บทที่ 988 เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 988 เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

บทที่ 988 เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

เจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าเถาอวิ๋นอิงเป็นภรรยาทหาร

เขารู้แค่หญิงสาวมาขอความช่วยเหลือหลังจากพบว่าลูกโดนกลุ่มค้ามนุษย์ขโมยไป

นอกจากนี้จะไม่รู้ว่ามีภรรยาทหารอยู่บนรถไฟแล้ว ลูกของเธอยังโดยขโมยไปอีก ทุกคนบนรถไฟจึงรู้สึกผิดมาก

เพื่อชดเชยความผิด พวกเขาจึงคิดจะดูแลเถาอวิ๋นอิงเป็นอย่างดี

เกิดเรื่องขนาดนั้น ดูแลแค่นี้ไม่พอหรอก

แต่พอมีคนเสนอตัวจะดูแลอีกฝ่ายให้ เจ้าหน้าที่ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

เขาส่งต่อหน้าที่ให้เสี่ยวเถียนอย่างเคร่งขรึม

แล้วกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ

เสี่ยวเถียนละอายใจเหลือเกิน

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ พี่เถาเป็นถึงภรรยาทหาร เป็นบุคคลที่ควรค่าแก่ได้รับความเคารพจากพวกเรา หนูรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ดูแลพี่เขาค่ะ”

เด็กสาวหมายความเช่นนั้นจริง ๆ และใช้เวลาที่เหลือนับจากนี้ดูแลเธอและลูกอย่างดี

เรียกได้ว่าพอลงจากรถแทบไม่มีสิ่งใดให้กังวลเลย

ตอนไปส่งก็พบกับทหารนายหนึ่ง เถาอวิ๋นอิงรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับลูก

รถไฟเทียบชานชาลาไม่นาน เสี่ยวเถียนจึงไปได้ไม่ไกลนัก

“พี่เถา กระเป๋าอยู่ตรงนี้นะคะ หนูขึ้นรถก่อนเน้อ”

หลังจากตะโกนก็กระโดดขึ้นรถทันที

ประตูปิดลง

เธอมองออกไปเห็นสองแม่ลูกโบกมือไล่หลัง ตนจึงรีบโบกคนทั้งสามผ่านบานหน้าต่าง

ภายใต้แสงสลัว เสี่ยวเถียนเห็นรอยยิ้มของพวกเขา ใจพลันรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่มีความหมายเหลือเกิน

เธอกลับไปที่ห้องโดยสาร ก่อนปีนขึ้นเตียงกลับไปอ่านหนังสือต่อ

เซี่ยหนานเฝ้ามอง เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจเรื่องที่ไปเสี่ยงอันตรายมาอีกแล้ว

ช่างเถอะ พวกเด็ก ๆ มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอนั่นแหละ

ถ้าทุกคนมีความยุติธรรมเช่นเดียวกับเสี่ยวเถียน อาชญากรรมคงลดลงด้วยใช่ไหมนะ?

คืนนี้ผ่านไปอย่างสงบ เสี่ยวเถียนตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวเตรียมกินข้าว

อิ่นหรูอวิ๋นมองคนฝั่งตรงข้ามที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วรู้สึกว่าขนมปังในมือไร้รสชาติไปเลย

แต่ตนทำได้แค่กินต่อไปเท่านั้น

ตอนนี้เหลือแค่สองแผ่น ถ้าไม่กินก็ต้องอดตาย

หลังจากกินน้ำตบท้าย อิ่นหรูอวิ๋นก็กลับมานอนที่เตียงต่อ

อีกฝั่งของห้อง พอกินข้าวเสร็จแล้วเสี่ยวเถียนเตรียมอ่านหนังสือ

กว่าจะถึงเมืองหลวงก็หลังบ่ายสามนู่น

จริง ๆ ต้องถึงตั้งแต่เที่ยง แต่ว่ารถไฟดีเลย์น่ะ

ในยุคนี้รถไฟดีเลย์กันเป็นปกติมาก

ชุยถงหลานอุ้มลูกพร้อมกระเป๋ามาหาที่ห้องโดยสาร

“ทำไมพี่ถงหลานหิ้วกระเป๋ามาด้วยล่ะ?”เสี่ยวเถียนรีบเข้าไปช่วย

สองแม่ลูกพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ใบเดียว ไม่ได้หนักอะไรมาก

“อยู่คนเดียวมันน่าเบื่อน่ะ พี่เลยอยากมาคุยเล่นด้วย”

ชุยถงหลานยิ้มทักทายเซี่ยหนาน

ที่นั่งเธออยู่ตั๋วนอนแบบนิ่มเหมือนกัน สภาพแวดล้อมจึงดีกว่าเบาะแข็งเยอะ

แต่คนในห้องเอาแต่จีบปากจีบคอพูดกัน

เธอไม่ชอบคนแบบนั้น เลยหิ้วสัมภาระมาหาเสี่ยวเถียนแทน

คนนิสัยคล้าย ๆ กันมักเข้ากันได้ดีเสมอ

ด้วยนิสัยของชุยถงหลาน เสี่ยวเถียนและเซี่ยหนาน ต่างก็มีสิ่งที่ค่อนข้างเหมือนกันน่ะ เลยคุยกันถูกคอ

