War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2346
ตอนที่ 2,346 : เฉิน 3 ดาบ!

สรรพสิ่งในอาณาบริเวณกินรัศมีพันหมี่ บัดนี้ถูกทำลายไปไม่มีเหลือ!

กระทั่งผืนแผ่นดินยังประหนึ่งถูกคว้านหาย กลายเป็นหลุมใหญ่ลึกหลายร้อยหมี่!!

เรียกว่าจังหวะนี้ไม่เพียงอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายในรัศมีพันหมี่จะถูกทำลาย กระทั่งผืนแผ่นดินยังกลับกลายเป็นหลุมลึกอันน่ากลัว ผู้คนกว่า 9 ส่วนที่อยู่ในรัศมีแรงระเบิดล้วนตกตายหมดสิ้น!

“มันจะรุนแรงอะไรถึงขนาดนี้…นี่ยังใช่พลังอำนาจของผู้คนอยู่อีกหรือ?”

“ถึงข้าจะไม่เคยพบเคยเจอครึ่งก้าวเซียนอมตะมาก่อนตลอดชั่วชีวิต…แต่ข้าก็ได้อ่านบันทึกและคัมภีร์โบราณที่กล่าวถึงพลังอำนาจของครึ่งก้าวเซียนอมตะมาไม่น้อย…ทว่าพลังของครึ่งก้าวเซียนอมตะในบันทึก ยังห่างชั้นจะเทียบกับพลังอันน่ากลัวเมื่อครู่!”

“เจ้าคงไม่คิดว่าพวกมันยังเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะกันหรอกนะ? มิเห็นหรือไรว่าชายชราที่อ้างตัวว่าเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์นั่นมันฉีกเปิดช่องว่างได้ง่ายดาย ที่สำคัญต้วนหลิงเทียนเองก็สามารถทำได้เหมือนกัน!”

“ใช่! เมื่อครู่ข้าเองก็เห็น ยามรังสีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนขยับ ข้าทันเห็นรอยแยกมากมายในอากาศก่อนที่จะคืนสภาพ!”

“ที่สำคัญดูท่าการปะทะกันครั้งแรกของทั้งคู่ ผลจะจบลงที่เสมอ!”

“ท่าทาง…พลังของต้วนหลิงเทียนเองก็ก้าวข้ามครึ่งก้าวเซียนอมตะไปแล้ว!”

เหล่าผู้โชคดีไม่กี่คน ที่สามารถหลบหนีออกมาจากพื้นที่รัศมีพันหมี่จากกจุดปะทะระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรูได้ทัน ตอนนี้ยามพวกมันมองร่างทั้งคู่อีกครั้งแววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัว หน้ายังซีดลงไปเพราะความเสียขวัญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันได้สบสายตากับต้วนหลิงเทียน แต่ละคนก็สะดุ้งไปราวเห็นผี!

ตอนแรกพวกมันยังคงสงสัยกันอยู่ ว่าต้วนหลิงเทียนใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะจริงหรือไม่…

ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่สงสัยอีกต่อไป ยังตระหนักได้อีกว่า…

ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน น่ากลัวว่าจะไม่ใช่แค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเสียแล้ว!

นั่นเพราะพลังที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกตอนนี้ อานุภาพของมันก้าวข้ามพลังอำนาจของครึ่งก้าวเซียนอมตะไปไกล สมควรทัดเทียมกับตัวตนในตำนานอย่างเซียนอมตะที่แท้จริง!

“นี่น่ะหรือ ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้!”

จังหวะนี้หลายต่อหลายคนอดไม่ได้ที่จะสะท้านอยู่ในใจ

“เป็นไปได้ยังไงกัน!?”

“มัน…ไฉนหยุด ดาบสยบโลกาของนายท่านได้? กระทั่งยังต้านทานกระบวนท่าดาบของนายท่านได้ซึ่งๆหน้า…เรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!?”

