บทที่ 996 คนรู้จักกันทั้งนั้น

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 996 คนรู้จักกันทั้งนั้น

บทที่ 996 คนรู้จักกันทั้งนั้น

เซี่ยหนานนึกเสียใจ ทำไมถึงลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้นะ?

ถ้ายั้งใจรอไว้สักหน่อยแล้วค่อยมอบให้เสี่ยวเฉ่าทีละอย่าง มันอาจไม่ออกนอกหน้าขนาดนี้ก็ได้

นึกเสียใจตอนนี้คงไม่ทันเสียแล้ว ตอนนี้ต้องหาเหตุผลมาอ้างเท่านั้น

จากนั้นเธอก็หาเหตุผลได้อย่างรวดเร็ว

“มันไม่ใช่ของแพงหรอกจ้ะ เสี่ยวเฉ่าไม่ต้องลำบากใจหรอกนะ เธอช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันละอายใจมากกว่าที่ให้ของเล็กน้อยพวกนี้กับเธอน่ะ”

เป็นเหตุผลที่ดีจริง ๆ

มอบของตอบแทนบุญคุณแก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเราไว้ มันไม่ได้มีมากมายอะไรเลย

คนรอบข้างรู้สึกได้ว่าการกระทำของเซี่ยหนานสมเหตุสมผลมาก

ส่วนซูเสี่ยวเฉ่ายังคงรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงจะช่วยชีวิตอาจารย์เอาไว้ แต่จู่ๆ จะให้มารับของตอบแทนดีขนาดนี้ไม่ได้หรอกนะ

แม้เสี่ยวเถียนจะเป็นหลานหัวแก้วหัวแหวนของบ้าน แต่ยังเอาใจใส่พี่สาวคนนี้มากเช่นกัน

เธอคุ้ยสมบัติของตัวเองก่อนจะหยิบกล่องเล็กที่ทำจากไม้ประดู่ออกมาแล้วยื่นให้พี่สาว

ซูเสี่ยวเฉ่ามอบของขวัญที่เตรียมเอาไว้เอง พร้อมกับกล่องไม้ใบนั้นให้แม่บุญธรรม

ทุกคนมองตามกล่องอันวิจิตรงดงาม และเฝ้าดูตอนเซี่ยหนานเปิดออก

หากใส่ของไว้ในนั้นได้จะดีกว่านี้อีก

ทันทีที่เปิด ก็เห็นว่ามีเครื่องประดับครบชุดอยู่ในนั้น

กำไลเงินเส้น ปิ่นปักผมหนึ่งคู่ สร้อยคอเงินหนึ่งเส้น และตุ้มหูเงินอีกคู่

สิ่งสำคัญก็คือเครื่องประดับเงินพวกนี้ฝังด้วยหยกเนื้อน้ำแข็ง ถึงจะมีขนาดเล็ก แต่บอกได้เลยว่าคุณภาพสูงมาก

คนที่มีความรู้เกี่ยวกับงานศิลปะมีหรือจะมองไม่ออกว่าของพวกนี้ใช้ฝีมือการทำที่ประณีตมาก

เครื่องประดับเหล่านี้ล้วนเก็บรักษาไว้อย่างดี และเป็นของชั้นดีเลยนะ

อันที่จริง มูลค่าของพวกมันสูงกว่าของขวัญที่เซี่ยหนานมอบให้เสียอีก

ตอนแรกก็คิดว่าเด็กสาวจากชนบทสองคนนี้กะฉวยโอกาสกับแม่บุญธรรมแน่ ๆ

แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า นี่มันอะไรกันเนี่ย?

คนชนบทก็มีที่ดินมีทรัพย์สมบัติของตัวเองเหมือนกันสินะ เผลอ ๆ ดีกว่าเราอีกมั้ง

ยากเหลือเกินที่จะบอกว่าฝั่งไหนกันแน่ที่เอาเปรียบ

ส่วนซูเสี่ยวเฉ่าไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อน เธอเห็นว่าเป็นเงินจึงไม่คิดว่ามูลค่าจะสูงตรงไหน

ในที่สุดตนก็ถอนหายใจได้เสียที

ถึงของขวัญของเราจะเทียบกับที่อาจารย์ให้ไม่ได้ แต่ยังถือว่ารับได้ในระดับหนึ่ง

ซูเสี่ยวเฉ่าส่งยิ้มให้น้อง แลดูซาบซึ้งใจมาก

ทุกคนเก็บมูลค่าของพวกมันไว้ในใจ

ทีแรกมาเข้าร่วมงานเพราะคิดว่าเป็นแค่พิธีรับเป็นลูกบุญธรรมเฉย ๆ

แต่ไม่นึกเลยว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความจริงใจต่อกันขนาดนี้

ในเมื่อยอมรับแล้ว นั่นเท่ากับว่าได้กลายเป็นญาติแล้วละ

หลังจากนั้นคนมาร่วมงานต่างเริ่มสนทนา

เซี่ยหนานยิ้มกว้างตอนได้ฟังคนชื่นชมลูกสาว เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้ว่าเจ้าตัวมีความสุขจริง ๆ

พวกเขาสัมผัสได้เลยว่าเซี่ยหนานอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนเสียอีก

เธอคงชอบซูเสี่ยวเฉ่ามากจริง ๆ

เพื่อนของเซี่ยหนานส่วนใหญ่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พวกเขาจึงแปลกใจที่อีกฝ่ายให้ความสนใจเสี่ยวเถียนเช่นกัน

