War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2329
ตอนที่ 2,329 : ราวเทพ
ทุกผู้ชมในที่นี้ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจไม่ตกตะลึง!
แน่นอนว่าทุกสิ่งที่อุบัติขึ้นในห้วงเวลาสั้นๆ อาศัยพลังฝึกปรือของพวกมันย่อมไม่มีใครมองเห็นสิ่งใดได้
หากแต่ผลลัพธ์ที่เผยออกมา ทำให้พวกมันตกตะลึงทั้งอื้ออึงนัก!
เลี่ยวหนันเจียง เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ อาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกมัน มิคาดกลับถูกฆ่าทิ้งไปแล้ว! ยังตายตกลงด้วยน้ำมือของนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน ยอดฝีมือมนุษย์!
ยิ่งไปกว่านั้นยังฆ่าได้ง่ายดายราวกับไม่ลำบากอะไร
“ฉีกเปิดความว่างเปล่า…พลังของมันไฉนถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้!?”
จ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉิน มองไปยังรอยแยกมิติท่ามกลางความว่างเปล่าข้างๆต้วนหลิงเทียนสลับกับร่างต้วนหลิงเทียนอย่างหวั่นหวาด ลูกตาของมันหดเล็กลงแทบปิด ใบบหน้าเผยความตกใจอึ้งทึ่ง
เท่าที่มันล่วงรู้
ผู้ที่สามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าและทิ้งรอยแยกมิติเอาไว้เช่นนี้ได้นั้น คือตัวตนที่มีพลังตั้งแต่ขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ขึ้นไป!
ถึงแม้เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์จะแข็งแกร่งไม่ธรรมดา หากแต่พลังอำนาจยังไม่มากพอจะฉีกเปิดความว่างเปล่า!
นี่เป็นเหตุผลว่าไฉนแม้เลี่ยวหนันเจียงจะลงมือจู่โจมออกด้วยพลังทั้งหมดแล้ว แต่ก็ทำให้ความว่างเปล่าเพียงบิดเบือนสะท้านปานจะทลายลงได้ทุกเวลาเท่านั้น แต่ไม่อาจฉีกเปิดความว่างเปล่าได้จริงๆ…
ทลายว่างเปล่า นั่นคือพลังอำนาจของตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ขึ้นไป!
‘พลังของเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันสูงทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เชียวหรือ!?’
อวี่เหวินฮ่าวเฉินรู้สึกว่าเรื่องราวมันช่างสุดที่จะเชื่อได้จริงๆ!
อย่างไรก็ตามความเป็นจริงตั้งอยู่เบื้องหน้า ให้มันไม่อยากจะเชื่อแค่ไหนมันก็ต้องเชื่อ!!
ในฐานะที่มันเองก็เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะคนหนึ่ง แม้จะไม่อาจมองเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนต่อเลี่ยวหนันเจียงได้ชัดเจนทั้งหมด แต่มันก็พอจับเรื่องราวคร่าวๆได้ๆ
เลี่ยวหนันเจียงลงมือเต็มกำลังแล้ว หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ!
‘ในช่วงเวลาสุดท้ายนั่น…อยู่ดีๆทั่วร่างต้วนหลิงเทียนกลับเปล่งรังสีกระบี่ออกมามหาศาล อีกทั้งตัวมันก็กลับกลายเป็นรังสีกระบี่ที่ว่า ก่อนรังสีกระบี่นับพันหมื่นนั่นจะควบรวมก่อเกิดกระบี่ขาวพิสุทธิ์เล่มหนึ่ง…’
‘กระบี่สีขาวนั่น มันฟันไปยังร่างอาวุโสเลี่ยวที่ผสานไปกับพลังโจมตีทิ้งได้ง่ายดาย! แค่ตวัดกระบี่แนวราบจากซ้ายไปขวาเท่านั้นแต่กลับทำให้เกิดรอยแยกมิตินั่นได้!แถมกระบี่ที่ตวัดยามนั้นก็ไม่ได้ฉับไวอะไรมากมาย กระทั่งข้ายังเห็นชัด!’
‘ที่น่ากลัวคืออำนาจพลังของมัน ที่สามารถฉีกเปิดได้กระทั่งความว่างเปล่า! มันฟันร่างอาวุโสเลี่ยวพร้อมพลังมหาศาลนั่นได้ง่ายๆ จนสุดท้ายอาวุโสเลี่ยวก็สลายหายไปในรอยแยกมิติที่มันฉีกเปิด’
ฉากก่อนหน้านั้นตราตรึงอวี่เหวินฮ่าวเฉินนัก ทำให้จนถึงตอนนี้มันยังตื่นตระหนกไม่หาย
ภาพต้วนหลิงเทียนที่คนทั้งคนกลับกลายเป็นกระบี่ ทั้งหนึ่งกระบี่กลับกรีดเปิดความว่างเปล่านั่น…!
‘หากพิจารณาจากความกว้างและความยาวของรอยแยกมิติที่ต้วนหลิงเทียนฉีกเปิด…พลังของมันให้เทียบกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ทั่วไป น่ากลัวยังเหนือกว่ามาก!’
ในใจอวี่เหวินฮ่าวเฉินอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคิดดังกล่าวขึ้น
ห่างออกไปไกลๆ ต้วนหลิงเทียนที่ก้มหน้าครุ่นคิดอะไรอยู่นั้น
อยู่ๆก็ยกมือขึ้นมาลวกๆ ทันใดนั้นรังสีพลังกระบี่พลันปะทุออกมาจากฝ่ามือ พริบตาก็ก่อเกิดเป็นกระบี่พลังมีสภาพเล่มหนึ่ง
‘ข้ารู้สึกเหมือนต่อให้ไม่ต้องใช้พลังอะไรมากมาย…ก็สามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าได้ ไหนลองดู…’
เพียงใจคิดต้วนหลิงเทียนก็ตวัดกกระบี่ที่ผนึกสร้างขึ้นมาจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดไปมาเพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง
ความเร็วในการตวัดกระบี่รอบนี้ไม่เร็วไม่ช้า
อย่างน้อยๆทุกคนก็สามารถสังเกตเห็นวิถีกระบี่ของเขาได้อย่างชัดเจน
และเมื่อกระบี่พลังสีขาวนั่นลากผ่านไปยังที่ใด ทุกผู้คนก็สามารถแลเห็นได้ชัดเจน ว่าทุกที่ๆกระบี่กรีดผ่าน กลับบังเกิดรอยแยกขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าอีกครั้ง!
รอยแยกที่ว่าหากเทียบกับรอยแยกที่ต้วนหลิงเทียนฉีกเปิดก่อนหน้าข้างๆ มันเล็กกว่ากันมาก!
อย่างไรก็ตามนี่บ่งบอกถึงเรื่องหนึ่ง…ต้วนหลิงเทียนสามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าได้โดยไม่ต้องใช้เวทย์พลังจู่โจมหรือวรยุทธ์เซียนใดๆรวมถึงสำนึกกระบี่จากยอดใจกระบี่! อาศัยแค่กระบี่พลังที่ควบสร้างอย่างไร้เรื่องราวก็สามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าได้!!
“นิ…นี่จักเป็นไปได้อย่างไร!?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนสามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าได้โดยไม่ต้องใช้อะไรมากมาย เหล่าชนชั้นผู้นำของ 2 วัง 6 ตำหนัก ไม่เว้นอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ก็ตื่นตระหนกตกใจกับความทรงพลังของต้วนหลิงเทียนนัก!
“นี่มันอะไรกัน?! กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ก็มิอาจฉีกเปิดความว่างได้ตามอำเภอใจเช่นนี้มิใช่หรือ?”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้พึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแท้ๆ แต่พลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์แล้ว…ข้าใช่กำลังฝันไปอยู่หรือไม่?”
“มันเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่ผิดแน่ แต่ที่มีพลังระดับนี้ได้สมควรเป็นเพราะเวทย์พลังสนับสนุนนั่น!ที่แท้มันใช้เวทย์พลังสนับสนุนอันใดกันแน่!?”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง…เกรงว่าเวทย์พลังสนับสนุนของมันจักมิใช่เวทย์พลังของระนาบโลกียะเป็นแน่!”
