองไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใบหน้าของพวกมันก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัว

เรียกว่าตอนนี้พวกมันบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาจับใจต่อนายน้อยตำหนักเมฆาครามของขุมพลังมนุษย์ผู้นี้ ที่สังหารฉีหนานฟงได้อย่างหน้าตาเฉย!

ต้องทราบด้วยว่าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกมันก็อยู่ที่นี่ด้วย!

ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับลงมืออย่างไม่เห็นหัว ฆ่าฉีหนานฟงต่อหน้าต่อตาประมุขเผ่าปีศาจอย่างอุกอาจ!

เป็นธรรมดาว่าเรื่องนี้ทำให้ปีศาจส่วนใหญ่ตระหนักได้

ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อย่างที่พวกมันเข้าใจ กระทั่งอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ!

นอกจากนั้นท่าทางประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี

หาไม่แล้วไฉนถึงได้นิ่งเฉยอยู่นานไม่ลงมือทำอะไรต้วนหลิงเทียนสักที กระทั่งอีกฝ่ายฆ่าคนไปต่อหน้าต่อตาก็แล้ว? ต้องทราบด้วยว่านั่นคือฉีหนานฟงไม่ใชไก่สุนัข เป็นหนึ่งในเสาหลักของเผ่าปีศาจมนุษย์!!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน…ไฉนมันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้!?”

ข้างๆหวงเหวินจิ้ง รองจ้าววังอย่างอวิ๋นฟู่เหย่ ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจเหลือเชื่อ

กระทั่งตอนนี้มันยังไม่อยากจะเชื่อว่าทุกเรื่องราวตรงหน้าเป็นความจริง!

“ประมุขหยาง…”

ทันใดนั้นเองเสียงเฉยเมยหนึ่งพลันดังขึ้น และดูเหมือนจะดังเป็นพิเศษในสถานการณ์อันเงียบสงัดแบบนี้

คนที่พูดก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามต้วนหลิงเทียนที่พึ่งฆ่าฉีหนานฟงทิ้งและริบแหวนไป…

และตอนนี้สายตาต้วนหลิงเทียนก็กำลังมองไปตกลงบนร่างของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์

ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์มีนามว่า หยางเจิ้นซิง…

เมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งมาถึงเมืองเหรินโม่เชิ่ง เขาเองก็เคยได้ยินปีศาจหลายตนกล่าวถึงประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ เช่นนั้นทำให้เขาเองก็รู้จักชื่อของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ด้วย

“หากข้าจำไม่ผิด…”

ต้วนหลิงเทียนที่มองประมุขเผ่าปีศาจด้วยสีหน้าสงบ กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เมื่อครู่ประมุขหยางถามข้าใช่ไหม…ว่าหลังจากข้าใช้เวทย์พลังสนับสนุนแล้วข้าจะมีปัญญาเอาชนะท่านได้หรือไม่?”

“ประมุขหยาง…ข้าคงจำคำถามท่านเมื่อครู่ผิดหรอกกระมัง?”

หลังกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมยแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มองประมุขหยางด้วยสายตาไม่แยแส กล่าวถามย้ำเสียงเรียบออกไป

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกล่าวถามยอกย้อนปานจะตอกหน้า ใบหน้าของหยางเจิ้นซิงรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาไม่น้อย หากแต่มันไม่พูดตอบอะไรต้วนหลิงเทียนสักคำ ได้แต่ลอบสบถด่าในใจ

“ดูเหมือนว่าท่านประมุขหยางจะไม่ปฏิเสธเรื่องที่ถามออกมาสินะ”

เมื่อเห็นหยางเจิ้งซิงเงียบไปไม่ตอบ ต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะร่าออกมาด้วยใบหน้าสดใสปานแสงตะวันยามเช้า

อย่างไรก็ตามแสงตะวันยามเช้าอันอบอุ่นนี้ อยู่ๆก็มลายหายไปในพริบตา

เพราะครู่ต่อมาใบหน้าระรื่นเปื้อนยิ้มของต้วนหลิงเทียนก็หายไป กลับแทนที่ด้วยความเย็นชาปานฤดูหนาวมาเยือน “ตอนนี้ข้าจะตอบให้ประมุขหยางฟังชัดๆแล้วกัน”

“ข้าคิดว่า…ตอนนี้ข้าเอาชนะท่านได้!”

เรียกว่ากล่าวออกรอบนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้น้ำเสียงเฉยเมยสืบไป หากแต่เป็นน้ำเสียงที่เย็นชานัก พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนติดอยู่ในถ้ำแข็งใต้พิภพ

ข้าคิดว่า…ตอนนี้ข้าเอาชนะท่านได้!!

เมื่อวาจาเยียบเย็นนี้ของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น มันก็กึกก้องสะท้อนอยู่ในหูของเหล่าปีศาจของ 3 วัง 6ตำหนักซ้ำไปซ้ำมา พาลให้สีหน้าพวกมันทั้งหมดเปลี่ยนสีไปทันที!

ยั่วยุ!

ท้าทายหาเรื่องกันซึ่งๆหน้า!