ในบรรดาผู้ที่รอดชีวิตมา ตอนนี้ทั้งหมดได้แต่ชมดูเรื่องราวด้วยความหวาดผวาเสียขวัญ พวกมันแทบไม่อยากจะเชื่อว่าในโลกยังมีตัวตนที่ททรงพลังถึงระดับนี้ดำรงอยู่

กระทั่งข้ารับใช้ชายวัยกลางคนทั้ง 2 ของเฉินอี้หรูเอง พอมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใบหน้าของพวกกมันก็หวาดผวายกใหญ่ ทำราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะรึไง?

แล้วครึ่งก้าวเซียนอมตะมันจะไปมีปัญญารับดาบสยบโลกา ที่นายท่านของมันอันเป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ฟันฟาดออกมาด้วยพลังอันร้ายกาจถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?

ต้องทราบด้วยว่ากระบวนดาบสยบโลกาเมื่อครู่ แม้จะไม่ใช่การลงมือที่รุนแรงที่สุดและร้ายกาจที่สุดของนายท่านพวกมัน แต่อานุภาพพลังก็มากพอจะเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ให้มอดม้วยได้อย่างง่ายดาย!

“ระ…หรือว่า…มันเองก็เป็นเซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์ด้วย?”

พอนึกถึงฉากที่ทั้งคู่ปะทะกันอย่างเท่าเทียมโดยที่ไม่มีใครเหนือกว่า ข้ารับใช้ทั้งสองของเฉินอี้หรูก็หวั่นใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาอย่างอุกอาจประการหนึ่ง!

ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ! แต่เป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!!

“เกิดอะไรขึ้น!?”

“แรงระเบิดมหาศาลเมื่อครู่มันอะไรกัน!?”

“สวรรค์! พวกเจ้าดูตรงนั้นเร็ว! พื้นที่กินรัศมีกว่าพันหมี่ทางนั้นไฉนกลายเป็นหลุมมหึมาแบบนั้นไปแล้ว!แถมหลุมนั่นแค่มองก็รู้ว่าลึกเป็นร้อยๆหมี่!!”

“นั่นมันอะไรกันแน่ ต่อให้ครึ่งก้าวเซียนอมตะตัวตนที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบโลกียะจะต่อสู้กันเอง แต่ก็ไม่มีทางสร้างความเสียหายได้ถึงขนาดนี้! ต้องทราบด้วยว่าแผ่นดินทั้งวัตถุที่ใช้สร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างในภูมิภาคเบื้องบนล้วนแข็งแกร่งอย่างที่วัตถุในภูมิภาคเบื้องล่างไม่อาจเทียบ!”

“แต่นี่ไม่เพียงทุกสิ่งอย่างกลับแหลกพินาศ กระทั่งผืนดินยังเสมือนถูกคว้านกลายเป็นหลุมลึกนับร้อยๆหมี่!”

เมืองแห่งนี้จะอย่างไรก็มีความเจริญไม่น้อย และด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมปานฟ้าถล่มที่เกิดขึ้น ก็ดึงดูดผู้คนทั่วทั้งเมืองให้ออกมาดูชมเรื่องราว

ผู้คนในเมืองจากทุกทั่วสารทิศเริ่มแห่กันมายังจุดเกิดเหตุ

“หืม!? ดูนั่นเร็ว ข้าเห็นคนลอยอยู่ตรงชายขอบด้านนั้น! หลายคนท่าจะบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย!!”

ไม่นานก็มีหลายคนที่สังเกตเห็นร่างที่ลอยล่องอยู่ในอากาศไกล แถมบางคนที่ลอยก็แลดูโงนเงนจะร่วงแหล่ไม่ร่วงแหล่เรียกว่าอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

คนเหล่านี้ก็เป็นพวกที่พอจะไหวตัวทันเหมือนข้ารับใช้ทั้ง 2 ของเฉินอี้หรู หากแต่พวกมันก็ไม่เร็วมากพอจะรอดพ้นรัศมีทำลายได้อย่างหมดจด จึงบาดเจ็บหนักไม่น้อย

“เฮ่! ยังมีคนอยู่แถวๆใจกลางแรงระเบิดประหลาดด้วย!”

