บทที่ 994 ได้แม่รักเพิ่มอีกคนเลยนะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 994 ได้แม่รักเพิ่มอีกคนเลยนะ

บทที่ 994 ได้แม่รักเพิ่มอีกคนเลยนะ

พี่สามไม่ค่อยแสดงความห่วงใยต่อหน้าคนอื่นเท่าไรโดยเฉพาะกับผู้หญิง

กับพี่เสี่ยวเหมยเองเขาก็ไม่เคยทำแบบนี้ด้วยซ้ำ

ตอนนี้เสี่ยวเถียนยุ่งอยู่จึงไม่มีเวลาสนใจ

เพราะใจพะวงแต่เรื่องของพี่เสี่ยวเฉ่ากับอาจารย์เซี่ยหนานนั่นแหละ

หลังจากแน่ใจแล้วว่าหลานสาวคนนี้ไม่เป็นอะไรร้ายแรง เสี่ยวเถียนจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ที่บ้านฟัง

จากนั้นก็พูดถึงเรื่องที่อาจารย์เซี่ยหนานจะรับพี่เสี่ยวเฉ่าเป็นลูกบุญธรรมด้วย

คุณย่าถึงกับปรบมือ

ท่านเอ่ยขึ้น “ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ ได้แม่รักเพิ่มอีกคนเนี่ย”

ทุกคนมองด้วยสายตาตกใจ ท่านพูดอะไรเนี่ย?

มีแม่เพิ่มอีกคนถือเป็นเรื่องที่ดีหรือ?

อีกอย่างคือ พ่อแม่แท้ ๆ เขาเห็นด้วยหรือไง?

หญิงชราตระหนักได้ว่าร้อนใจเกินไปหน่อยจึงกล่าวขยายความ “ฉันแค่คิดว่าอาจารย์เซี่ยเขาก็เป็นคนดีน่ะ”

เสี่ยวเถียนพูดเสริมอีกแรง “หนูคิดว่าโทรหาลุงฉางจิ่วก่อนดีกว่าค่ะ รอฟังความเห็นท่านกัน”

ประโยคเดียวเป็นอันเข้าใจ

“เสี่ยวเถียนพูดถูก เรื่องแบบนี้เราจะตัดสินใจแทนกันไม่ได้ ถามความยินยอมของสองคนนั้นก่อนเถอะ”

เหลียงซิ่วไม่รู้เรื่องราว แค่คิดว่าการถามความเห็นจากพ่อแม่เสี่ยวเฉ่าไม่ได้เสียหายตรงไหน

คุณปู่ซูลูบเคราพลันนึก ‘หรือยายแก่จะรู้อะไรมา?’

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมองในแง่ดีขนาดนี้ล่ะ?

นี่เป็นเรื่องของฉางจิ่ว ส่วนเราเป็นคนนอกพูดอะไรมากไม่ได้

แต่คุณปู่ซูก็เป็นคนแบบนี้เสมอมา

เขาเชื่อใจภรรยามาก แต่ถ้าเจ้าตัวไม่พูดตนจะไม่เป็นฝ่ายถาม

ไว้ถึงเวลาเดี๋ยวยายแก่ก็พูดเอง จะรีบร้อนไปทำไมล่ะ?

ทุกคนเห็นด้วยกับประโยคนั้น

ซูเสี่ยวเฉ่ามองคนบ้านซูที่หารือกันอย่างเป็นกังวล พลันสับสนอยู่ครู่หนึ่ง

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

ทำไมพวกเขาดูวิตกกว่าตัวเธออีกล่ะ?

ชักสงสัยแล้วว่าใครกันแน่ที่จะได้แม่บุญธรรม

พวกเขาจึงโทรศัพท์ต่อสายไปยังหมู่บ้านหนานหลิ่งด้วยความรวดเร็ว ส่งตรงถึงคณะกรรมการหมู่บ้าน

ที่โทรไปเวลานี้เพราะรู้ว่าเวลาหลังกินข้าวเย็นเสร็จ ซูฉางจิ่วจะไปรวมกลุ่มกับคณะกรรมหมู่บ้านเพราะไม่มีอะไรทำ

เมื่อต่อสายติด เสี่ยวเถียนจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านฟัง

ซูฉางจิ่วรู้สึกไม่สบายใจเลย

ลูกสาวที่เลี้ยงจนโตมาอย่างยากลำบาก กำลังจะยกให้แม่แท้ ๆ ครึ่งหนึ่งแล้ว

แต่เราสัญญาไว้กับน้องใหญ่ตระกูลเซี่ย จึงไม่สามารถผิดสัญญาได้

สุดท้ายเจ้าตัวก็ตอบว่า ‘เห็นด้วย’ อย่างยากลำบาก

“[เสี่ยวเถียน ขอสายเสี่ยวเฉ่าหน่อยสิ ลุงมีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ]”

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแม่บุญธรรมหรอก

แต่เป็นเรื่องอาการบาดเจ็บของลูกต่างหาก ไม่ว่ายังไงก็ขอให้ได้ถามไถ่สักนิด

“พ่อ!” เสี่ยวเฉ่าใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บถือหู

“[เสี่ยวเฉ่าเอ๊ย! หนูได้รับบาดเจ็บหรือ ไม่หนักใช่ไหม? ให้พ่อแม่ไปหาไหม?]” ซูฉางจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

หญิงสาวน้ำตาคลอเบ้า ก่อนรีบตอบว่า “ไม่เป็นอะไรมากค่ะ พ่อกับแม่ไม่ต้องมาหรอก ที่นี่มีคนดูแลฉันเยอะแยะเลย”

“[ทั้งคุณปู่คุณย่าและพวกคุณอาของหนูเป็นคนดีทั้งนั้นเลย มีพวกเขาดูแลพ่อก็หายห่วงได้เลย]”

จากนั้นซูฉางจิ่วจึงว่าต่อ “[เจ้าเด็กคนนี้ วันหลังระวังหน่อยเถอะ เห็นคนอื่นเกิดอันตรายเลยพุ่งเข้าไปช่วยเนี่ยนะ? ตัวเองเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง?]”