เรียกว่าตอนนี้พวก 3 วัง 6 ตำหนักโดยรอบ สามารถบอกได้เลยว่าต้วนหลิงเทียนจงใจท้าทายประมุขของพวกมันโต้งๆ

ครู่ต่อมา

“ท่านประมุขฆ่ามันเสีย!!”

“เจ้านี่มันกล้าดีอย่างไรถึงกล้าท้าทายอำนาจของท่านประมุข รนหาที่ตาย!!”

เรียกว่าแทบจะพอดีกันกับที่ต้วนหลิงเทียนพูดจบคำ เสียงในพื้นที่ก็อื้ออึงปานตลาดสด

พวกที่กล่าวออกมาอย่างดุร้ายเสียงดังก็ได้แต่หันไปมองจ้องประมุขเผ่าของพวกมันด้วยสายตาคาดหวัง! พวกมันหวังว่าประมุขเผ่าอันไร้เทียมทานของพวกมันจะสำแดงพลังเหนือชั้นเข่นฆ่าสังหารต้วนหลิงเทียนให้สิ้น!

และคนเหล่านี้แทบทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ของวังเซียนสัญจร!

สำหรับอาวุโสของวังเซียนสัญจร หรืออาวุโสทั้งหลายจาก 2 วัง 6 ตำหนักที่เหลือ แม้พวกมันจะมีโมโหเพราะการท้าทายอย่างไม่เห็นหัวของต้วนหลิงเทียนแบบนี้ แต่พวกมันก็ไม่พูดอะไรออกมา

เพราะพวกมันเองก็เริ่มตระหนักกันได้บ้างแล้ว…

ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้…น่ากลัวจะเหนือกว่าประมุขเผ่าของพวกมันไปเสียแล้ว!

มีเพียงแต่เหล่าศิษย์ของวังเซียนสัญจรเท่านั้น ที่พลังฝึกปรือต่ำต้อยเกินไปทำให้สายตาคับแคบไปบ้าง จึงยังรู้สึกกันว่าประมุขเผ่าของพวกมันยังคงเป็นตัวตนอันคงกระพันไร้ผู้ต้านอยู่!

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าทำเป็นหยิ่งให้มันมากเกินไปนัก!”

สุดท้ายประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์หยางเจิ้นซิงก็อดพูดออกมาไม่ไหว

และทันทีที่มันเปิดปากกล่าวคำ เสียงมันก็ดังประหนึ่งมังกรคำรามพาลให้แก้วหูผู้คนสะเทือนสะท้าน ในน้ำเสียงเดือดดาลนั่นยังแฝงเร้นไปด้วยโทสะหนักหนา!

“หยิ่ง?”

ได้ยินคำของหยางเจิ้นซิง ต้วนหลิงเทียนได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ มุมปากค่อยยกยิ้มแสยะเย็นชาขึ้นมาเบาๆ “ประมุขหยาง…หากวันนี้ข้าจะหยิ่งแล้วท่านจะทำไมหรือ?”

“หรือจะเอาเช่นนี้ดี…ตอนนี้ท่านกับข้า พวกเรามาสู้กันจนกว่าจะมีคนตายดีหรือไม่? เพราะข้าเองก็อยากรู้นักว่าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เช่นท่านจะแน่สักแค่ไหน!”

แทบจะทันทีที่กล่าวถึงประโยคท้าย ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องตาหยางเจิ้นซิงอย่างเอาเรื่อง สองตายังคล้ายเปล่งเส้นสายอัสนีฟาดผ่าออกไปต้านทานสายฟ้าที่ลั่นออกจากหยางเจิ้นซิง บรรยากาศเริ่มคลุ้งกลิ่นดินปืนขึ้นมาทันที

วาจาของต้วนหลิงเทียนเรียกว่าผลักไสหยางเจิ้นซิงให้มาถึงขอบเหวแล้วจริงๆ

“ต้วนหลิงเทียน”

ทันใดนั้นสีหน้าหยางเจิ้งซิงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตามันเผยความเยียบเย็นแหลมคมออกมา “เจ้าอย่าคิดว่าพลังสูงเข้าหน่อยแล้วเจ้าจักไร้เทียมทาน…เจ้าคิดว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ที่สยบเจ้าได้จริงๆ?กระทั่งวันนี้ไม่มีใครมีสามารถพอจะสยบเจ้าได้จริงๆ?”

เมื่อเห็นหยางเจิ้นซิงเลือกจะกล่าวออกด้วยวาจาเยียบเย็นมากโทสะ หากแต่ไม่ลงมือใดๆ เหล่าศิษย์ของวังเซียนสัญจรก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความผิดหวัง

และมีเหล่าศิษย์วังเซียนสัญจรบางคนเริ่มตระหนักได้แล้ว

ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของมัน ท่าทางจะไร้ความมั่นใจว่าจะเอาต้วนหลิงเทียนอยู่!

ไม่งั้นทำไมป่านนี้ถึงไม่ลงมือเสียที!

“ฮ่าๆๆ…!!”