ขณะเดียวกันก็มีคนสายตาดีที่แลเห็นร่างไม่กี่ร่างที่ลอยล่องเหนือหลุมลึกบริเวณใจกลาง

ร่างที่ว่าย่อมเป็น ต้วนหลิงเทียน ต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ ก่านหรูเยี่ยน และเฉินอี้หรู

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงลอยอยู่ในอากาศด้วยสีหน้าท่าทีสงบเฉยเมย ข้างกายปรากฏม่านพลังปานกลมแก้วครอบคลุมร่างสตรีทั้ง 3 เอาไว้

ส่วนเฉินอี้หรูที่อยู่เบื้องหน้าห่างออกไปไม่ไกล ตอนนี้กำลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอึ้งทึ่ง ท่าทางมันจะตกใจไม่น้อย ดูท่าคงยากจะคืนสติได้อีกสักพัก

“ผู้ใดบอกข้าได้บ้าง ว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“พวกเราเข้าไปถามพวกนั้นดูกันเถอะ!”

เหล่าผู้คนในเมืองที่พึ่งมาถึงหลังจากได้ยินเสียงระเบิดปานฟ้าถล่ม ไม่นานก็เหินร่างมาถึงจุดที่มีตัวตนเซียนสวรรค์ที่หนีรอดพ้นหายนะมาได้ทันท่วงทีอยู่ และเริ่มกล่าวถามทันที

หากเป็นสถานการณ์ปกติ ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์เหล่านี้คงถือดีในตัว และไม่คิดจะเสวนากับชาวบ้านร้านถิ่นพลังฝึกปรืออ่อนด้อยแน่นอน นับประสาอะไรกับจะมาคอยตอบคำถามจ้ำจี้จ้ำไช

ทว่าวันนี้พอมันได้เห็นพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวของต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรู พวกมันก็สำเหนียกถึงความกระจ้อยร่อยของตัวเอง กระทั่งได้รู้ว่าต่อหน้าสุดยอดฝีมือที่แท้จริง พลังฝีมือของพวกมันนั้นช่างไร้ค่าถึงเพียงใด…

และต่อหน้าต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรูนั้น หนึ่งชีวิตของพวกมันช่างเปราะบางเหลือเกิน…

หากไม่ใช่เพราะพวกมันโชคดีไหวตัวเร่งรุดหลบหนีออกมาได้ทันเวลา ก็คงตกตายกลายเป็นผีเหมือนคนอื่นๆไปแล้ว!

พลังอำนาจของต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรู สะท้านโลกเพียงใดพวกมันได้ประจักษ์มากับตา! แค่ลูกหลงเบาๆระหว่างทั้งคู่ก็มากพอจะฆ่าตัวตนอ่อนแอเช่นพวกมันนับสิบนับร้อยรอบ!!

“ว่าอะไรนะพี่ชาย…ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นน่ะเหรอ ต้วนหลิงเทียนผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟ!?”

“แถมตอนนี้ยังมีอีกฐานะสะท้านโลก…ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณผู้นั้นเนี่ยนะ?! ที่สำคัญพลังฝึกปรือยังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วด้วย!!”

“แล้วเมื่อครู่…”

เรียกว่าเหล่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งหลายที่รอดชีวิตมาได้ ไม่มีกั๊กใดๆ พวกมันเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาอย่างกระตือรือร้น ขณะเล่าสีหน้าของพวกมันยังฉายชัดถึงความหวาดเสียวและหวั่นกลัว

เรียกว่าทำให้เหล่าผู้ที่พึ่งมาถึง พอได้ฟังก็ต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่

“อดีตผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟอย่างต้วนหลิงเทียน ไฉนกลับกลายเป็นทายาทของหมอกพิรุณ ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ไปได้?”

“กระทั่งตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังมีพลังอำนาจน่ากลัว สามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าได้ตามอำเภอใจ?”

