ตอนที่ 973 แต่ละความผิดล้วนควรถูกประหาร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 973 แต่ละความผิดล้วนควรถูกประหาร

สตรีหม้ายโมโหจนร่างสั่นเทา ทั้งๆ ที่โมโหเต็มอก ทว่า กลับกล่าวสิ่งใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

สาวใช้ที่กอดเจ้านายของตัวเองไว้ในอ้อมแขนทนไม่ไหวจึงตวาดออกไปอย่างโมโห “สาบานต่อเทวดาฟ้าดิน! ท่านกล่าววาจาให้ร้ายคุณหนูของข้าเช่นนี้ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าบ้างหรืออย่างไร! คุณหนูของข้าแต่งงานเข้าตระกูลไป๋มาหลายปี นางดูแลปรนนิบัติพ่อแม่สามีอย่างดีมาโดยตลอด ไม่เคยคิดอกตัญญูแม้แต่น้อย พวกท่านบอกว่าเห็นคุณหนูของข้าเป็นเหมือนบุตรสาวแท้ๆ พวกท่านปฏิบัติต่อบุตรสาวของพวกท่านเช่นนี้อย่างนั้นหรือ!”

“ถุย! นางคนโง่หน้าไม่อาย! หากข้ามีลูกสาวอย่างเจ้า ข้าคงบีบคอเจ้าตายไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่เช่นนี้หรอก!” ภรรยาของผู้อาวุโสในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ตะโกนด่าอย่างไม่กลัวเสียหน้าอีกต่อไป

เมื่อเห็นชาวบ้านเริ่มมามุงดูกันมากขึ้น หญิงชรารู้ดีว่าไม่อาจจับลูกสะใภ้ของตัวเองถ่วงน้ำได้อีกแล้ว ไป๋ชิงเหยียนกำลังผลักดันระบอบการปกครองใหม่ หากพวกเขายืนกรานที่จะจับคนถ่วงน้ำ ไป๋ชิงเหยียนที่ไม่เคยเห็นญาติอย่างพวกเขาอยู่ในสายตาต้องนำพวกเขาไปเชือดไก่ให้ลิงดูแน่นอน

“เอาเถิด!” ชายชรามองหน้าหลูผิงนิ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ขอให้เรื่องนี้จบลงเพียงแค่นี้ก็แล้วกัน!”

“ท่านพี่!” หญิงชราเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากเชื่อว่าสามีของตัวเองจะปล่อยเรื่องทุกอย่างไปเช่นนี้ “นางจะแต่งงานใหม่นะเจ้าคะ!”

ผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋กำไม้เท้าแน่น มองไปทางสตรีหม้ายที่ตัวสั่นเทาพลางกล่าวขึ้น “หากเจ้าไม่อยากเป็นสะใภ้ของตระกูลไป๋แล้วจริงๆ ข้าจะตามใจเจ้า ข้าจะเขียนหนังสือหย่าให้เจ้าแทนลูกชายข้า!”

แม้ผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋จำเป็นต้องยอมแพ้ ทว่า เขากล่าวขึ้นอย่างช้าๆ อย่างโมโห “บัดนี้ตระกูลไป๋ของข้าคือเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ หากเจ้าเลือกที่จะจากไปในวันนี้ หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ข้าขอกล่าวไว้ตรงนี้เลยว่าตระกูลมารดาของเจ้าไม่กล้าล่วงเกินตระกูลไป๋ เมื่อเจ้าหย่าร้างไปแล้วเจ้าคงไม่กล้ากลับไปตระกูลฝ่ายมารดาของเจ้าอีก! วันหน้าไม่ว่าเจ้าจะแต่งงานออกเรือนไปกับผู้ใด ตระกูลไป๋จะไม่มีวันลืมความอัปยศในวันนี้ ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่! หากถ้อยคำเหล่านี้รู้ไปถึงหูญาติผู้พี่ของเจ้า เขาจะยังกล้าขอเจ้าแต่งงานอีกหรือไม่นะ!”

