บทที่ 1016 ราชโองการ

บทที่ 1016 ราชโองการ

ในเมื่อหลิวเทียนฉือผู้นี้กำลังจะมาเป็นพระชายา การที่นางมาที่เมืองหลิวเจียหมายความว่าอย่างไร

หลิวฉงหร่านติดต่อกับเจียงอวิ้นหลิ่วหลายครั้ง บอกว่าในอนาคตจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน เป็นไปได้ไหมว่าสองพ่อลูกโกหกตัวเองมาตลอด

“เสี่ยวเถา ห้ามพูด” หลิวเทียนฉือเห็นฮูหยินเจียงกำลังจะถามเสี่ยวเถา โดยไม่คิดจึงตะโกนใส่เสี่ยวเถาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่ต้องการให้นางพูดสิ่งใด

สีหน้านั้นดูตื่นเต้น ตื่นตระหนก และลืมตัว

เสี่ยวเถาอ้าปากค้างมองหลิวเทียนฉือที่กำลังลืมสิ้นทุกอย่าง และกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอไป

“เอาล่ะ ใต้เท้า พาสาวใช้ที่ถูกคุกคามชีวิตคนนี้กลับไปที่ศาลาว่าการ ข้าเชื่อว่าแม่นางกู้ก็เห็นด้วยเช่นกัน”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า สำหรับคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ นางก็ไม่จำเป็นจะต้องใจดีด้วย

และต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน

“ฮูหยินเจียง ท่านอย่ารังแกคนอื่นให้มากนักเลย” จู่ ๆ หลิวเทียนฉือก็ชี้ไปที่ฮูหยินเจียงและด่าสาดเสียเทเสีย

ตอนที่นางอยู่ชั้นสาม นางตกใจเป็นอย่างมากและยังไม่หายจากอาการหวาดกลัว จึงคิดแผนการเช่นนี้ขึ้นมา เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงแล้ว เลยยอมแลกกับคนของตนเอง

แม้ว่านางจะไม่สนใจว่าเสี่ยวเถาจะเป็นหรือจะตาย แต่คราวนี้เห็นฮูหยินเจียงและกู้เสี่ยวหวานต้องการสร้างความซาบซึ้งใจให้เสี่ยวเถา หลิวเทียนฉือก็ตื่นตระหนกเช่นกัน

ถ้าเสี่ยวเถาบอกฮูหยินเจียงทุกอย่างเกี่ยวกับตัวนาง ถ้าอย่างนั้นเมื่อกลับไปตนจะไม่ถูกหลิวฉงหร่านตีจนตายเลยหรือ

จุดประสงค์ของหลิวเทียนฉือในการมาที่เมืองหลิวเจีย เสี่ยวเถาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว

ถ้าเสี่ยวเถาบอกฮูหยินเจียง ตัวเองจะไม่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เลยหรือ

ในเวลานี้ บรรยากาศรอบด้านเงียบสนิท ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลิวเทียนฉือ

ท่าทางที่สง่างามและสูงส่งตามปกติของหลิวเทียนฉือ ในตอนนี้ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ตอนนี้นางดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง หากเสี่ยวเหอไม่อยู่ข้าง ๆ คอยประคองนางตลอดเวลา กลัวว่าตอนนี้นางอาจทรุดลงกับพื้นแล้ว

มีคนเฝ้าดูมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเงียบงันก็เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเป็นครั้งคราว

ทุกคนมองไปที่หลิวเทียนฉือเพื่อรอคำตอบของนาง

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกังวานดังขึ้นมาไม่ไกล “พระราชโองการ”

เมื่อได้ยินเสียงนั้น ทุกคนต่างหันขวับไปหาต้นตอของเสียง พวกเขาเห็นม้าจำนวนหลายตัว และคนที่อยู่บนนั้นเป็นชายชราผมขาวโพน

ข้างหลังมีชายฉกรรจ์หลายคนในชุดเครื่องแบบ ล้อมเป็นครึ่งวงกลมและมีชายผู้นำอยู่ตรงกลาง

ทุกคนตกตะลึงกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนเหล่านี้

ทุกคนต่างมองชายที่เป็นผู้นำ และรู้สึกว่าคนผู้นี้จะต้องไม่ใช่สามัญชนทั่วไป อีกทั้งยังผัดแป้งหน้าขาวและทาปากแดง

มองดูแล้วเหมือนต้วนซิ่วจริง ๆ

คนที่ติดตามอยู่ข้างหลังก็เปล่งรัศมีอาฆาตออกมา ทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตาพวกเขาโดยตรง

อีกทั้งคำที่เขาเอ่ยออกมาเมื่อครู่นี้คือ

พระราชโองการ

ชายชรากระโดดลงจากหลังม้า และผู้คนก็แหวกทางให้เขาอย่างไม่คาดคิด

ไม่เคยเห็นม้าจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนในเมืองหลิวเจีย

ทุกคนมองชายที่อยู่บนหลังม้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผู้นำจับสายบังเหียนในมือข้างหนึ่งและอีกมือหนึ่งถือพระราชโองการ เดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ

ลวี่เทา หลิวเทียนฉือ และฮูหยินเจียงต่างอยู่ในอาการตกใจ

ฮูหยินเจียงยังมีท่าทางนิ่งสงบ อันที่จริงนางผ่านโลกมามาก เพียงแต่ในใจยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีจึงรีบกระซิบบอกมามาเหลิ่งไปตามเจียงอวิ้นหลิ่วมาโดยเร็ว

มามาเหลิ่งก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ จึงส่งคนไปตามเจียงอวิ้นหลิ่วทันที

คนที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากขันทีอู๋ ขันทีที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุดในขณะนี้

เสี่ยวเถาและหลิวเทียนฉือเคยเข้าไปวังหลวงมาก่อน จึงทำให้พวกนางได้เห็นคนโปรดที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้

โดยเฉพาะหลิวเทียนฉือ ใบหน้าฉายชัดถึงความสุข โดยไม่คิดอะไร นางจึงรีบปรี่เข้าไปหาขันทีอู๋ทันที

“ขันทีอู๋ ทำไมท่านถึงมาที่นี่” หลิวเทียนฉือแสดงความเคารพ และทักทายอย่างสนิทสนม

ดูเหมือนว่าคนผู้นี้เป็นขันทีที่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้

เขามาทำอะไรที่นี่

ทุกคนต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา แต่ในใจกลับตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว

คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเจอขันทีอู๋ ขันทีอู๋ที่มาจากวังหลวง

ขันทีอู๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหลิวเทียนฉือ อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขากลับมานิ่งสงบทันที แล้วแสดงความเคารพ “คุณหนูหลิว ข้าได้รับสั่งจากองค์ฮ่องเต้ให้มามอบราชโองการ”

“พระราชโองการกล่าวว่าอย่างไรบ้าง” หลิวเทียนฉือได้ยินคำว่า พระราชโองการ นางจึงยื่นมือออกไปรับมาทันทีราวกับว่ามันถูกเตรียมไว้สำหรับนาง

การกระทำนั้นของนางทำให้ขันทีอู๋อมยิ้ม เบียงตัวหลบฝ่ามือของหลิวเทียนฉือพลางยืดตัวตั้งตรง “หลังจากที่ข้าประกาศออกไป ท่านก็จะรู้เองไม่ใช่หรือ?”

ทุกคนล้วนหันไปมองทั้งสอง

หลิวเทียนฉือกำลังพูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุขกับขันทีที่มาจากวังหลวง

ฮูหยินเจียงและลวี่เทาเห็นว่าเป็นขันทีที่มาจากวังจริง ๆ จึงไม่กล้าเมินเฉย และรีบเอ่ยทักทาย

ขันทีอู๋ไม่ได้สนใจบุคคลทั้งสองนั้น และทำเพียงเหลือบมองเด็กหญิงที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ

สายตาที่เด็ดเดี่ยวหนักแน่นและจิตใจละเอียดอ่อน รอบคอบ แม้แต่เขาก็อยากจะปรบมือให้นาง นางทำเพียงแค่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ ไม่เข้ามาวุ่นวาย

ขันทีอู๋จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลิวเทียนฉือเป็นคนเช่นไร ลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยา เป็นเพียงสถานะที่ต่ำต้อย ที่สำคัญคือหัวใจยังมืดมิด

แต่เนื่องจากนางเป็นลูกสาวของขุนนางในเมืองหลวง ทุกคนจึงไม่ได้ดูถูกดูแคลนนาง