ตอนที่ 996 ภัยรอบตัว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 996 ภัยรอบตัว

“แค่กๆ…” อวิ๋นพั่วสิงร้อนใจจนไอออกมาไม่หยุด “หากใช้วิธีโหดร้ายเช่นนี้ วันหน้าอาจโดนกรรมตามสนองพ่ะย่ะค่ะ!”

“แม่ทัพใหญ่ของข้า!” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหันไปมองอวิ๋นพั่วสิง น้ำเสียงของหญิงสาวราบเรียบ สีหน้าเคร่งขรึม แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “หากเป็นเช่นนี้ต่อไปซีเหลียงจะยังมีวันข้างหน้าอีกหรือ ขอเพียงรักษาแคว้นซีเหลียงไว้ได้ ไม่ว่าวันหน้าเราจะโดนกรรมตามสนองเช่นไร ต่อให้เราต้องตกนรก เราก็ถือว่าเราไม่ได้ทำผิดต่อชาวบ้านซีเหลียง ไม่ทำให้ท่านพ่อและบรรพบุรุษของเราผิดหวัง!”

จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงไม่รอช้าอีกต่อไป หญิงสาวตามตัวหมอหลวงไปตรวจอาการของไทเฮาที่เรือนโซ่วอัน ไทเฮาประชวรหนัก จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเรียกตัวตระกูลตี๋หนึ่งในแปดตระกูลซึ่งเป็นตระกูลฝั่งมารดาของไทเฮาเข้าวังด่วน

จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงรู้ดีว่าหากไทเฮาป่วยหนัก เมื่อคนของตระกูลตี๋พากันเข้ามาในวังหลวง อีกเจ็ดตระกูลที่เหลือจะต้องตามเข้ามาในวังอย่างทนอยู่เฉยไม่ไหวแน่นอน

หญิงสาวสั่งห้ามไม่ให้แพร่งพรายเรื่องที่องค์หญิงผิงหยางถูกจับกุมตัวออกไปแล้ว ขอเพียงตระกูลทั้งแปดเข้ามาในวังหลวง…พวกเขาจะไม่ได้กลับออกไปอีก

อวิ๋นพั่วสิงไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เขาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวเท่านี้มาก่อนเลย…

บัดนี้ลมฝนกำลังพัดทำลายซีเหลียงอย่างช้าๆ เมืองหลวงอวิ๋นจิงกำลังมีพายุลูกใหม่ก่อตัวขึ้น จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงซึ่งเป็นผู้ผลักดันระบอบการปกครองใหม่ผู้นี้กำลังจะกำจัดภัยรอบตัวของนางแล้ว

เมื่ออวิ๋นหลิงจื้อบุตรชายคนที่สองของอวิ๋นพั่วสิงได้รับคำสั่งจากบิดาจึงพาคนขี่ม้าเร็วไปยังวังหลวง จากนั้นพาเซียวรั่วไห่และคนของเขามุ่งหน้าไปยังค่ายทหารหั่วอวิ๋นทันที

อวิ๋นหลิงจื้อเดาว่าหากท่านพ่อกล้าให้เขาพาทูตของต้าโจวไปยังค่ายทหารหั่วอวิ๋นแสดงว่าท่านพ่อเตรียมทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เขาต้องพาคนเหล่านี้เดินทางอ้อมเพื่อถ่วงเวลาให้คนของท่านพ่อพาอวิ๋นหลานหนีไป

องครักษ์ไป๋ที่ติดตามมากับเซียวรั่วไห่คือทหารที่ถอนตัวออกจากค่ายหู่อิงเพราะได้รับบาดเจ็บ ขอเพียงเขาได้ไปสำรวจในค่ายหั่วอวิ๋น หากมีคนของกองทัพไป๋อยู่เขาต้องจำได้อย่างแน่นอน

ค่ายหูอิงคือค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพไป๋ ในค่ายมีทหารอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น…

หากผู้ฝึกฝนทหารค่ายหั่วอวิ๋นคือคุณชายของตระกูลไป๋ เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง พวกเขาต้องจำได้อย่างแน่นอน

เซียวรั่วไห่พาคนขี่ม้าตามอวิ๋นหลิงจื้อไปยังค่ายทหารหั่วอวิ๋น พวกเขาเดินทางมาถึงทางสามแยกในภูเขา เมื่อเซียวรั่วไห่เห็นอวิ๋นหลิงจื้อเตรียมจะพาพวกเขาอ้อมไปอีกทางจึงหยุดม้าลง

