บทที่ 1033 จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์
เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของหานฮวง เทวีตราวินัยยกยิ้มมุมปาก ไม่พูดมากอีก
สองดวงจิตเฝ้ามองต่อไป ผ่านไปนานพักใหญ่ถึงได้จากไป
หลังจากงานชุมนุมฟ้าบุพกาลสิ้นสุด ข่าวเรื่องการมาถึงของโลกผลาญนภาก็จะแพร่ออกไป
งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งที่สองมีสีสันอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้ครอบครองตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคคือจ้าวซวงเฉวียนแห่งมรรคาสวรรค์ สิบยอดฟ้าได้แก่จ้าวซวงเฉวียน หวงจุนเทียน เต้าจื้อจุน หานทั่ว อู๋เซียงเทียนเซี่ย จักรพรรดิเหมันต์จงอวี้ นี่เสินเต้า อี๋เทียน หานเย่ หานเหยา
มีหลายคนในตำแหน่งสิบยอดฟ้ารุ่นก่อนที่ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันอีก อย่างเช่นเจียงเจวี๋ยซื่อ มู่หรงฉี่และเทพมารขุนพลสวรรค์เป็นต้น
ส่วนในร้อยศักดา พันองอาจ หมื่นผู้กล้าก็มีหน้าใหม่ๆ ปรากฏตัวขึ้นมากมายเช่นกัน
เวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ร่างแยกของหานเจวี๋ยพาเหล่าศิษย์สืบทอดกลับไป ส่วนร่างจริงก็ยังคงฝึกบำเพ็ญอยู่
ผ่านไปหนึ่งล้านปีหลังสิ้นสุดงานชุมนุมฟ้าบุพกาล ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงขั้นสำเร็จ
ผู้สร้างมรรคาระยะกลาง!
พลังเวทผู้สร้างเริ่มปะทุดุเดือด โลกปฐมยุคก็ขยายตัวออกไป ดวงดาวนับไม่ถ้วนถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง
ด้วยอัตราความเร็วในการขยายตัวระดับนี้ อีกไม่นานโลกปฐมยุคจะบรรลุถึงขอบเขตเดียวกับฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยปรับตบะให้มั่นคงพลางเรียกดูหน้าต่างค่าสถานะ
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 66,281,037/1,019,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999, 999,999,999,999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารปฐมยุค (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]
[ตบะ: ผู้สร้างมรรคาระยะกลาง (อริยะสมบูรณ์แบบ)]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ (ระดับมหามรรค), วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด, มหามรรคแห่งกรรม, มหามรรคต้นกำเนิด]
[คุณสมบัติกาย: กายเลิศมรรคาปฐมยุค]
….
สมกับเป็นผู้สร้างมรรคา ทะลวงขั้นครั้งนี้อายุขัยเพิ่มขึ้นมาอีกแปดหลัก
ยอดเยี่ยมมาก!
หานเจวี๋ยปรีดาอยู่ในใจ ปรับตบะให้มั่นคงต่อไป
ห้าแสนปีต่อมา ตบะของหานเจวี๋ยมั่นคงสมบูรณ์ แต่เขารับรู้ได้ถึงพลังแกร่งกล้าประการหนึ่งที่ต้องการลากดึงโลกปฐมยุคออกมาจากส่วนลึกของวิญญาณเขา
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ยิ่งตบะเขาสูงขึ้นเท่าไรก็พบว่าพลังนี้แรงกล้าขึ้นเท่านั้น
มิน่าเล่าฟ้าบุพกาลถึงไม่สามารถขยายตัวต่อไปได้ หรือว่าพลังนี้มาจากดินแดนเวิ้งว้าง คอยจำกัดการพัฒนาของฟ้าบุพกาลไว้อย่างนั้นหรือ
หากเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยคงทำได้เพียงชะลอการบำเพ็ญไว้ มิเช่นนั้นโลกปฐมยุคจะถูกลากออกไปสะกดข่มฟ้าบุพกาล เช่นนี้ต้องยั่วโทสะของเจ้านวฟ้าบุพกาลแน่
ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือปล่อยโลกปฐมยุคออกสู่ดินแดนเวิ้งว้าง
แต่ทำเช่นนี้จะกลายเป็นการเปิดเผยโลกปฐมยุคออกไป
ช่วยไม่ได้แล้ว
หานเจวี๋ยไม่อาจหยุดบำเพ็ญได้ ทำได้เพียงมุ่งหน้าไปยังดินแดนเวิ้งว้าง
คิดไปคิดมาเขาก็สร้างร่างแยกขึ้นมาร่างหนึ่งให้มุ่งหน้าไปยังดินแดนเวิ้งว้าง เขาให้ร่างแยกนำกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติของโลกปฐมยุคที่แยกส่วนไว้ไปก่อน แบ่งแยกออกเป็นหลายๆ ส่วน เพิ่มทางรอดให้ตัวเองมากขึ้น