…
นอกจากอวี่เหวินฮ่าวเฉินแล้ว เหล่าชนชั้นผู้นำต่างๆ ได้แต่สนทนากันเซ็งแซ่ เพราะตอนนี้พวกมันตระหนักถึงความน่ากลัวของเวทย์พลังสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกแล้ว
ถึงกับสามารถทำให้ผู้ที่บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ มีพลังถึงขอบเขตนี้ได้!
เวทย์พลังสนับสนุนนั่นน่ากลัวปานใดย่อมจินตนาการออกได้เลย!
ในขณะที่ทั้งหลายกกำลังตื่นตระหนกกับพลังของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง!
“ใจกระบี่เหิน!”
เพียงห้วงคิดจิตสั่ง กระบี่พลังสีขาวในมือต้วนหลิงเทียนก็เริ่มพุ่งทะยานไปในความว่างเปล่าราวมังกรขาวท่องนภา!
ทันใดนั้น
เปรียะ!
เปรียะ!
…
เสียงประหนึ่งบางสิ่งฉีกขาดดังขึ้นถี่ยิบ
ยามเมื่อประกายแสงสีขาวพุ่งฉวัดเฉวียนไปรอบๆกายต้วนหลิงเทียน มันก็ได้ทิ้งรอยแยกมิติอันน่ากลัวเอาไว้บนความว่างเปล่ารอบตัวต้วนหลิงเทียน!
ไม่นานความว่างเปล่ารอบตัวต้วนหลิงเทียนก็มีสภาพไม่ต่างใดจากกระดาษที่ถูกกรีดจนวิ่น เริ่มสะเทือนสะท้านไปมาไม่เสถียร!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
เสียงกระบี่พุ่งแหวกอากาศดังหวีดหวิวแว่วขึ้นไม่หยุดยั้ง ความว่างก็เริ่มถูกสะบันฉีกเปิดระรัว บัดนี้สภาพไม่ต่างใดจากกระดาษวิ่นๆกำลังหลุดลุ่ย
มองไปเวลานี้ต้วนหลิงเทียนเสมือนเทพเจ้ามิติก็ไม่ปาน ยามไปถึงที่ใดห้วงมิติก็พังทลาย!
‘ใจกระบี่เหินจากเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจ มีพลังทำลายน้อยกว่าเคล็ดกระบี่ใจกระจ่างไม่น้อยเลยจริงๆ…’
หลังจากเวลาผ่านไปราวๆ 1 เค่อ รอยแยกมิติมากมายรอบตัวต้วนหลิงเทียนก็เริ่มคืนสภาพกลับมาเป็นปกติ
คงเหลือเพียงรอยแยกมิติที่ต้วนหลิงเทียนฉีกเปิดไว้ตอนแรก ที่ยังคืนสภาพไม่สมบูรณ์
และรอยแยกมิติที่ว่าก็เป็นต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเคล็ดกระบี่ใจกระจ่าง ขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่ฉีกเปิด!
‘เคล็ดพลังที่ได้จากขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่ กระบี่ใจกระจ่างนั่น…ทำให้ทั้งข้าและพลังในร่างผสานหลอมรวมกันเป็นกระบี่ เช่นนั้นต่อไปเรียก ‘กายกระบี่รวมหนึ่ง’ แล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ
เรียกว่าตอนนี้การผสานระหว่างร่างกายและกระบี่ให้รวมเป็นหนึ่ง เป็นพลังอำนาจจู่โจมสูงสุดเท่าที่ต้วนหลิงเทียนจะใช้ออกได้!
‘หากข้าผสานใช้ออกด้วยเซียนอมตะข้ามภพ กายกระบี่รวมหนึ่งจะไม่ใช่แค่ปรากฏ 1 กระบี่อีกต่อไป…ตอนนั้นข้าสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นกระบี่ หรือใช้ให้ร่างแยกทั้งหลายเปลี่ยนเป็นกระบี่ได้…แถมคราวนี้ก็มีกระบี่พลังร้ายกาจให้ใช้หลายเล่ม!’
พอคิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงจ้าขึ้นมา มองไปดั่งดารากลางฟ้ายามราตรีกาล
‘อย่างไรก็ตามพลังของเลี่ยวหนันเจียง เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์นั่นไม่นับเป็นอะไรจริงๆ…ไม่ต้องลำบากใช้พลังของขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่ กายกระบี่รวมหนึ่งอะไร…กระทั่งไม่ต้องใช้อะไรให้วุ่นวายข้าก็ฆ่ามันได้ง่ายๆ’
‘ตอนนี้หลังข้าเสริมพลังด้วยปฐมเวทย์กลืนกินแล้ว ไม่ต้องลงมือวุ่นวายอาศัยแค่กระบี่พลังธรรมดาๆข้าก็ฉีกเปิดความว่างเปล่าได้ไม่ยาก…’
‘แต่เลี่ยวหนันเจียงนั่นกระทั่งมันทุ่มพลังทั้งหมดออกมา ถึงมันจะทำให้ความว่างเปล่ายุบตัวทั้งสะท้านสะเทือน แต่มันก็ไม่มีปัญญาฉีกเปิดความว่าง…’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักได้ชัดเจน ถึงช่องว่างระหว่างเขากับเลี่ยวหนันเจียง
‘ไม่คิดเลยจริงๆว่าหลังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว พอใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน มันกลับเพิ่มพลังให้ข้าจนสูงล้ำได้ขนาดนี้…สมแล้วที่ปฐมเวทญ์กลืนกินเป็นเวทย์พลังที่แม้แต่ในระนาบเทวโลก ก็ถือว่าไม่ธรรมดา!’
ถึงตัวต้วนหลิงเทียนเองจะประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของตัวเองตอนนี้เช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
เพราะสุดท้ายแล้วเขาไม่เพียงแต่จะกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินที่อยู่ในบรรยากาศทั่วเมืองเหรินโม่เชิ่งเท่านั้น เขายังกลืนกินกระทั่งพลังวิญญาณฟ้าดิน ในสายแร่หินเซียนและชีพจรวิญญาณจนเกลี้ยงกริบ!
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
…
หลังผ่านไปอีกราวๆเค่อหนึ่ง ในที่สุดรอยแยกมิติเบื้องหน้าก็หายสนิท
คงเหลือเพียงต้วนหลิงเทียนลอยร่างอย่างสงบท่ามกลางความว่างเปล่า ทุกสายตายามนี้มองไปให้ความรู้สึกเสมือนร่างที่ลอยอยู่ไม่ใช่ผู้คนแต่เป็นเทพ!
“พี่เทียน!”
เค่อเอ๋อมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาทอประกายเจิดจ้า หน้างามของนางเผยความเคารพเทิดทูนถึงขีดสุด
“ท่านพ่อทรงพลังยิ่ง!”
สองตาต้วนซือหลิงเองก็ทอประกายชื่นชมจ้าอย่างหน้ามืดตามัว
ก่านหรูเยี่ยนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน
“มัน…ร้ายกาจยิ่ง…”
สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนของหวงเหวินจิ้ง ยังซับซ้อนยิ่งกว่าก่านหรูเยี่ยนเสียอีก ในใจเต็มไปด้วยรสชาติมากมายยากจะกล่าว
“ได้มีนายท่านเช่นนี้ ชีวิตข้าเกิดมานับว่าไม่สูญเปล่าแล้ว!”
เผิงไหลยามนี้มันยืนตัวตรงอกผายไหล่ผึ่ง หน้ายังเชิดขึ้นเล็กน้อย ราวกับมันกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงที่แลดูประหนึ่งเทพผู้นั้นเป็นนายท่านของมัน
‘น้องหลิงเทียน…’
ในขณะที่หวงฉี่หลิงบังเกิดความสุขความยินดีกับความสำเร็จของต้วนหลิงเทียน แต่ในใจมันรู้สึกละอายไม่น้อย ไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวคำน้องหลิงเทียนออกมาจากปาก..
อวิ๋นฟู่เหย่ที่ยืนอยู่ข้างๆหวงเหวินจิ้ง ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาผวา ตอนนี้ในหัวของมันไร้ความคิดอื่นใด…คงเหลือแต่ความหวาดกลัวเท่านั้น!
“ประมุขหยาง”
หลังลอยร่างสงบด้วยสภาวะประหนึ่งเทพไม่นาน ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวกับประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ด้วยน้ำเสียงทีท่าแลดูสบายๆไม่จริงจัง
“ขอโทษที…พอดีข้าพลังมือไปหน่อย เผลอฆ่าอาจารย์ของท่านตายไปซะแล้ว…”