เพราะรู้ดีกว่าเธอเป็นคนเย็นชาขนาดไหน

ขนาดเพื่อนร่วมงานยังเป็นได้แค่คนที่สนิทกันเฉย ๆ เอง

ปกติไม่เห็นเซี่ยหนานชอบเด็กคนนี้มาก่อน เลยนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าไปถูกใจกันตอนไหน

เห็นว่ามาจากเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ตอนนี้กำลังฝึกอบรมที่โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ด และจะกลับบ้านไปตอนเดือนกันยายน

ถ้าเซี่ยหนานอยากให้ลูกบุญธรรมเลี้ยงดูตอนแก่ แน่นอนว่าคงไม่ใช่เด็กต่างถิ่นหรอกนะ

ตะวันตกเฉียงเหนืออยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก ถ้าเกิดอาจารย์เซี่ยป่วยหนักขึ้นมา เด็กคงมาดูแลลำบาก

ถ้าอยากได้ลูกบุญธรรมจริง ๆ ซูเสี่ยวเถียนยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอีก

ทั้งฉลาดเฉลียว มีความสามารถ เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิง และมีบ้านอยู่ในเมืองหลวง

ลูกบุญธรรมที่เพิ่งรับมาคงไม่สามารถดูแลอาจารย์เซี่ยได้หรอก

ขนาดลูกในสายเลือดยังทำไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับลูกบุญธรรม

บางทีคงเป็นการปลอบโยนจิตใจนั่นแหละ

ขอแค่อาจารย์เซี่ยมีความสุข อย่างอื่นก็ไม่ต้องสนใจหรอก

ตอนนั้นเองที่มีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าหออีหมิง

คนที่เดินลงมาคือคนที่พวกเธอรู้จัก

ชุยถงหลานอุ้มลูกลงมา ส่วนคนขับรถคือกู้เฉิงเซวียนที่มีความสัมพันธ์กับสองแม่ลูกคู่นี้

ทันทีที่ทั้งสามคนพร้อมด้วยถุงเล็กถุงน้อยเดินเข้ามาในร้านก็ต้องตะลึงกับความครื้นเครง

“พี่สะใภ้ พี่แน่ใจนะว่าผู้มีพระคุณของพี่อยู่ที่นี่น่ะ?” กู้เฉิงเซวียนถาม

“เธอเป็นเจ้าของร้านน่ะน้องสาม จะกลับเลยไหมหรือว่าอยากเข้ามากับพี่?”

กู้เฉิงเซวียนเคยมากินที่นี่ อาหารรสชาติดีมาก ไหน ๆ ก็มาแล้วกินสักมื้อแล้วกัน

“ผมไปด้วยดีกว่าครับ ถ้าแม่รู้ว่าผมทิ้งพี่กับเสี่ยวเป่าเอาไว้ได้โดนหักขาแน่!” กู้เฉิงเซวียน

หลังจากที่บ้านรู้เรื่องบนรถไฟก็จริงจังกับเรื่องนี้มาก จึงส่งชุยถงหลานมาแสดงความขอบคุณต่อผู้มีพระคุณ

ส่วนสามีเธอติดธุระพอดีจึงไม่สามารถมาด้วยได้ น้องสามีก็เลยทำหน้าที่นั้นแทน

เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องลูกหลานอีกรอบ

ถึงตระกูลกู้จะมีภูมิหลังที่ดี แต่ก็มีทายาทไม่กี่คนเอง

ลูกชายคนโตหรือสามีของชุยถงหลานต้องไปอยู่ชนบทตั้งแต่หนุ่ม ถึงสองสามีภรรยาจะรักกัน แต่ก็มีลูกยากมาก

ลูกชายคนรองแต่งงานอยู่หลายปีเพิ่งจะมีลูกสาวได้คนหนึ่ง

ลูกคนที่สามยังไม่มีภรรยา ดังนั้นอย่าถามหาลูกหลานเลย

ส่วนลูกชายของชุยถงหลานเป็นหลานชายคนโตของตระกูลกู้ และเป็นหลานชายเพียงคนเดียวด้วย จึงได้รับการดูแลอย่างดี

นอกจากเรื่องตระกูลกู้รั้นอยากได้ลูกชายกันจนเกือบบังคับให้ชุยถงหลานที่มีลูกไม่ได้หย่า เรื่องราวนอกนั้นก็ล้วนมีเหตุผล

พอรู้ว่าหลานได้รับการช่วยเหลือจึงเตรียมของขวัญตอบแทนน้ำใจมาให้

เสี่ยวเถียนตกใจมากที่เห็นทั้งสองคนพร้อมกัน

“พี่ถงหลาน มาได้ยังไงคะ?” แต่หลังจากนั้นเธอพูดใหม่ “ทำไมพี่กับสหายกู้เฉิงเซวียนถึงมาด้วยกันล่ะ?”

ด้วยอายุของชายหนุ่มจึงไม่น่าเป็นสามีของพี่สาวหรือเปล่า?

แต่ทั้งสองเหมือนจะสนิทสนมกันมากเลยนะ

เมื่อสิ้นประโยค เป็นชุยถงหลานและกู้เฉิงเซวียนมากกว่าที่ถึงคราวประหลาดใจ

++++++++++++++++++++++++++++