War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2336
ตอนที่ 2,336 : กลับสู่ภูมิภาคเบื้องบน
‘ด้วยพลังของข้าตอนนี้ ต่อให้เป็นยอดศาสตราเซียน ที่กล่าวได้ว่าเป็นศาสตราที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้ ก็เกรงว่ามันจะไร้ประโยชน์สำหรับข้า…’
มองไปยังกระบี่พลังมีสภาพสีขาว 3 ฉื่อที่ควบรวมขึ้นจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในมือ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบกล่าวในใจอย่างทอดถอน
‘ตอนนี้เกรงว่าคงมีแต่อาวุธระดับยอดศาสตราสวรรค์อย่าง กระบี่นิลสวรรค์ หรือ บรรทัดจักรวาลเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือข้าได้…น่าเสียดายที่ทั้งกระบี่นิลสวรรค์และบรรทัดจักรวาลสมควรถูกทำลายไปพร้อมกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว กระทั่งผู้เฒ่าหั่วเองก็ต้องมาตกตาย…’
พอนึกถึงยอดศาสตราสวรรค์ที่เคยใช้จนคุ้นมือ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
และพอนึกถึงผู้เฒ่าหั่วขึ้นมา สองตาต้วนหลิงเทียนก็เริ่มแดงรื้น อารมณ์กลายเป็นโศกศัลย์อาลัยทันที
ทว่าเบื้องหลังความโศกศัลย์ดังกล่าว กลับระอุไปด้วยเพลิงแค้นที่ปานจะแผดเผาได้ทุกสิ่ง!
‘ท่านผู้เฒ่าหั่ว ขอท่านอย่าได้ห่วง…ข้ากำลังจะกลับไปยังภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว หลังจากข้ากลับไป ข้าจะบุกไปฆ่าจ้าวลัทธิบูชาไฟถังซวนนั่น…เพื่อเอาเลือดหัวมันมาเซ่นวิญญาณท่าน!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ ระงับเพลิงแค้นเอาไว้
ขณะเดียวกัน ลูกตาของเขาก็กลายเป็นเยียบเย็นอย่างถึงขีดสุด
ครู่ต่อมา
ฟั่ฟฟฟ!!
เสียงกระบี่ 3 ฉื่อแหวกอากาศหอนดังขึ้น มองไปประหนึ่งมีเส้นแสงทอประกายสว่างวาบ!
และพร้อมๆกันกับที่…สำนึกกระบี่อันทรงพลังไร้คู่เปรียบปรากฏ…
แลเห็นเป็นเส้นแสงกระบี่ ปานสีขาวลากผ่านจากบนลงล่างอย่างสวยงาม!
ครืน! ครืน! ครืน!
…
ไม่เพียงแต่ตัวกระบี่จะกรีดแหวกอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิวเท่านั้น ยังบังเกิดเสียงราวกับบางสิ่งสะท้านสะเทือน!
หากมองให้ชัด
เปรียะ!!
พร้อมกับที่เสียงหอนกระบี่ดังทั้งบางสิ่งสะเทือน ยังบังเกิดเสียงราวกับกระดาษฉีกขาด ท่ามกลางความว่างเปล่าเบื้องหน้าปรากฏรอยแยกมืดดำปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัว!
มองไปไม่ต่างใดจากกระดาษขาวที่ถูกฉีกกลาง สามารถมองทะลุเห็นเรื่องราวอีกฝั่ง!
‘ข้าฉีกเปิดช่องทางมิติระหว่างสองภูมิภาคได้ง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ…’
ต้ววนหลิงเทียนพบว่า
ต่างจากการลงมือฉีกเปิดมิติก่อนหน้า ที่ในรอยแยกจะมีแต่ความมืดมิดดั่งหุบเหวไร้ก้นบึ้ง ทว่าครานี้หากมองลอดไปในรอยแยก เขากลับแลเห็นความเขียวขจีหนึ่ง! ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ได้ทันที…ว่าลำเขียวๆที่สั่นไหวส่งเสียงซ่อกแซ่กนั่นเป็นอะไร…สมควรเป็นป่าไผ่ที่ไหนสักแห่ง!!