“ช้าก่อน! พี่ท่านบอกว่าทั้งคู่สามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าได้ตามอำเภอใจหรือ? แค่พลังอำนาจระดับนี้มิใช่อะไรที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะจะทำได้นี่นา!!”

“ครึ่งก้าวเซียนอมตะมิใช่ด่านพลังสูงสุดในระนาบโลกียะหรือไร? แถมเมื่อบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วอย่างไรสักวันก็ต้องถูกชักนำให้ขึ้นสวรรค์กกลายเป็นเซียนอมตะที่แท้จริง…และตัวตนเซียนอมตะที่ว่าหากคิดจะย้อนกลับมายังระนาบโลกียะ ก็เป็นเรื่องยากเย็นนัก…”

“แต่ฟังจากที่พี่ชายท่านนี้เล่า พลังอำนาจที่ทั้งคู่เผยออก มันเหนือกว่าพลังของครึ่งก้าวเซียนอมตะจะมีได้จริงๆ เรื่องนี้จะให้อธิบายอย่างไรเล่า?”

“เป็นที่แน่นอนแล้วว่าพลังของทั้งคู่อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ ทว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นเห็นชัดว่าต่างก้าวข้ามครึ่งก้าวเซียนอมตะไปแล้ว ไม่รู้จริงๆว่าพวกมันยกระดับพลังมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?”

“ชายชราในชุดหรูหราผู้นั้นที่เรียกว่าเฉินอี้หรู เหมือนจะอ้างตัวว่ามันเป็น เซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์…”

เรียกว่าระหว่างผู้ชมที่พึ่งลุมาถึงกับผู้ที่รอดตายมาได้ ต่างพากันสนทนาถามเล่ากันอย่างออกรส แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนตกตะลึงกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวของต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรูอย่างมาก

“เฉินอี้หรู…เฉินอี้หรู พี่ชายท่านนี้ ท่านบอกว่าชายชราผู้นั้นเรียกว่า ‘เฉินอี้หรู’ งั้นเหรอ?”

“อีกทั้ง…ท่านบอกว่าก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดจนท่านต้องหนีตายเมื่อครู่ ท่านได้ยินชายชรานามเฉินอี้หรูผู้นั้นคำรามว่า ดาบสยบโลกา?”

ขณะที่สนทนากันอย่างคึกคักๆ อยู่ๆก็มีชายวัยกลางคนแต่งกายคล้ายบัณฑิตอาลักษณ์อะไรทำนองนั้น กล่าวถามเซียนสวรรค์ที่รอดตายมาได้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“มิผิด”

ถึงแม้หลายคนรวมถึงตัวผู้ถูกถามเองจะไม่เข้าใจว่าไฉนชายวัยกลางคนในชุดอาลักษณ์ถึงกล่าวถามออกมาแบบนี้ แต่ผู้ที่หนีตายมาคนนั้นก็ตอบออกไปแต่โดยดี

ถึงแม้มันเองก็ไม่อาจมองได้ทันว่าเฉินอี้หรูลงมืออย่างไรกันแน่

แต่มันมั่นใจได้เต็มสิบส่วนว่า…ตอนที่มันเร่งรุดเหินร่างหลบหนีออกมาตามสัญชาตญาณ มันได้ยินเฉินอี้หรูคำรามกึกก้องว่า ‘ดาบสยบโลกา’ ไม่ผิดเพี้ยนแน่!

“สวรรค์! มารดามันเถอะ…เป็นคนผู้นั้นจริงๆเหรอเนี่ย! แต่นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!?”

ชายวัยกลางคนพอได้ฟังคำยืนยันก็อึ้งค้าง สองตากลายเป็นเลื่อนลอยสักพักก็ลอกแลกคล้ายคิดถึงอะไรบางอย่าง สุดท้ายสีหน้าก็กลายเป็นไม่อยากจะเชื่อทั้งส่ายหัวไปมา

“สหายยุทธ์ท่านนี้…ท่านรู้อะไรมางั้นเหรอ?”

“น้องชาย หรือเจ้ารู้ว่าชายชราผู้นั้นเป็นใคร?”

