ตอนที่ 971 ทำงานในราชสำนัก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 971 ทำงานในราชสำนัก

หากการปกครองของต้าเยี่ยนทำให้ชาวบ้านในแคว้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมั่งคั่งกว่าต้าโจว เซียวหรงเหยี่ยนเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนกล้านำต้าโจวเข้าร่วมกับต้าเยี่ยนจริงๆ

ทว่า หากการปกครองของต้าโจวดีกว่าต้าเยี่ยน เซียวหรงเหยี่ยนไม่มีความกล้าที่จะนำต้าเยี่ยนเข้าร่วมกับต้าโจวได้แบบที่ไป๋ชิงเหยียนทำ

ตอนแรกเซียวหรงเหยี่ยนต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเพื่อสานต่อความฝันของมารดา

ต่อมาเมื่อเห็นแต่ละแคว้นเอาแต่ทำสงครามไม่หยุดหย่อนเพราะความเห็นแก่ตัวของผู้นำของแคว้นหรือเพราะต้องการแย่งชิงดินแดนและชาวบ้านของแคว้นอื่น จนครอบครัวแต่ละครอบครัวต้องแตกแยก ทุกคนพบกับความสูญเสีย เซียวหรงเหยี่ยนถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดท่านแม่ของเขาจึงอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนจึงตั้งมั่นไว้ว่าเขาจะรวบรวมใต้หล้าให้สำเร็จ คืนความสงบให้ชาวบ้านในยุคของเขาให้ได้

บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเพื่อความสงบสุขของใต้หล้าเช่นเดียวกัน ทว่า หญิงสาวอยากใช้ระบอบการปกครองของสองแคว้นเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะ เพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม หลีกเลี่ยงการนองเลือดของเหล่าทหาร ไม่ให้ชาวบ้านทนทุกข์เพราะสงครามอีกต่อไป

ไป๋ชิงเหยียนอาจมั่นใจว่าหากแข่งขันกันด้วยระบอบการปกครอง ต้าโจวต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน!

ทว่า ไม่ว่าอย่างไรเป้าหมายที่เซียวหรงเหยี่ยนอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งในตอนนี้คือการได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดนั่นอยู่ดี

เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีว่าหากพวกเขาทำสงครามกับต้าโจวขึ้นมาจริงๆ หากพวกเขาตัดสินผลแพ้ชนะจากจำนวนดินแดนที่ยึดครองได้ เหล่าทหารต้องเกิดการนองเลือด ชาวบ้านต้องได้รับความเดือดร้อน

ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนยังอยากใช้สงครามเพื่อยุติสงครามอยู่ดี

การให้ตระกูลมู่หรงยอมยกแผ่นดินให้แก่ผู้อื่นเพื่อชาวบ้านในใต้หล้า เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ใจกว้างถึงเพียงนั้น

หลี่จือเจี๋ยที่แต่งกายปลอมตัวเป็นบัณฑิตชาวต้าโจวที่ยืนแฝงกายอยู่ในกลุ่มคนกำพัดเหล็กในมือแน่น เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อยเป็นเวลานาน

ทั้งๆ ที่ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าทูตของละแคว้นล้วนอยู่ที่นี่ด้วย ทว่า หญิงสาวกลับประกาศกร้าวว่าต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งต่อหน้าเหล่าบัณฑิตของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนเช่นนี้ หญิงสาวถือโอกาสนี้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนให้แก่บัณฑิตทุกคน ให้พวกเขาพยายามเพื่อสิ่งเดียวกัน เช่นนี้ทุกคนจะได้สามัคคีปรองดอง เช่นนี้ระบอบการปกครองใหม่ของหญิงสาวที่อาจส่งผลกระทบต่อบัณฑิตและตระกูลสูงศักดิ์จะได้ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นเพียงเพราะทุกคนอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ

จู่ๆ หลี่จือเจี๋ยก็นึกถึงสำนวนหนึ่งที่ว่าหลักการอันยิ่งใหญ่เรียบง่ายที่สุด

ในแคว้นซีเหลียง หากต้องการปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ ขุนนางทุกคนที่สนับสนุนจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงต้องหาทางรับมือกับตระกูลขุนนางเก่าแก่และหากำลังสนับสนุนจากชาวบ้านทั้งหลายแทบตาย ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับใช้วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด บอกแผนการที่ตรงไปตรงมากับเหล่าบัณฑิตว่านางต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทำให้ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันขึ้นมาทันที

ต้าโจวใช้วิธีนี้ได้ ทว่า ซีเหลียงกลับใช้ไม่ได้

เพราะซีเหลียงไม่มีความสามารถและความมั่นใจเหมือนต้าโจว บัดนี้ซีเหลียงกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของแคว้นตัวเอง พวกเขาไม่สามารถขึ้นไปเทียบเทียมต้าโจวและต้าเยี่ยนในตอนนี้ได้

ดังนั้นหลี่จือเจี๋ยจึงยิ่งมั่นใจว่าซีเหลียงไม่สามารถเลี่ยงสงครามกับหรงตี๋ได้อีกแล้ว

หากซีเหลียงไม่ทำลายและยึดครองหรงตี๋ จากนั้นแข็งแกร่งขึ้นพอที่จะเข้าร่วมสังเวียนกับต้าโจวและต้าเยี่ยน

ซีเหลียงก็คงถูกหรงตี๋ทำลาย จากนั้นหรงตี๋กลายเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับต้าโจวและต้าเยี่ยนได้ต่อไป

เมื่อคิดได้ดังนี้หลี่จือเจี๋ยจึงไม่อยากรอช้าอีกต่อไป เขาหมุนกายจากไปทันที…

“ท่านอ๋องไม่รอดูผลลัพธ์ก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ” ลูกน้องของหลี่จือเจี๋ยเอ่ยถาม

“ไม่ต้องแล้ว รีบนำของขวัญไปพบใต้เท้าหลิ่วกันเถิด” หลี่จือเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปกล่าวกับลูกน้อง “นำของขวัญที่ก่อนหน้านี้เราเตรียมไว้ให้เซียวเซียนเซิงไปมอบให้ใต้เท้าหลิ่วทั้งหมด!”

ลูกน้องของหลี่จือเจี๋ยกำหมัดรับคำ

หลี่จือเจี๋ยหันกลับไปมองไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเดินนำลูกน้องจากไปทันที

บัดนี้ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเช่นเดียวกัน เขาสวมหมวกคลุมใบหน้ายืนมองลูกศิษย์สาวที่เขาภาคภูมิใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงเคยคิดเช่นเดียวกับบัณฑิตเหล่านี้ว่าบุรุษและสตรีควรมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน ความคิดของสตรีคับแคบเพียงแค่เรือนหลัง ทว่า ต่อมาสหายไป๋เวยถิงของเขาพาหลานสาวคนโตของตัวเองมาขอให้เขาช่วยอบรมสั่งสอน

หลานสาวของสหายของเขาผู้นี้ทำได้ดีกว่าผู้ใดทั้งสิ้น คำกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่กว้างใหญ่ของนางที่กล่าวหลังจากกลับมาจากสงครามทำให้เขายังสู้ไม่ได้

ดังนั้นไม่ใช่เพราะสตรีสู้บุรุษไม่ได้ แต่เป็นเพราะสตรีและบุรุษได้รับการอบรมสั่งสอนที่แตกต่างกัน นี่คือสิ่งจำกัดขอบเขตความคิดและความสามารถของสตรีทั้งหลาย

หากสตรีทุกคนของต้าโจวได้ร่ำเรียนวิชาในสำนักศึกษา วันหน้าจะมีสตรีอย่างไป๋ชิงเหยียนปรากฏให้เห็นอีกสักกี่คนกัน เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าว หากคนหนุ่มสาวมีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้แคว้น แคว้นจะไม่เจริญรุ่งเรือง ใต้หล้าจะรวมเป็นหนึ่งได้ไม่สำเร็จได้อย่างไรกัน!

รวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเชียวนะ…

ไป๋เวยถิงเคยกล่าวคำนี้ให้เขาฟังหลายครั้ง อีกทั้งมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งนี้มาทั้งชีวิต มั่นคงจวบจนวันตาย!

ขอบตาของปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา สิ่งที่สหายของเขาทำไม่สำเร็จ บางทีหลานสาวของเขาอาจทำสำเร็จขึ้นมาก็ได้ เขาหวังว่าตัวเองจะมีอายุยืนจนถึงวันที่ได้เห็นใต้หล้ารวบรวมเป็นหนึ่ง

ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงหันหลังกลับ บ่าวรับใช้ของปรมาจารย์กวนยงฉยงเซียนเซิงรีบเข้าไปช่วยประคองเขาจากไป

นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงเดินออกมาจากกลุ่มคน เขาจะเห็นปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงแห่งแคว้นเว่ยยืนเอามือไขว้หลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ อยู่ใต้ต้นไม้

ปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงโค้งกายคำนับปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิง ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงรีบโค้งกายคำนับกลับ

ขณะนั้นเองบัณฑิตในโถงน่าเสียนเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนต่อ “ขอทูลถามฝ่าบาท เหตุใดพระองค์จึงสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่พ่ะย่ะค่ะ คุณธรรมของสตรีคือการรักษาตัวให้บริสุทธิ์ ตระกูลใดจะรับได้ที่นายหญิงของตระกูลพวกเขาคือสตรีหม้ายที่เคยแต่งงานมาก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ เด็กคนใดอยากแยกจากมารดาของตัวเองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ากฎหมายข้อนี้ขัดต่อศีลธรรม ไม่ควรนำมาใช้พ่ะย่ะค่ะ…”

ปรมาจารย์ทั้งสองได้ยินเสียงบัณฑิตในโถงน่าเสียนเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม ทั้งสองมองหน้ากันยิ้มๆ

ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงคืออาจารย์ของไป๋ชิงเหยียน เขาไม่เคยสงสัยในตัวลูกศิษย์สาวผู้นี้ของตัวเอง เขาเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนจะโน้มน้าวใจบัณฑิตเหล่านี้ได้ เขาจึงพาปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงเดินจากไปหาที่จิบน้ำชาและสนทนารำลึกความหลังกัน

ไป๋ชิงเจวี๋ยมองเห็นปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงนานแล้ว ทว่า ไม่ได้เอ่ยปากบอกให้ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างรับรู้

เขารู้ว่าเหล่าบัณฑิตเชิญปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงมาที่นี่เพราะต้องการให้ท่านตำหนิพี่หญิงใหญ่ในฐานะอาจารย์ เขายังลอบปาดเหงื่อแทนพี่หญิงใหญ่อยู่เลย

บัดนี้เมื่อเห็นปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงเดินจากไป เขาจึงรู้ว่าพี่หญิงใหญ่ทำให้ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงคล้อยตามได้อีกคนแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากโถงน่าเสียนในยามเว่ย[1]

หัวหน้าสำนักกั๋วจื่อเจียนพาเหล่าบัณฑิตออกมาส่งไป๋ชิงเหยียนที่หน้าสำนักศึกษา ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหัวหน้าสำนัก “นับตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปจงเปิดวิชาใหม่ให้เหล่าบัณฑิตในสำนักอีกหนึ่งวิชา ข้าจะให้ขุนนางในราชสำนักมาเปิดอภิปรายเรื่องระบอบการปกครองกับบัณฑิตเหล่านี้ วันหน้าพวกเขาล้วนกลายเป็นเสาหลักของต้าโจว ให้พวกเขาได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้เร็วยิ่งขึ้น วันหน้าหากเข้าไปทำงานในราชสำนักจริงจะเป็นประโยชน์ต่อตัวพวกเขาเอง”

นำระบอบการปกครองในเวลานั้นมาอภิปรายกับบัณฑิตเหล่านี้อาจทำให้ต้าโจวมีแผนการปกครองที่ดีและเหมาะสมมากกว่าเดิม

[1] ยามเว่ย เวลาระหว่าง 13.00-15.00 นาฬิกา

*********************