ขณะที่แบ่งแยกกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติอยู่นั้น หานเจวี๋ยก็ออกท่องดินแดนเวิ้งว้างไปด้วย
ระดับยอดมหามรรคยังไม่กล้าเข้าสู่ส่วนลึกของดินแดนเวิ้งว้าง เนื่องจากอาจจะหลงทางได้ แต่ผู้สร้างมรรคากลับต่างออกไป แม้จะไม่สามารถสอดส่องทั่วทั้งดินแดนเวิ้งว้างได้ แต่ค้นหาฟ้าบุพกาลได้ง่ายดุจพลิกฝ่ามือ
ดินแดนเวิ้งว้างยังคงเงียบเหงาวังเวงเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
อริยะมหามรรคล้วนไม่สามารถเข้าสู่เขตนี้ได้ ดินแดนเวิ้งว้างย่อมเงียบเหงาเป็นธรรมดา
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกสงสัยอยู่ในใจ
‘ข้าอยากรู้ว่าดินแดนเวิ้งว้างให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ค่าตัวระดับผู้สร้างมรรคา!
ดำเนินการต่อ!
[ขณะนี้ยังไม่ได้]
ขณะนี้ เช่นนั้นก็แปลว่าในอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้!
หานเจวี๋ยร้องจุ๊ๆ ออกมา
ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เขามองเห็นโลกมหามรรคแห่งหนึ่ง กำลังลอยมุ่งหน้าไปสู่ฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็ว แต่จากระยะห่างระหว่างโลกนี้และฟ้าบุพกาลยังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยล้านปี
เขาแผ่จิตศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปในโลกมหามรรคใบนี้
“หืม”
หานเจวี๋ยแปลกใจ จำนวนสิ่งมีชีวิตในโลกมหามรรคแห่งนี้ห่างชั้นจากฟ้าบุพกาลยิ่งนัก แต่ตบะของเหล่าผู้ทรงพลังกลับกล้าแกร่งมาก สิ่งมีชีวิตในระดับต้าหลัวขึ้นไปมีจำนวนไม่ด้อยไปกว่าระดับต่ำๆ เลย จำนวนอริยะเสรีและยอดมหามรรคก็มากกว่าฟ้าบุพกาล ทว่าอริยะมหามรรคไม่เท่าฟ้าบุพกาล เนื่องจากช่วงห้าสิบล้านปีมานี้ฟ้าบุพกาลผงาดรุ่งโรจน์ ไม่ได้ถูกดวงจิตนพชาติจงใจกดข่มไว้
ตอนที่เพิ่งออกจากฟ้าบุพกาล หานเจวี๋ยก็สังเกตเห็นโลกผลาญนภาแล้ว ตอนนี้ยังมาเห็นโลกมหามรรคแห่งนี้อีก
หรือนี่ก็คือโลกมหามรรคทั้งสองแห่งที่สื่อหยวนหงเหมิงกล่าวถึง
สื่อหยวนหงเหมิงใช้ได้เลยทีเดียว อยู่ในฟ้าบุพกาลแต่สอดส่องออกมาได้ไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ
หรือว่าสื่อหยวนหงเหมิงก็มีผู้หนุนหลังอยู่
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าโลกมหามรรคแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
แพงขนาดนี้เชียว!
แข็งแกร่งกว่ามหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเสียอีก
ดำเนินการต่อ!
ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
[จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์: ผู้สร้างมรรคาระยะกลาง ทวยเทพฟ้าบุพกาล ผู้พิทักษ์เวิ้งว้าง เจ้าแห่งความหวาดกลัว หลุดพ้นจากฟ้าบุพกาล อยู่ในห้วงกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์]
ยอดเยี่ยม
ตอนนี้หานเจวี๋ยนับว่าได้รู้จักผู้สร้างมรรคาทั้งห้าแล้ว หากจัดลำดับจากแข็งแกร่งไปอ่อนแอได้แก่เจ้านวฟ้าบุพกาล จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ มหาเทวาพ้นนิวรณ์และเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล
ยิ่งอ่อนแอก็ยิ่งชอบอยู่ในฟ้าบุพกาล เพราะอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ ต่างจากจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์และมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญที่ยุ่งกับการบำเพ็ญจนไม่มีเวลามายุ่งกับฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยสะท้อนใจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เดินทางต่อไป
เขาต้องไปให้ไกลจากฟ้าบุพกาล หาสถานที่ปักหลักที่เหมาะสมแล้วปล่อยโลกปฐมยุคออกมา
….