ราวกับมีอีกโลกหนึ่งอยู่เบื้องหลังรอยแยกมิติดังกล่าว!
แน่นอนว่าไม่ต้องเดาต้วนหลิงเทียนก็รู้ ว่าป่าไผ่ที่ปรากฏในรอยแยกดังกล่าววนั่นตั้งอยู่ที่ไหน สมควรเป็นป่าไผ่ที่ไหนสักที่ในภูมิภาคเบื้องบนแน่นอน!
ฟุ่บ!
หลังได้เห็นว่าด้านหลังรอยแยกมิตินั้นเป็นป่าไผ่เขียวขจี ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าสะบัดมือเปล่งพลังไร้สภาพฉาบคลุมสตรีทั้ง 3 แล้วหอบหิ้วทั้งหมดเหินร่างเข้าไปในรอยแยกมิติดังกล่าวทันที มุ่งหน้าสู่ป่าไผ่สีเขียวเบื้องหน้า!
ด้วยความเร็วของต้วนหลิงเทียน สตรีทั้ง 3 ก็รู้สึกเสมือนเพียงกระพริบตาโลกก็เปลี่ยนไป! ข้ามผ่านช่องว่างมิติพ้นตั้งแต่ตอนไหนพวกนางก็ไม่อาจทราบได้!!
และตอนนี้ทั้งหมดก็สัมผัสได้ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมรอบกาย สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ!
ความหนาแน่นของพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศนั้น ช่างเหนือล้ำยิ่งกว่าพลังวิญญาณฟ้าดินทั้งหมดที่เขาดูดกลืนในเมืองเหรินโม่เชิ่งเสียอีก!!
ที่สำคัญนี่มันก็แค่ป่าไผ่ธรรมดาๆ!
“ภูมิภาคเบื้องบน…ข้าต้วนหลิงเทียนกลับมาแล้ว!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่น ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้เขาหวนกลับมาถึงภูมิภาคเบื้องบนเรียบร้อยแล้ว
“ว้าว! ท่านพ่อที่นี่อากาศสดชื่นดียิ่ง แถมพลังวิญญาณฟ้าดินก็เยอะแยะมากเลย…ท่านพ่อๆ นี่พวกเรากลับมาถึงภูมิภาคเบื้องบนแล้วใช่รึเปล่า!?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกยินดีเมื่อได้หวนคืนสู่ภูมิภาคเบื้องบนนั้น ต้วนซือหลิงที่อยู่ข้างๆเองก็สัมผัสความเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน นางอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นทั้งหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้วลูก พวกเรากลับมาถึงภูมิภาคเบื้องบนแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนลูบหัวน้อยๆของต้วนซือหลิงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อร้ายกาจมาก! แค่ฟันกระบี่ฉับเดียว รอยแยกมิติก็เปิดออก…พริบตาก็พาพวกเรากลับมาภูมิภาคเบื้องบนได้แล้ว!!”
ต้วนซือหลิงมองชมต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเทิดทูน
“พรสวรรค์ซือหลิงเองก็ไม่น้อยกว่าพ่อ วันหน้าซือหลิงต้องร้ายกาจไม่น้อยกว่าพ่อแน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“จริงหรือ? ซือหลิงจะทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน สองตาซือหลิงก็ทอประกายลุกวาวขึ้นมา ทีท่ายังแลดูคึกคักนักราวกับนางได้เห็นภาพนางฟันฉับฉีกเปิดมิติแบบนี้ได้ด้วยตัววเอง
และในขณะที่ต้วนซือหลิงกำลังจมสู่โลกจินตนาการอันสนุกสนานของนาง
“เจ้า…ไฉนอยู่ๆเจ้าถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?”
ก่านหรูเยี่ยนมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของนางรู้สึกเสมือนเรื่องราวมันเกินความจริงไปไกล
วันนี้ตอนที่เห็นต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ และนึกถึงเวทย์พลังสนับสนุนอันฝืนฟ้าอย่างปฐมเวทย์กลืนกิน นางก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องกลัวตัวตนอย่างประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เลย
อย่างไรก็ตามพออาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ที่เป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ปรากฏกาย คววามเชื่อมั่นที่นางมีต่อต้วนหลิงเทียนก็สั่นคลอน
ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมา กลับเป็นอะไรที่อยู่เหนือจินตนาการของนางนัก!