ซูฉางจิ่วเป็นห่วงลูกมากจริง ๆ

“พ่อไม่ต้องห่วงนะ ฉันรู้ขอบเขตดีค่ะ”

เธอเดาได้ว่าถ้าไม่อธิบายให้เข้าใจ พ่อแม่คงนอนไม่หลับแน่ ๆ

“[ขอบเขตอะไรเนี่ย ถ้ารู้จริงก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอก!]” สุดท้ายชายชราก็ทนไม่ไหวจนต้องต่อว่าอย่างรุนแรง

เหมือนจะเพิ่งรู้ตัว ซูฉางจิ่วพลันรู้สึกผิดขึ้นมา “[พ่อผิดเองที่พูดจารุนแรงใส่นะ]”

มันติดเป็นนิสัยไปแล้วน่ะ ลูกบอกไม่รู้กี่รอบแล้วหลังจากนี้จะเปลี่ยนตัวเองให้ได้

ซูเสี่ยวเฉ่าหัวเราะ “ไว้กลับไป พ่อจะแก้นิสัยนี้ได้สักทีนะ!”

“[แก้ได้น่า ๆ แก้ได้อยู่แล้ว]” ซูฉางจิ่วหัวเราะ

ถึงยังไง เธอก็ยังเป็นลูกสาวของเขาเสมอ

ซูเสี่ยวเฉ่าถามไถ่ถึงสถานการณ์ที่บ้าน พอได้รู้ไว้ถึงค่อยสบายใจ ก่อนถามเกี่ยวกับสิ่งที่คิดสงสัย “พ่อ แล้วพ่อไม่ค้านที่อาจารย์เซี่ยรับหนูเป็นลูกบุญธรรมหรือคะ?”

“[ทำไมต้องคัดค้านล่ะ? คนแบบอาจารย์เขาต่อให้เราขี่ม้าไล่ตามก็คงไม่ทันหรอก ได้เขาปกป้องลูกไว้พ่อสบายใจจะตาย]”

หญิงสาวรู้สึกว่ามันเป็นคำตอบที่แปลกมาก

ไม่เคยเจอกันเลยแท้ ๆ ทำไมถึงรู้ว่าอาจารย์คนนั้นจะปกป้องเธอ?

เพราะรับเป็นลูกบุญธรรมน่ะหรือ?

ในเมื่อพ่อเห็นด้วย ตนก็คงไม่มีอะไรค้าน

ยังไงก็เป็นแค่ญาติมิตร

ถ้าอาจารย์ดูแลตนอย่างดี เธอก็จะดูแลอีกฝ่ายอย่างดีเช่นกัน

แต่ถ้าในภายหลังเขานึกเสียใจขึ้นมา แค่แสร้งทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็พอ

ใช้เวลาไม่นานซูเสี่ยวเฉ่าเข้าใจเสียที

ซูเหล่าซานเอ่ย “อาจารย์เซี่ยพูดลอย ๆ หรือเปล่าเนี่ย? พรุ่งนี้อาจจะลืมก็ได้นะ!”

อาจารย์มหาวิทยาลัยจะอยากได้หลานสาวเราไปเป็นลูกบุญธรรมจริงหรือ?

เพราะได้เสี่ยวเฉ่าช่วยเอาไว้แค่นั้นน่ะหรือ?

ต่อให้เป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ก็มีวิธีตั้งเยอะแยะมากมายไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย

ถึงบอกว่าไม่มีลูก แต่ก็น่าจะมีหลานหรือเปล่า?

แล้วเสี่ยวเฉ่ากับอาจารย์ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยด้วย

แม้จะขบคิดในใจ แต่ยังเอ่ยปากออกมาอยู่ดี

คุณย่าซูจ้องเขม็ง พลันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “แกอายุเท่าไรแล้ว ไม่รู้จักพูดเลยหรือไง?”

คนเป็นลูกเกาจมูก จะไม่รู้จักพูดได้ยังไงกันล่ะ?

ก็บอกชัดเจนแล้วนี่ไง!

หญิงชราว่าต่อ “ยังจะพูดพล่ามอะไรอีก? เสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กที่ใครเห็นใครก็รัก แค่อาจารย์เซี่ยเขาชอบมันผิดด้วยเรอะ?”

ซูเหล่าซานสับสนหนักกว่าเก่า

แค่พูดความจริงเองนะ ความหมายมันไปในทางนั้นได้ยังไงเนี่ย?

เสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กดี แต่ไม่ถึงขั้นที่ใครเห็นใครก็รักหรือเปล่า?

คนนั้นควรเป็นเสี่ยวเถียนลูกเขาไม่ใช่หรือไง?

อาจารย์เซี่ยรู้จักเสี่ยวเถียนก่อนอีกนะ ไม่เห็นอยากจะเป็นแม่บุญธรรมบ้างเลยล่ะ?

รอบนี้ซูเหล่าซานฉลาดขึ้น คิดในใจแต่ไม่ได้โพล่งออกมา

คุณปู่ซูมั่นใจแล้วว่ายายแก่ต้องรู้อะไรมาแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ยืนกรานเรื่องนี้หรอก

ทำไมกันนะ?

หรือว่าเราพ่อลูกจะคิดเหมือนกัน?

ชายชราคิดว่าไอ้ประโยค ‘ใครเห็นใครก็ชอบ’ คนนั้นควรเป็นหลานรักของเขามากกว่า!

++++++++++++++++++++++++++++