ขณะที่ร่างแยกของหานเจวี๋ยกำลังท่องอยู่ในดินแดนเวิ้งว้าง หานเจวี๋ยร่างจริงก็ลืมตาขึ้น
เขาเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบเพื่อวัดพลังของตัวเอง
ท้าสู้มหาเทวาพ้นนิวรณ์หนึ่งพันคน!
หานเจวี๋ยทุ่มพลังทั้งหมดโจมตี เอาชนะได้สบายๆ
เขาเพิ่มจำนวนขึ้นอีก จนกระทั่งพุ่งไปถึงหนึ่งหมื่นคน!
ต่อสู้กับมหาเทวาพ้นนิวรณ์หนึ่งหมื่นคน!
หานเจวี๋ยต่อสู้ในแบบจำลองการทดสอบไปเรื่อยๆ สุดท้ายสู้กับมหาเทวาพ้นนิวรณ์ได้มากที่สุดสองหมื่นคน
แค่นี้ก็แข็งแกร่งมากแล้ว
หานเจวี๋ยมองไปที่หานหลิง
กองทหารจักรพรรดิของหานหลิงที่กำลังมุ่งสู่ระดับผู้สร้างมรรคาแข็งแกร่งมาก ไม่รู้ว่าหลังจากบรรลุผู้สร้างมรรคาแล้วจะยังทรงพลังขึ้นอีกหรือไม่
ต้องทราบก่อนว่าผู้สร้างมรรคาสามารถสร้างร่างแยกที่มีตบะเท่าร่างต้นจำนวนนับไม่ถ้วนได้ นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่สิ่งที่ยากคือพลังสรรค์สร้างของผู้สร้างมรรคา
ยกตัวอย่างเช่นหานเจวี๋ย เขาสร้างร่างแยกนับไม่ถ้วนได้ง่ายยิ่ง แต่หากจะให้ร่างแยกทั้งหมดสามารถสำแดงปฐมยุคสิ้นสูญออกมานั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
มหาเทวาพ้นนิวรณ์สองหมื่นคนที่หานเจวี๋ยท้าทายล้วนสำแดงพลังวิเศษของตนออกมาได้ เท่าที่เขาทราบมา กองทหารจักรพรรดิของหานหลิงอย่างมากก็ทำได้เพียงตั้งค่ายกลเท่านั้น
แน่นอนว่าบางทีหลังจากสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาแล้ว กองทหารจักรพรรดิของหานหลิงอาจจะเปลี่ยนแปลงไป
หลังจากสิ้นสุดการใช้งานแบบจำลองการทดสอบ หานเจวี๋ยเตรียมจะฝึกบำเพ็ญต่อ แต่จู่ๆ ก็มองเห็นศึกใหญ่ที่อุบัติขึ้น ณ ชายขอบฟ้าบุพกาล
หานฮวงก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย คู่ต่อสู้มิใช่สิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาล ดูจากกลิ่นอายแล้วน่าจะมาจากโลกผลาญนภา เป็นยอดมหามรรคเช่นเดียวกัน แรงกดดันจากการต่อสู้แกร่งกล้ายิ่ง หากมิใช่เพราะมีเหล่าดวงจิตมหามรรคคอยปกป้องห้วงมิติอยู่เกรงว่าคงกระทบไปทั่วฟ้าบุพกาลแล้ว
โลกผลาญนภากำลังจะชนเข้ากับฟ้าบุพกาล เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งมีชีวิตจากโลกมหามรรคทั้งสองย่อมต้องปะทะกัน ผู้ทรงพลังของโลกผลาญนภาชิงเปิดฉากก่อน เดิมทีคิดจะสำแดงพลังวิเศษออกมา ผลคือถูกหานฮวงเข้าสกัดขวาง
หานเจวี๋ยมองอยู่สักพักก็รู้สึกเบื่อหน่าย
แค่การต่อสู้เล็กๆ เท่านั้น
ในเวลาเดียวกันนี้ มีผู้ทรงพลังจากฟ้าบุพกาลมุ่งหน้าไปยังสนามรบแห่งนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หานฮวงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เล่นงานศัตรูได้อยู่หมัดแต่ตั้งใจไม่ปลิดชีพ สร้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ให้ฟ้าบุพกาล เหล่าดวงจิตมหามรรคล้วนปรบมือร้องชมเชย