สิ้นเสียงของผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋ เสียงร้องของม้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง

เมื่อผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋หันไปมองและเห็นว่าผู้ที่ขี่ม้าเข้ามาคือไป๋ชิงเหยียน เขาจึงหวาดกลัวขึ้นมาในทันที เขารีบกระชากร่างของภรรยาให้คุกเข่าลงบนพื้น เหงื่อซึมทั่วใบหน้าทันที

ไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปเยือนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนไม่ใช่หรือ! ชาวบ้านมากมายล้วนไปดูเรื่องน่าสนุกที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน เหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงมาอยู่ที่นี่ได้!

“คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋รีบก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม

ชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุกคิดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะเสด็จมาที่นี่ด้วยตัวเองเช่นนี้ ทุกคนต่างก้มศีรษะคำนับแนบพื้น

เมื่อหลูผิงเห็นไป๋ชิงเหยียนจึงรีบพาบรรดาองครักษ์ตระกูลไป๋เข้าไปคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเพื่อทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่!”

“ลำบากลุงผิงแล้ว ลุกขึ้นเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางมองเลยไปทางสตรีหม้ายที่อยู่ด้านหลังองครักษ์ไป๋ที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของสาวใช้ราวกับจะขาดใจ “ประคองเจ้านายของเจ้าลุกขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เปียกบนรถม้าก่อน”

สตรีหม้ายได้สติจึงรีบพาสาวใช้ของตัวเองก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”

ไป๋ฉีเหอรีบมาอย่างรวดเร็ว ทว่า ก็ยังช้ากว่าไป๋ชิงเหยียนก้าวหนึ่งอยู่ดี เมื่อเขาไปถึง เขาเห็นสาวใช้ของสตรีหม้ายผู้นั้นกำลังประคองเจ้านายของตัวเองขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนรถม้าที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้หามาพอดี เขารีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“ประมุขไป๋ทราบเรื่องนี้หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋ฉีเหอที่กำลังก้มศีรษะคำนับแนบพื้น

“ทูลฝ่าบาท ไป๋ฉีเหอเพิ่งทราบเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ฉีเหอรู้ว่าตัวเองบกพร่องในหน้าที่อีกแล้ว เขารีบก้มศีรษะขอขมาไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมคือประมุขของตระกูล ทว่า ควบคุมดูแลคนในตระกูลได้ไม่ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ประมุขไป๋ลุกขึ้นก่อนเถิด…” ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลังพลางกำแส้ม้าแน่น ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางผู้อาวุโสของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยแววตาเย็นชา “ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้ากำลังผลักดันระบอบการปกครองใหม่ เจ้าในฐานะคนของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่เพียงไม่ปกป้องการปกครองระบอบใหม่ กลับคิดจับตัวสตรีหม้ายที่คิดแต่งงานใหม่ถ่วงน้ำ ผู้อาวุโสคิดต่อต้านกฎหมายใหม่ของต้าโจวอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นช้าๆ ทว่า ทุกคำล้วนหนักแน่นราวกับทองร้อยตำลึงที่กดทับจนผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เขารีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้น กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ทูล…ทูลฝ่าบาท แม้แคว้นจะมีกฎหมาย ทว่า ตระกูลก็มีกฎของตระกูลเช่นเดียวกัน กระหม่อมทำตามกฎของตระกูลทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”

“กฎของตระกูล…” ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบ “กฎของตระกูลไป๋สั่งห้ามไม่ให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่อย่างนั้นหรือ!”

ไป๋ฉีเหอรีบก้าวไปด้านหน้า “ทูลฝ่าบาท ไม่มีกฎเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ กฎของตระกูลบรรพบุรุษไป๋มีว่าหากสตรีหม้ายของตระกูลบรรพบุรุษลักลอบคบชู้กับชายนอกตระกูลจะถูกจับถ่วงน้ำพ่ะย่ะค่ะ! หากสตรีหม้ายลอบคบชู้กับคนในตระกูลหรือบ่าวรับใช้ในตระกูลจะถูกจับถ่วงน้ำทั้งคู่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาท!” ผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋ก้มศีรษะคำนับอีกครั้ง “กระหม่อมไม่ได้จับสตรีหม้ายผู้นี้ถ่วงน้ำเพราะนางอยากแต่งงานใหม่พ่ะย่ะค่ะ ทว่า เป็นเพราะนางลอบคบชู้กับญาติผู้พี่ของนางทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานใหม่จนทำลายชื่อเสียงของตระกูลไป๋พ่ะย่ะค่ะ ตามกฎแล้วนางควรถูกจับถ่วงน้ำพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปใกล้เล้าหมูที่ยังมีน้ำหยดอยู่พลางเอ่ยถามขึ้น “จับชายชู้ได้หรือไม่ ชายชู้คือผู้ใด”