ต้วนหลิงเทียนฆ่าเลี่ยวหนันเจียง เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์นั่นลงได้ในกระบวนท่าเดียว!
พลังของต้วนหลิงเทียนได้ก้าวหน้าไปถึงจุดที่นางไม่อาจเข้าใจได้อีกต่อไป มันอยู่เหนือสามัญสำนึกของนางโดยสมบูรณ์!
“เวทย์พลังสนับสนุนปฐมเวทย์กลืนกินของข้า มีระดับสูงกว่าเวทย์พลังใดๆในระนาบโลกียะ…กระทั่งต่อให้ไปอยู่ในระนาบเทวโลก แต่เวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินของข้าก็จัดว่าเป็นเวทย์พลังที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ไฉนข้าสำแดงพลังที่เหนือชั้นขนาดนี้ได้ทันทีหลังจากที่ข้าบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ”
ถึงแม้จะเคยมีคาดเดาคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียนไว้บ้างแล้ว แต่หลังได้ยินคำยืนยันจากต้วนหลิงเทียนโดยตรง ก่านหรูเยี่ยนก็มั่นใจได้ทันทีว่าที่นางคาดไว้ไม่ผิด
“ว่าแต่…ไม่ใช่เจ้าพึ่งทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนไม่นานหรือไร ไฉนเจ้ากลับสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้เร็วนักเล่า มิใช่มันต้องบังเกิดสำนึกรู้ฟ้าดิน กระทั่งสำนึกรู้ฟ้าดินต้องบรรลุถึงจุดหนึ่งก่อนหรือ? หรือเจ้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วเลือกปิดซ่อนพลังเอาไว้?”
ก่านหรูเยี่ยนกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
และ ‘คำถาม’ นี้ ก็เป็นปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของนาง
เพราะนางย่อมรู้ดี
ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนในการปิดด่านฝึกตนครั้งล่าสุด!
ทว่าไม่นานหลังจากที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ต้วนหลิงเทียนกลับสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้อย่างหน้าตาเฉย เรื่องนี้เป็นอะไรที่นางไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ!
“พูดกันตรงๆ…ในวันที่ข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน ข้าก็สามารถบรรลุถึงขีดจำกัดเพื่อบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะทันที”
ได้ยินคำถามของก่านหรูเยี่ยน เค่อเอ๋อก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสัยเหมือนกัน
“ห๊ะ! อะไรนะ!?”
และคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้ก่านหรูเยี่ยนอึ้งกิมกี่
กระทั่งเค่อเอ๋อเองก็ตกใจมาก!
ชายหนุ่มเบื้องหน้านั้น พึ่งทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน แต่วันเดียวกันนั้นก็บรรลุถึงขีดจำกัดจนชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้?
“ระ…เรื่องแบบนี้ ได้ยังไง?”
ก่านหรูเยี่ยนที่กลับมารู้สึกกตัวอดไม่ได้ที่จะอุทานทั้งพึมพำดังงึมงำ “เท่าที่รู้มา ไม่ว่าใครหากบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนก็ต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะบังเกิดสำนึกรู้ฟ้าดินหรือไง แล้วไหนจะต้องทำความเข้าใจจนสำนึกรู้ฟ้าดินบรรลุถึงขีดจำกัดก่อน ถึงจะพบโอกาสชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์…”
“ต่อให้ครั้งนี้เป็นการฉวยโอกาสที่ผู้อื่นชักนำหายนะสู่สวรรค์ แล้วชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ของตัวเองลงมาด้วย แต่จะทำเช่นนั้นได้ ต้องหมายความว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของผู้ฉวยโอกาสก็ต้องถึงขีดจำกัดก่อนนี่นา…”
“หากสำนึกรู้ฟ้าดินไม่ถึงขีดจำกัด ไหนเลยจะสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้เล่า…”
“เจ้า…”
เมื่อกล่าวพึมพำถึงตรงนี้ ก่านหรูเยี่ยนก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตางุนงง เพราะนางไม่อาจหาเหตุผลใดๆมารองรับเรื่องนี้ได้แม้แต่น้อย
“ก็เป็นอย่างที่เจ้าเข้าใจนั่นล่ะ…”
เสียงบ่นพึมพำของก่านหรูเยี่ยนแม้จะไม่ดัง แต่ต้วนหลิงเทียนไม่เว้นเค่อเอ๋อก็ได้ยิน มีเพียงต้วนซือหลิงที่ยังวาดมือวาดไม้ฟันเล่นฉับๆราวกับจินตนาการว่าตัวเองผ่ามิติได้อยู่…