“เฮ้! สหายหากเจ้าล่วงรู้ว่ายอดฝีมือชราผู้นั้นเป็นใครโปรดไขข้อข้องใจให้พวกเราทีเถอะ…สหายท่านอย่าได้เกริ่นให้พวกเราอยากแล้วจากไปเชียวนา..”

… …

ไม่นานเหล่าผู้คนในเมืองที่อยู่รอบๆชายวัยกลางคนชุดอาลักษณ์ก็เร่งจี้ถามเว้าวอนด้วยความอยากรู้

ตอนนี้เองชายวัยกลางคนในชุดอาลักษณ์ก็คล้ายดึงสติกลับเข้าร่างได้แล้ว มันกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกด้วยความเหลือเชื่อ ค่อยหันไปมองกล่าวกับทุกคนด้วยน้ำเสียงหวาดๆ “ปกติตัวข้านั้นชมชอบศึกษารายนามยอดเซียน กระทั่งชมชอบอ่านบันทึกของยอดฝีมือในรายนามยอดเซียนที่ร้ายกาจเป็นประจำ ทำให้ข้าล่วงรู้ชื่อและลักษณะอันโดดเด่นของยอดฝีมือทั้งหลายในรายนามยอดเซียน นี่รวมไปถึงยอดฝีมือในอดีตอีกด้วย ข้าเชื่อว่าความรู้ในเรื่องนี้ของข้าไม่แพ้ใ…”

“พอๆ! สหายช่วยเข้าเรื่องทีเถอะ ข้าพเจ้าขอเนื้อๆ…”

ก่อนที่ชายวัยกลางคนในชุดอาลักษณ์จะกล่าวจบคำ ก็มีคนอดรนทนไม่ไหวโพล่งขึ้นมา

“พี่ท่านใจเย็น ข้ากำลังจะเข้าเรื่องแล้ว…”

เมื่อมีคนขัดจังหวะสาธยายความรู้ ชายวัยกลางคนในชุดอาลักษณ์อดขุ่นเคืองไปไม่ได้ แต่มันก็เล่าสืบต่อว่า “ข้าจึงจดจำได้ดี…ว่าในรายนามยอดเซียนเมื่อราวๆ 5,000 ปีก่อน มียอดฝีมืออันร้ายกาจที่ติดอยู่ในอันดับ 2 ของรายนามยอดเซียนที่มีนามว่าเฉินอี้หรูอยู่! และตอนนั้นเฉินอี้หรูผู้นี้ยังมีฉายาที่ผู้คนตั้งให้ว่า เฉิน 3 ดาบ!!”

“เฉิน 3 ดาบในยุคสมัยนั้น นับว่าเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง มันเป็นอัจริยะดาบคนหนึ่ง ที่สามารถผสมผสานวรยุทธ์ดาบหลายแขนงเข้ากับเวทย์พลังจู่โจมขั้นสูงประเภทดาบได้อย่างแยบคายจนสร้างเพลงดาบเลิศล้ำออกมา 3 กระบวนท่า! และกระบวนท่าดาบทั้ง 3 ที่ว่าก็คือ ดาบสยบโลกา ดาบชำระโลกา และดาบผลาญโลกา!!”

กล่าวถึงจุดนี้ชายวัยกลางคนในชุดอาลักษณ์ก็หันไปจับจ้องมองร่างชายชราในชุดหรูหราไกลตา ด้วยสายตาพินิจจริงจัง ราวกับจะยืนยันให้ได้ว่าชายชราผู้นี้ใช่เฉินอี้หรูทีโด่งดัง เมื่อ 5,000 ปีที่แล้วจริงหรือไม่!

“เจ้าหมายความว่า…เฉินอี้หรูผู้นี้ ก็คือ เฉิน 3 ดาบ ที่อยู่ในอันดับที่ 2 ของรายนามยอดเซียนเมื่อ 5,000 ปีก่อนกระนั้นรึ?”

ไม่นานก็มีคนมองถามชายวัยกลางคนในชุดอาลักษณ์ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม