บทที่ 998 กู้หนิงผิงต่อยคน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 998 กู้หนิงผิงต่อยคน

บทที่ 998 กู้หนิงผิงต่อยคน

เช่นเดียวกับตอนนี้ กู้หนิงอันตั้งใจเรียนเป็นอย่างหนัก แต่สุดท้ายชื่อลำดับแรกในการสอบซิ่วไฉกลับเป็นของกู้จือเหวิน

ผู้ใดเล่าจะทนไหว

ระหว่างสองพ่อลูกกำลังคุยกันนั้น ทันใดนั้นมีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากข้างนอก และตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ “อาจารย์สวี พวกท่านบอกว่าคะแนนของกู้จือเหวินสลับกับคะแนนของพี่ชายข้าหรือขอรับ”

คนที่ปรากฏตัวคือกู้หนิงผิง

เรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กู้หนิงผิงและฉือโถวเข้ามาในเมืองเพื่อซื้อของด้วยกัน หลังจากซื้อของเรียบร้อย กู้หนิงผิงบอกว่าจะไปหาพี่ชายที่หอหนังสืออวี้

ทว่าเขากลับไม่ได้พบกับกู้หนิงอัน แต่ได้ยินการสนทนาระหว่างสวีเฉิงเจ๋อและพ่อของเขา

แรกเริ่มเดิมทีนั้นเขาไม่เข้าใจ แต่ต่อมาเขาก็เข้าใจได้ในทันที

โทสะให้ในใจของเขาพุ่งสูงขึ้น

เขาไม่ได้แม้แต่จะเคาะประตูด้วยซ้ำ แต่กลับถลาเข้ามาและถามว่าเมื่อครู่สวีเฉิงเจ๋อพูดอะไร

ใบหน้าของสวีเฉิงเจ๋อมองดูแล้วน่าเกลียดมากเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหม่องหม่น “เพราะข้ารู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นข้าจึงไปที่เมืองรุ่ยเสียนเพื่อตรวจสอบ ข้าเห็นทั้งเอกสารการทดสอบของจือเหวินและหนิงอัน ข้อสอบของหนิงอันล้วนมีคะแนนดีเยี่ยมทั้งหมด แต่คะแนนที่ดีที่สุดของจือเหวินคือคะแนนดีเท่านั้น และที่ได้มากที่สุดคือคะแนนพอใช้และคะแนนอ่อนมาก ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่แย่มาก ระเบียบการสอบถงชื่อมีการสอบห้าครั้งและต้องได้คะแนนดีเยี่ยมสองวิชา และคะแนนดีสองวิชาจึงจะสอบผ่านได้ แต่คะแนนของจือเหวินไม่ได้เข้าใกล้การสอบผ่านเลยด้วยซ้ำ”

ใบหน้าของกู้หนิงผิงดำมืดราวกับถ่าน เขาโกรธมากจนร่างกายของเขาแทบจะระเบิด สวีเซียนหลิวกลัวว่าเขาจะทำการโง่เขลา ดังนั้นจึงรีบเกลี้ยกล่อมทันที “ข้ากำลังหารือขั้นตอนต่อไปกับเฉิงเจ๋อ เรื่องนี้เจ้าอย่างเพิ่งผลีผลามไปล่ะ ต้องรอก่อน”

“กู้จือเหวิน ไอ้คนสารเลว!”

ก่อนที่สวีเซียนหลินจะเอ่ยจบประโยคก็เห็นกู้หนิงอันกำหมัดแน่นแล้ววิ่งออกไปด้านนอกโดยไม่กันหลังกลับมามองแม้แต่น้อย

สวีเฉิงเจ๋อกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่โง่เขลา จึงรีบวิ่งตามต่อไป หากแต่เด็กคนนั้นหายลับไปจากสายตาเขาแล้ว

ฉือโถวยังคงรออยู่ข้างนอกรถม้า และรู้สึกประหลาดใจที่เห็นสวีเฉิงเจ๋อรีบออกมา “อาจารย์สวี”

“เจ้าเห็นหนิงผิงหรือไม่?” สวีเฉิงเจ๋อถามอย่างกังวลใจ

ฉือโถวอึ้งไปครู่หนึ่ง “ไม่ขอรับ”

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ประตูของหอหนังสืออวี้ แต่เมื่อครู่ที่เขาเงยหน้าขึ้นและจิบน้ำ ในพริบตา กู้หนิงผิงก็หายตัวไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นหรืออาจารย์สวี” ครั้นเห็นท่าทางกระวนกระวายของสวีเฉิงเจ๋อ ฉือโถวก็เริ่มรู้สึกกังวลเช่นกันและเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

“รีบไปหาหนิงผิงเร็วเข้า อย่าปล่อยให้เขาทำเรื่องโง่เขลาเด็ดขาด” สวีเฉิงเจ๋อร้อนรนและรีบวิ่งออกไปทันที

เมื่อฉือโถวได้ยินสิ่งนี้ เขาก็กระโดดลงจากรถม้า ผูกรถม้าเข้ากับประตูหอหนังสืออวี้อย่างลวก ๆ และรีบออกไปตามหากู้หนิงผิง

หลังจากที่กู้หนิงผิงออกจากหอหนังสืออวี้ เขาต่างค้นหาไปทั่วท้องถนน

ได้ยินมาว่าในช่วงที่ผ่านมา กู้จือเหวินได้พบปะกับสหายร่วมชั้นทุกวันเพื่อเฉลิมฉลอง และช่วงเวลานี้อาจจะยังสามารถหาเขาได้

กู้จือเหวินเป็นผู้มีชื่อเสียงในเมืองหลิวเจีย และเมื่อเอ่ยถาม ไม่ว่าผู้ใดก็จะรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน

เวลานี้กู้หนิงผิงเจอที่อยู่ของกู้จือเหวินแล้ว และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องรับรองห้องหนึ่ง กลิ่นอาหารและกลิ่นสุราลอยออกมาจากภายใน อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจากแป้งฝุ่นจาง ๆ

มีทั้งเสียงเฮฮาและเสียงหัวเราะจากข้างใน เสียงผู้ชายและผู้หญิงปะปนกัน

กู้หนิงผิงผลักประตูให้เปิดออกอย่างแรงและบุกเข้าไปข้างใน ทำให้ทุกคนหันมองมาที่กู้หนิงผิงด้วยความแตกตื่น

กู้จือเหวินถือจอกเหล้าในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือโอบร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งหนาเตอะ และบังคับให้นางดื่มสุรา

เขาเป็นเพียงแค่เด็กที่ยังไม่โตเต็มวัย แต่กลับเลียนแบบนิสัยการดื่มสุราของผู้ใหญ่ ช่างดีเสีย จริง ๆ ตัวอย่างที่ดีไม่เลียนแบบ แต่เลียนแบบวิธีที่เพื่อนใช้เวลาไปวัน ๆ และดื่มเหล้าเมามาย

แต่เนื่องจากเขาได้สอบผ่านซิ่วไฉแล้ว กู้ฉวนลู่เองก็มีความสุขเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ห้ามปรามและปล่อยเขาไป

ภายในห้องมีชายหญิงไม่ต่ำกว่าสิบคน

ทุกคนเห็นกู้หนิงผิงวิ่งเข้ามาด้วยความเดือนดาลโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า พวกเขาได้แต่ตกตะลึงไปชั่วขณะ

ฉวยโอกาสจากความมึนงงของทุกคน ดวงตาของกู้หนิงผิงแดงก่ำ เขาก้าวไปข้างหน้าและผลักกู้จือเหวินลงบนพื้น สะบัดกำปั้นลงไปที่ดั้งของกู้จือเหวินนเต็มแรง เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากจมูกของกู้จือเหวินทันที

ความเร็วของกู้หนิงผิงรวดเร็วปานสายฟ้า และเมื่อได้ยินเสียงร้องโอดครวญของกู้จือเหวิน ทุกคนก็กลับมามีสติ ทุกคนกรูเข้าไปรั้งร่างกู้หนิงผิงไว้ และทั้งห้องก็ตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหล

“ตีกันแล้ว ตีกันแล้ว!” คนที่ขี้ขลาดแหกปากร้องตะโกนเสียงดังขณะที่รีบวิ่งออกไปจากห้องรับรอง

และมีบางส่วนกำลังรั้งร่างของกู้หนิงผิงออกจากร่างกายของกู้จือเหวิน

แต่กู้หนิงผิงกำลังถูกครอบงำด้วยโทสะ เขาได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นพละกำลังของเขาจึงแข็งแกร่ง แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีอายุมากกว่าเขา แต่ก็ไม่สามารถสู้พลังของกู้หนิงผิงได้เลย

ท่ามกลางคนเหล่านั้นก็เห็นใครที่ไม่หวาดกลัวความตายพยายามดึงกู้หนิงผิงออกมา แต่ก็ถูกกู้หนิงสะบัดออกไป

บางคนต้องการปรี่เขาไป แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ดีขึ้นมากนัก เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้หนิงผิง ก็มักจะถูกไล่ตะเพิดออกมา

คราวนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้องกู้หนิงผิง ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเฝ้าดูกู้จือเหวินนอนกรีดร้องหมดสภาพอยู่บนพื้น

กำปั้นของกู้หนิงผิงไม่ได้ทำมาจากผ้าฝ้าย ทุกครั้งที่มันกระแทกร่างกายของกู้จือเหวินครั้งแล้วครั้งเล่า มันทั้งแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยพละกำลัง

เหล่าสหายของกู้จือเหวินได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เพราะหวาดกลัวว่ากำปั้นของกู้หนิงผิงจะกระแทกลงใบหน้าของพวกเขาไปด้วย

เสียงกรีดร้องโอดครวญของกู้จือเหวินดังขึ้นเรื่อง ๆ ภายในห้องรับรองเต็มไปด้วยเสียงร้ำไห้สะอึกสะอื้น

กู้หนิงผิงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย และกระแทกกำปั้นลงบนใบหน้าของกู้จือเหวินไม่หยุด

โชคดีที่ในไม่ช้าเจ้าของร้านก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกจากห้องรับรองด้านบน จึงรีบวิ่งขึ้นไปด้านบนทันที จากนั้นก็พบว่าข้าวของภายในห้องเละเทะไม่เป็นที่เป็นทาง

เขาเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังคร่อมอยู่บนร่างและทุบตีเด็กชายอีกคนอย่างรุนแรง

เจ้าของร้านกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงขอให้ลูกจ้างในร้านหลายคนเข้าไปห้ามกู้หนิงผิงเอาไว้

ในที่สุด กู้หนิงผิงก็ถูกดังออกมาจากกู้จือเหวิน

หากแต่เขายังคงดิ้นไม่หยุด และพยายามปรี่เข้าไปทุบตีกู้จือเหวินอีกครั้งด้วยความยากลำบาก “กู้จือเหวิน เจ้ามันไร้ยางอาย เจ้าขโมยผลการสอบของพี่ชายข้า ทำให้พี่ชายของข้าสอบตก เจ้ามันไร้ยางอาย!”

————————————-