อวิ๋นหลิงจื้อหันกลับไปยกมือคารวะเซียวรั่วไห่พลางถามยิ้มๆ “ใต้เท้าเหนื่อย อยากหยุดพักหรือขอรับ”

“ข้าไม่ได้เหนื่อย…” เซียวรั่วไห่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นใช้มือที่กำแส้ม้าอยู่ชี้ไปยังเส้นทางด้านขวาสุด “ใต้เท้าอวิ๋นอาจไปผิดทางแล้ว เส้นทางนี้น่าจะใกล้ที่สุดขอรับ”

อวิ๋นหลิงจื้อเริ่มระแวง เขาแค่ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อให้พาคนของต้าโจวไปยังค่ายหทารหั่วอวิ๋นด้วยตัวเอง ทว่า เขาไม่รู้ว่าต้าโจวรู้ที่ตั้งของค่ายทหารหั่วอวิ๋นเป็นอย่างดีแล้ว

ใจของอวิ๋นหลิงจื้อกระตุกวูบ เขาไม่รู้ว่าคนของต้าโจวรู้เรื่องของอวิ๋นหลานแล้วหรือไม่

เดิมทีเขาตั้งใจพาคนของต้าโจวเดินทางไปยังเส้นทางที่อันตรายที่สุด หากคนของต้าโจวไม่ระวังพลัดตกไปสักคนสองคน คนที่จะสำรวจค่ายทหารหั่วอวิ๋นเพื่อตามหาคนของกองทัพไป๋ก็จะน้อยลงสองสามคน เมื่อตกดึก พวกเขาจะยิ่งสำรวจยากขึ้น ผู้ใดจะคิดว่าคนของต้าโจวจะรู้จักเส้นทางเช่นนี้ อวิ๋นหลิงจื้ออดหวั่นวิตกขึ้นมาไม่ได้

ซีเหลียงในตอนนี้ล่วงเกินต้าโจวไม่ได้ หากคนของต้าโจวรู้ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายหั่วอวิ๋น รู้ตัวตนที่แท้จริงของอวิ๋นหลานแล้ว หากวันนี้พวกเขาไม่พบตัวอวิ๋นหลาน ซีเหลียงอาจเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้

อวิ๋นหลิงจื้อหวาดหวั่นมาก ทว่า เขาไม่แสดงออกทางสีหน้า เขากล่าวกับเซียวรั่วไห่ยิ้มๆ

“แม้ทางนี้จะใกล้ที่สุด ทว่า ทางค่อนข้างแคบและชัน มีทางช่วงหนึ่งที่ด้านข้างเป็นหน้าผาสูง ค่อนข้างอันตราย แม้อีกเส้นทางจะอ้อมไปบ้าง ทว่า เดินทางสะดวกและปลอดภัยกว่าขอรับ ข้าผิดเองที่ไม่ได้อธิบายให้ใต้เท้าเข้าใจก่อน ใต้เท้าคิดว่าควรไปทางใดจึงจะเหมาะสมที่สุดขอรับ”

เซียวรั่วไห่ทำให้อวิ๋นหลิงจื้อเกิดความระแวงได้แล้ว เขาจึงกล่าวขึ้น “เช่นนั้นก็ทำตามที่ใต้เท้าอวิ๋นแนะนำก็แล้วกัน นำทางเถิด”

อวิ๋นหลิงจื้อรับคำยิ้มๆ จากนั้นหันม้ากลับไปนำทางอยู่ด้านหน้าสุด มือที่กุมบังเหียนชื้นไปด้วยเหงื่อ

เมื่อเดินทางไปบนถนนสายเล็กที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ ใบไม้ของต้นไม้ใหญ่บดบังแสงแดดจนทึบ หนทางด้านหน้ามืดทึบจนมองไม่เห็นทางออก แสงแดดส่องผ่านใบไม้กระทบลงบนถนนสายเล็กจนเห็นเป็นแสงริบหรี่

ทุกคนขี่ม้าตามหลังอวิ๋นหลิงจื้อไป เมื่อแสงสว่างตรงทางออกเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ อวิ๋นหลิงจื้อกลับลดความเร็วม้าลง

แสงแดดตรงทางออกของป่าทึบสว่างแสบตาจนคนแทบลืมตาไม่ขึ้น ป่าทึบอยู่ทางด้านหลังพวกเขา ถนนด้านหน้าแคบลงจนดูอันตราย ม้าเคลื่อนที่ไปยังระมัดระวัง ทว่า ก็ยังเหยียบพลาดจนเกือบตกไปอยู่ดี เสียงก้อนหินกลิ้งตกลงไปยังหน้าผาด้านล่างดังก้องขึ้นอย่างน่าหวาดเสียว

เซียวรั่วไห่จ้องไปที่แผ่นหลังของอวิ๋นหลิงจื้อนิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆ กาย ภูเขาแห่งนี้มีหน้าผาสูงชันมากมาย คือสถานที่ฝึกทหารค่ายหู่อิงที่ดีมาก

เซียวรั่วไห่ลอบวาดแผนที่ภูมิประเทศของภูเขาแห่งนี้อยู่ในใจ เผื่อว่าวันหน้าหากต้าโจวเปิดศึกกับซีเหลียงอาจเป็นประโยชน์ได้ ไม่สิ…ต้องเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน

พวกเขาใช้เวลาเดินทางผ่านหน้าผาประมาณหนึ่งก้านธูป จากนั้นจึงเห็นถนนเริ่มกว้างขึ้น ทั้งม้าและคนถูกแดดแผดเผาจนเหงื่อท่วมตัว คอแห้งผากไปหมด

ทุกคนเดินทางไปถึงถนนที่กว้างขึ้น คนของต้าโจวไม่มีผู้ใดล้มลงแม้แต่คนเดียว นี่ทำให้อวิ๋นหลิงจื้อประหลาดใจมาก เขาลดความเร็วลงไปขี่ประกบคู่กับเซียวรั่วไห่เพื่อถ่วงเวลา “จะหยุดพักสักนิดหรือไม่ขอรับใต้เท้า”

“รีบไปยังค่ายทหารหั่วอวิ๋นโดยเร็วดีกว่า หากใต้เท้าอวิ๋นเหนื่อยแล้ว…จะหยุดพักตรงนี้ก่อนก็ได้” เซียวรั่วไห่สำนวจภูเขานี้จนแม่นยำแล้ว “ข้าไม่ได้ไม่รู้จักเส้นทาง ใต้เท้ามอบป้ายคำสั่งให้ลูกน้องของท่านพาข้าไปก็พอ”

อวิ๋นหลิงจื้อยิ้มออกมาน้อยๆ “ได้ที่ใดกันขอรับ ข้าแค่กลัวว่าใต้เท้าจะเหนื่อย หากพวกท่านไม่เหนื่อย เช่นนั้นพวกเราก็เร่งเดินทางให้ไปถึงค่ายทหารหั่วอวิ๋นก่อนพระอาทิตย์ตกดินเถิดขอรับ”

“เชิญ…” เซียวรั่วไห่ผายมือเชิญอวิ๋นหลิงจื้อ

อวิ๋นหลิงจื้อจึงทำได้เพียงนำทางต่อ ไม่นาน…ทหารค่ายหั่วอวิ๋นที่ซ่อนตัวอยู่ตามป่าทึบจึงออกมาดักอวิ๋นหลิงจื้อ เมื่อเห็นอวิ๋นหลิงจื้อชูป้ายคำสั่ง ทหารค่ายหั่วอวิ๋นจึงปล่อยให้พวกเขาเดินทางต่อ

ตลอดทางมีหน้าผาทั้งหมดหกแห่ง เมื่อผ่านหน้าผาครบทั้งหกแห่งในที่สุดพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝึกซ้อมของทหารค่ายหั่วอวิ๋น

เมื่อเดินทางออกจากป่าทึบ ค่ายทหารปรากฏแก่สายตาทันที เซียวรั่วไห่มองเห็นหน้าผาชันสีแดงเพลิงราวอยู่กลางกองไฟซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามค่ายหทารหั่วอวิ๋น ทหารหลายร้อยนายกำลังไต่เชือกลงมาจากหน้าผาแห่งนั้น เมื่อกลุ่มแรกไต่ลงไป กลุ่มที่สองเริ่มไต่ตามมาทันที พวกเขารวดเร็วราวกับพญาเหยี่ยวที่กำลังล่าเหยื่อของตัวเอง ดุดันจนน่าหวาดหวั่น

นี่…คือค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋แน่นอน!

“ใต้เท้าเซียว!” องครักษ์ไป๋ที่เคยเป็นหนึ่งในทหารค่ายหู่อิงก้าวไปด้านหน้า เลือดร้อนในกายของเขาพุ่งพล่าน เขามองไปทางเซียวรั่วไห่นิ่ง เขาแทบอยากพุ่งข้าไปสำรวจว่าแม่ทัพคนใดของค่ายหู่อิงที่ยังมีชีวิตรอดอยู่!

“แม่ทัพที่ฝึกฝนทหารค่ายหั่วอวิ๋นมีนามว่าอันใด”

*******************