ผู้อาวุโสไม่คิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ เขาได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามจึงตอบไปอย่างส่งๆ

“ฝ่าบาท นางต้องการแต่งงานใหม่กับญาติผู้พี่ที่สูญเสียภรรยาของนางยังไม่ถือเป็นหลักฐานอีกหรือเพคะ ญาติผู้พี่ของนางสูญเสียภรรยา บุตรชายของหม่อมฉันก็ดันมาจากไปเช่นนี้อีก ไม่แน่นางอาจจะร่วมมือกับญาติผู้พี่ของนางทำร้ายบุตรชายของหม่อมฉันและภรรยาของญาติผู้พี่นางจนเสียชีวิตก็ได้เพคะ” ภรรยาของผู้อาวุโสตะโกนเสียงสะอื้น “ฝ่าบาทต้องทวงความยุติธรรมให้พวกเรานะเพคะ”

ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังเล้าหมูนิ่ง สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม “หลักฐานเล่า”

ผู้อาวุโสหันกลับไปหาไป๋ชิงเหยียนโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ร่างทั้งร่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “ยังไม่มีหลักฐานพ่ะย่ะค่ะ”

“ยังไม่มีหลักฐานก็คิดลงโทษคนตามใจชอบโดยไม่เห็นค่าของคนเช่นนี้หรือ!” ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองผู้อาวุโสของตระกูล นิ้วลูบคลำไปที่แส้ม้าสีดำเบาๆ “การลงโทษตามกฎของตระกูลคือหน้าที่ของประมุข ทว่า เจ้ากลับแอบลงโทษสตรีหม้ายโดยที่ประมุขไม่รับรู้…”

“ทำผิดกฎหมายใหม่ ไม่เห็นค่าของชีวิตคน คิดสังหารชีวิตผู้อื่น แต่ละความผิดล้วนควรถูกประหาร!” ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น กวาดสายตามองไปทางภรรยาของผู้อาวุโสที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด “ผู้ใดก็ได้จับตัวพวกเขาส่งไปยังจวนว่าการจิ่งจ้าวอิ่น ลงโทษตามกฎหมาย!”

หลูผิงรีบนำคนเดินไปด้านหน้าเพื่อจับตัวคนชราทั้งสอง

ใจของผู้อาวุโสของตระกูลบรรพบุรุษไป๋กระตุกวูบ เขากล่าวขึ้นเสียงสะอื้น “ฝ่าบาท หลังจากที่บุตรชายของกระหม่อมแต่งงาน เขาเดินทางจากบ้านไปไกลเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวให้ภรรยาและบุตรที่จะเกิดในภายภาคหน้า ทว่า สุดท้ายแล้วบุตรชายของกระหม่อมกลับเสียชีวิตด้วยน้ำมือของโจรป่า กระหม่อมไม่มีแม้แต่หลานสักคน บุตรชายของกระหม่อมรักลูกสะใภ้ของกระหม่อมจริงๆ กระหม่อมจะปล่อยให้นางแต่งงานไปอยู่กับชายอื่นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

ภรรยาของผู้อาวุโสตะโกนขึ้นมาอย่างเจ็บปวดเช่นเดียวกัน “นี่มันกฎหมายอันใดกัน! เหตุใดต้องบีบบังคับให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ด้วย นางคือผู้หญิงของลูกชายข้าแท้ๆ !”

“นั่นนะสิ! เหตุใดกฎหมายใหม่ต้องบังคับให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ด้วย”

“นั่นนะสิ หากข้าตายก่อนเมียของข้า แล้วเมียของข้าหอบลูกไปแต่งงานใหม่ ข้าคงนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ”

………………