ยิ่งกับเธอและเด็กสาว ต่อให้อายุห่างเป็นรอบก็ยังคุยด้วยกันได้

เซี่ยหนานถึงกับบอกว่า ถ้าอยู่ด้วยกันสักสิบวันคงได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานแน่นอน

ถึงจะฟังดูตลก แต่มันเห็นได้ชัด ๆ เลยว่าทั้งสองคนเหมือนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่

อิ่นหรูอวิ๋นมองฉากนั้นด้วยความอิจฉา

เธอหวังว่าจะเป็นเหมือนซูเสี่ยวเถียนได้ เข้ากับคนอื่นได้ดี เป็นมิตรกับคนมากมาย

แต่ความอิจฉาทำให้เธอตาบอด

ตอนนี้เธอกลับเข้าที่เข้าทางแล้ว และตั้งตัวเป็นคนดีใหม่

ได้แต่เสียใจที่ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้เป็นเพื่อนที่ดีกับซูเสี่ยวเถียน

คงเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่แล้วละ!

ครึ่งเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงเวลากินข้าวกลางวันแล้ว

“เดี๋ยวพี่ไปซื้อข้าวก่อนนะ มื้อนี้กินข้าวของรถไฟกัน!”

ชุยถงหลานเสนอ

เสี่ยวเถียนรีบบอก “พี่ถงหลานพักเถอะค่ะ พวกของกินหนูเอามาเหมือนกัน พี่จะต้องอิ่มแน่นอน”

ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยกินอาหารของรถไฟจะรู้ได้ว่ามันไม่อร่อยเลย

ถ้าเลือกได้ตนจะไม่เอาอย่างแน่นอน

ชุยถงหลานสับสน

เราเดินทางกันตั้งหลายวัน ไม่เสียไปหมดแล้วหรือ?

ถึงจะหยุดตามที่น้องบอก แต่จริง ๆ ใจลุกไปซื้อข้าวแล้ว

ผู้โดยสารคนอื่น ๆ คงไม่เหลืออาหารกันอีก คนต้องไปซื้อเยอะแน่เลย

ถ้าไปช้าจะไม่ทันการเอา

ตอนนั้นเองที่เห็นเสี่ยวเถียนหยิบอาหารออกมาจากกระเป๋าใต้เตียง

มีแป้งทอดสีขาว ขวดโหลสองใบ แต่ไม่รู้ใส่อะไรไว้ในนั้น

มีไข่ แตงกวา มะเขือเทศ และผลไม้อีกเล็กน้อย

“อันนี้คือซอสเห็ด ส่วนอันนี้เป็นซอสเนื้อค่ะ กินกับแป้งทอดอันนี้อร่อยมากนะ ใส่แค่แตงกวากับมะเขือเทศยังอร่อยกว่าข้าวกล่องอีก”

ชุยถงหลานเห็นแล้วเชื่อ

“เสี่ยวเถียน เธอเดินทางพร้อมกับเอาอาหารมาขนาดนี้เลยหรือ?”

“น่าเสียดายจังเลยค่ะที่ไม่มีซุปบะหมี่ร้อน ๆ มีแค่อาหารเย็นทั้งหมดเลย” เธอทอดถอนใจ

“แค่นี้ก็ดีแล้วนา ขนาดกินข้าวที่บ้านยังไม่หรูเท่านี้เลย!” ชุยถงหลานตกใจ

ฐานะบ้านเธอถือว่าดี แต่ปกตินอกจากมื้อหลักแล้วไม่ค่อยได้กินพวกผลไม้หรอก

“เสี่ยวเถียนไม่ห่วงเรื่องกินน่ะ” เซี่ยหนานชักสงสัย กระเป๋าใบนั้นมีแต่ของกินหมดเลยหรือเปล่า

ไม่อย่างนั้นข้าวสามมื้อจะกินหลากหลายขนาดนี้ได้ยังไงกัน?

“เป็นคนละเอียดอ่อนสินะ!”

เสี่ยวเถียนละอายใจเหลือเกิน

“หนูแค่ใส่ใจเรื่องกินเฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้ละเอียดอะไรแบบนั้นหรอก”

“เรื่องจริงนะถงหลาน คุณอาจจะยังไม่รู้ แต่ครอบครัวเสี่ยวเถียนมีคนทำอาหารเก่งอยู่ด้วยน่ะ โตมากับของอร่อย ๆ ไม่แปลกที่จะจุกจิกเป็นพิเศษ!”

ชุยถงหลานประหลาดใจมาก

“อาจารย์เซี่ย สมาชิกบ้านเสี่ยวเถียนมีคนเป็นเชฟด้วยหรือคะ?”

ประชากรในเมืองหลวงมีคนทุกประเภท ไม่แปลกใจหากจะมีสักคนที่เป็นทายาทเชฟในวัง

แต่เสี่ยวเถียนเหมือนไม่ใช่คนในเมืองเลยนี่นา

“คุณเคยได้ยินชื่อร้านอาหารหออีหมิงหรือเปล่าคะ?”

แค่คำว่า ‘หออีหมิง’ ก็ทำเอาชุยถงหลานตาเบิกกว้าง

++++++++++++++++++++++++++++