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ค่อยกล่าวอธิบายออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “บอกตรงๆ กระทั่งตอนนี้ข้าเองก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน…”
“ไม่กี่วันที่แล้วที่ไฉนหลังข้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนและสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ให้ฟาดลงมาได้เลยนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ พลังสุริยัน ทั้งสิ้น…หากไม่ใช่เพราะพลังสุริยันที่อยู่ๆก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาด ข้าเองก็คงไม่มีทางบังเกิดสำนึกรู้ฟ้าดิน กระทั่งบรรลุขีดจำกัดของมันได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน…”
กล่าวถึงท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง…
ย้อนนึกถึงเรื่องราวในวันนั้น ต้วนหลิงเทียนเองยังรู้สึกเสมือนฝันไป
นั่นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่เหนือสามัญสำนึกเกินไป!
“พลังสุริยัน? สำนึกรู้ฟ้าดินบรรลุถึงขีดจำกัดในครึ่งวัน?”
จังหวะนี้ไม่เพียงแต่ก่านหรูเยี่ยน กระทั่งเค่อเอ๋อ และต้วนซือหลิงที่ไม่ทราบหยุดละเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยความทึ่ง
“พลังสุริยันที่ว่า…”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเล่าถึง ต้นกำเนิดของพลังสุริยันให้เค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง และก่านหรูเยี่ยนฟัง กระทั่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนั้น
รวมถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ออกไป โดยไม่คิดจะปกปิดอะไรทั้งนั้น…
ต่อหน้าสตรีทั้ง 3 เบื้องหน้า เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
“ที่แท้เป็นแบบนี้…”
หลังได้ยินต้วนหลิงเทียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา สตรีทั้ง 3 ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที หน้างามทั้ง 3 อดไม่ได้ที่จะฉายถึงความหวาดกลัวระคนอึ้งทึ่ง!
นั่นเพราะประสบการณ์ที่ต้วนหลิงเทียนผ่านพ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน นับว่าล้มล้างสามัญสำนึกของพวกนางไปหมดสิ้น!!
ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนซือหลิงเค่อเอ๋อและก่านหรูเยี่ยนกำลังตกตะลึงกับประสบการณ์ของต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น
ด้านประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์หยางเจิ้นซิง ก็ได้ออกจากภูมิภาคเบื้องล่าง ย้อนกลับมาถึงแดนเนรเทศซึ่งเป็นดินแดนบ้านเกิดของเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นที่เรียบร้อย
และมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่มันกลับมาที่นี่!
บรรพบุรุษเผ่าปีศาจมนุษย์ของมัน รวมถึงยอดฝีมือของเผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งหมด ยังคงรั้งอยู่ในแดนเนรเทศไม่ได้ติดตามเผ่าพันธุ์ปีศาจไปยังภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ที่เผ่าปีศาจรุกรานได้สำเร็จแต่อย่างไร
ฟุ่บ!
หลังกลับมาถึงดินแดนเนรเทศ หยางเจิ้นซิงก็รีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วสูงสุด
ในฐานะตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะ ความเร็วของหยางเจิ้นซิงนั้นค่อนข้างสูง ขณะเคลื่อนร่างความว่างเปล่าที่มันพุ่งผ่านยังสั่นสะเทือนราวกับจะปริแตกได้ทุกเวลา
และหลังจากมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุดกว่าครึ่งวัน ในที่สุดหยางเจิ้นซิงก็บรรลุถึงสถานที่แห่งหนึ่ง
มันบรรลุถึงแท่นบูชาที่มีสภาพเก่าแก่โบราณทั้งแผ่กลิ่นอายลี้ลับแห่งหนึ่ง ยังเร่งโค้งคารวะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ
“ท่านบรรพบุรุษ!”