พอได้ยินคำหยางเจิ้นซิง ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า ค่อยพูดต่อว่า “ประมุขหยาง ข้าต้วนหลิงเทียนไม่ได้บอกสักคำว่าในโลกนี้ไม่มีคนที่สยบข้าได้…แต่ข้าก็อยากรู้จริงๆว่าวันนี้ท่านจะมีปัญญาทำอะไรข้า? หรือจะมีใครมีปัญญาสยบข้าได้?”

แทบจะพอดีกับที่เอ่ยถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็แหงนขึ้นไปมองบนฟ้าสูง จับจ้องไปยังเมฆก้อนหนึ่งที่ลอยอยู่บนฟ้า

สายตาที่จับจ้องมองไปยังแหลมคมนัก ประหนึ่งจะมองทะลุเมฆหมอกที่บดบัง บรรลุถึงฟ้าว่างเบื้องหลัง เพ่งเล็งไปยังร่างหนึ่งที่ซ่อนตัวหลังม่านเมฆ!

“ข้างบนมีอะไรหรือ?”

สิ้นเสียงต้วนหลิงเทียน พอทุกคนเห็นต้วนหลิงเทียนแหงนมองขึ้นไป ทุกคนในที่นี้ไม่เว้น ต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ และก่านหรูเยี่ยนก็แหงนหน้ามองตามสายตาต้วนหลิงเทียนไปเช่นกัน

“มีผู้ใดซ่อนอยู่งั้นหรือ?”

“ต้วนหลิงเทียนมันพูดถึงใครกันแน่…แต่อย่างน้อยๆคนผู้นั้นสมควรเป็นตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะ!”

“มิใช่เผ่าปีศาจมนุษย์เรามีครึ่งก้าวเซียนอมตะอย่างท่านประมุขแค่คนเดียวหรือไร? อ่าจริงสิตอนนี้มี 2 คนแล้ว…ว่าแต่เป็นไปได้หรือที่ในเผ่าปีศาจมนุษย์ของเราจะยังมีครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 3?”

….

คนของ 3 วัง 6 ตำหนักที่แหงนมองตามสายตาต้วนหลิงเทียนขึ้นไป ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความสับสนระคนสงสัย

“เจ้า….เจ้าพบเห็นด้วยงั้นรึ?!”

สีหน้าหยางเจิ้นซิงเปลี่ยนไปทันที

มันไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลย…

ต้วนหลิงเทียนกลับพบตัวอาจารย์ของมันที่ซ่อนอยู่หลังม่านเมฆ ค้นพบตัวตนระดับเซียนอมตะเสเพล 3ทัณฑ์!

“อะไร? ขนาดนี้แล้วสหายท่านนั้นยังจะซ่อนตัวอยู่อีกหรือ?”

เมื่อเห็นว่าร่างหลังม่านเมฆยังคงนิ่งเฉย ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ ค่อยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงดุร้าย

“ข้าจะให้เวลา 3 ลมหายใจ! หากสหายท่านนั้นยังไม่ลงมาแต่โดยดี ข้าจะ ‘เชิญ’ ท่านลงมาด้วยตัวเอง!’

วาจายามกล่าวคำ ‘เชิญ’ ต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงยังแข็งไม่น้อย

อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ช่วงแรกๆ ต้วนหลิงเทียนก็จับสัมผัสได้รางๆว่าสมควรมีคนกำลังจับตาดูเขาอยู่

หลังจากนั้นพอประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ หยางเจิ้นซิง ปรากฏตัวลงมาจากเบื้องบน กอปรทั้งหลังจากที่เขาบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ เขาก็สัมผัสได้แน่ชัดว่ายังมีสายตาที่คอยเฝ้ามองเขาจากที่ลับอีกคู่!

ทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่ายังมีคนแอบดูเขาอยู่!

อีกทั้งหลังเผชิญหน้ากับหยางเจิ้นซิง เขาก็พบว่า

สายตาของหยางเจิ้นซิงนั้นลอบมองขึ้นไปด้านบนอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่ละครั้งที่มองขึ้นไปจะแค่ปราดเดียว แต่เขาที่ช่างสังเกตย่อมเล็งเห็นได้ชัดเจน!

หากต้วนหลิงเทียนยังไม่รู้ว่ามีคนอื่นแอบซ่อนอยู่ ปฏิกิริยาของเขาก็คงจะเชื่องช้าเกินไปแล้ว!

“โอหัง!”

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนหน้าหยางเจิ้นซิงก็เปลี่ยนสีไปไม่น้อย มันตะคอกคำออกมาเสียงหนัก

และแทบจะพร้อมกันกับคำตะคอกของหยางเจิ้นซิง

“ประเสริฐ! ประเสริฐนัก!!”

เสียงชราหนึ่งพลันดังลงมาจากฟากฟ้า น้ำเสียงยังคล้ายมากกล้นไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด!

ซัวว!

ภายใต้สายตาทุกคู่ เมฆใหญ่เหนือฟ้าพลันถูกบางสิ่งพัดกระจัดกระจาย ก่อนจะปรากฏหมอกสีเทาหนึ่งพุ่งวาบลงมา!

เมื่อหมอกสีเทาบรรลุถึง ไอหมอกก็ควบรวมก่อเกิดเป็นร่างชายชราในชุดสีเทาด้วยความเร็วสูง!