War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2348
ตอนที่ 2,348 : ความโลภ

“หากข้ามองมิผิด…เวทย์พลังสนับสนุนของเจ้า สมควรเป็นเวทย์พลังสนับสนุนของระนาบเทวโลกใช่หรือไม่?”

เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ เฉินอี้หรูมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความปรารถนาอันร้อนแรงประหนึ่งไฟที่จะแผดเผาทุกสิ่ง!

แม้วาจาที่กล่าวออกจะเป็นคำถาม แต่ตัวมันรู้คำตอบนั่นดี…

ทั้งหมดเป็นเพราะมันได้ลองแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสภาพการณ์โดยรอบแล้ว!

และมันก็พบว่า

ภายในรัศมีนับพันๆหมี่จากจุดนี้ พลังวิญญาณฟ้าดินนั้นเบาบางลงอย่างมาก!

เรียกว่าเบาบางจนไม่ต่างจากจุดที่มันกำลังอยู่ตอนนี้เลย!

จากเรื่องนี้ทำให้มันมั่นใจได้ทันที

ว่าพลังวิญญาณฟ้าดินปริมาณมหาศาลในรัศมีพันๆหมี่ไม่พ้นพึ่งถูกต้วนหลิงเทียนสูบกลืนไปแน่นอน! ตอนนี้จึงยังไม่ทันฟื้นฟูสู่ปกติ!!

เฉินอี้หรูย่อมรับทราบดีว่าหากพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมีนับพันๆหมี่แบบนี้ แปรเปลี่ยนเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น…

ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ที่ตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ จะกลายเป็นมีปริมาณพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์!

ด้วยเหตุนี้เฉินอี้หรูจึงตกใจไม่น้อยที่ต้วนหลิงเทียนสามารถกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินในอาณาบริเวณกว้างถึงขนาดนั้น และมันยังพอจะตระหนักได้รางๆ

ว่าเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาแน่! อย่างน้อยๆก็ต้องไม่ใช่เวทย์พลังที่มีต้นกำเนิดในระนาบโลกียะ!!

ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมีพันๆหมี่…

เวทย์พลังสนับสนุนอันน่ากลัวขนาดนี้นับประสาอะไรกับในระนาบโลกียะ เผลอๆกระทั่งให้ไปปรากฏในระนาบเทวโลก 9 ใน 10 ยังถือว่าเป็นเวทย์พลังสนับสนุนขั้นสูง!

เช่นนั้นในใจของเฉินอี้หรูย่อมบังเกิดความโลภขึ้นมาเป็นธรรมดา!

แทบอดรอช่วงชิงเวทย์พลังสนับสนุนดังกล่าวมาเป็นของตัวเองไม่ไหวแล้ว!

“อ้อ เจ้าเห็นเรื่องนี้ด้วยรึ?”

ได้ยินคำของเฉินอี้หรู ต้วนหลิงเทียนเพียงหันไปมองถามมันด้วยทีท่าเฉยเมยเท่านั้น

“เฮอะ! ข้าจะอย่างไรก็คือเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ด้วยความแข็งแกร่งของสำนึกเทวะข้าย่อมง่ายที่จะมองด่านพลังของเจ้า…อีกทั้งหลังข้าใช้สำนึกกเทวะตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าก็ยืนยันได้ชัดเจนว่าเจ้าคือครึ่งก้าวเซียนอมตะมิใช่เซียนอมตะเสเพล!”

เฉินอี้หรูตะคอกคำเสียงเย็น “ครึ่งก้าวเซียนอมตะ หากแต่หลังใช้เวทย์พลังสนับสนุน กลับมีระดับพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์…”

“ต่อให้เจ้ายืนกรานปากแข็งให้ตาย…ว่าเวทย์พลังของเจ้ามิได้มาจากระนาบเทวโลก ก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ!”

เฉินอี้หรูกล่าวออกด้วยเสียงเข้มหนัก เห็นได้ชัดว่ามั่นใจถึงที่สุด

“เวทย์พลังของระนาบเทวโลก?”

เฉินอี้หรูไม่คิดระงับเสียงกล่าวแม้แต่น้อย เช่นนั้นมันจึงดังกังวานออกไป จนคนที่อยู่ห่างออกไปกว่า 2 ลี้ยังได้ยินชัดเจน

แม้แต่ข้ารับใช้ทั้ง 2 ของเฉินอี้หรูก็อดตกตะลึงไม่ได้

ถึงแม้นายท่านของมันจะบอกแต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่พวกมันยังคิดว่า 9 ใน 10 อาจเป็นการมองผิดพลาดอะไรไป หรือต้วนหลิงเทียนคนนี้ได้ซุกซ่อนพลังบ่มเพาะไว้ได้อย่างแยบคาย

แต่พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

ว่าต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น!

ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากที่นายท่านของพวกมันกล่าว ดูเหมือนว่าเวทย์พลังสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกก่อนหน้าจะเป็นเวทย์พลังที่มาจากระนาบเทวโลก!

ถึงจะเป็นชายวัยกลางคนร่างกำยำที่เคยกล่าวอ้างแบบนี้ออกมาต่อผู้คน

แต่ตัวมันก็ไม่คิดเลยจริงๆ

ว่าเวทย์พลังสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนใช้จะเป็นเวทย์พลังที่มาจากระนาบเทวโลกจริงๆ! กระทั่งในแดนสวรรค์ยังไม่อาจนับว่าธรรมดา!!

น่าขำ!

เวทย์พลังสนับสนุนธรรมดาจะทำให้ครึ่งก้าวเซียนอมตะยกระดับพลังขึ้นมาทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ได้รึไร!?

เวทย์พลังสนับสนุนร้ายกาจขนาดนี้ต่อให้เป็นแดนสวรรค์ย่อมไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา!

“เวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนมาจากระนาบเทวโลกเช่นนั้นหรือ…แถมกระทั่งในระนาบเทวโลกยังถือว่าไม่ใช่เวทย์พลังธรรมดาๆ?!”

จังหวะนี้ไม่ว่าจะชายวัยกลางคนร่างหนาหรือร่างสูงผอมปานลำไผ่ ในใจทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ฟังจากที่ใต้เท้าเฉินอี้หรูกล่าว…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ถึงกับเชี่ยวชาญเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกเชียวหรือ?”

“เดิมทีข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจเป็นเซียนอมตะเสเพลเช่นกัน…ถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะข้อมูลความเป็นมาที่เคยรู้ แต่มาตอนนี้ข้ายืนยันได้ชัดแล้ว…ต้วนหลิงเทียนยังคงเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ และเหตุผลเดียวที่มีพลังสูงล้ำขนาดนี้ล้วนเป็นเพราะเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลก!!”

“เวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลกงั้นหรือ…ก่อนหน้านี้คนก็ลือกันว่า เวทย์พลังเสริมท่าร่างของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน เองก็เป็นเวทย์พลังจากระนาบเทวโลก! และต้วนหลิงเทียนผู้นี้ก็เคยเป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟอีก…หรือว่า!!”

“พอเจ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา…มันก็อาจเป็นไปได้!!”

เหล่าผู้คนที่อยู่ห่างออกจากจุดศูนย์กลางแรงระเบิดนับ 2 ลี้อดแตกตื่นไม่ได้ ต่างจ้อกันเสียงดังระงม

ทั้งเสียงคุยหลังๆมา ยังสงสัยว่าเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนที่คาดกันว่ามาจากระนาบเทวโลกนั้น 9 ใน 10 อาจได้รับมาจากลัทธิบูชาไฟ!

เนื่องเพราะจ้าวลัทธิบูชาไฟเองก็มีเวทย์พลังเสริมท่าร่างอันร้ายกาจอย่างถึงที่สุด เรียกว่าเวทย์พลังเสริมท่าร่างอันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ไม่เกินเลย ทุกผู้คนจึงเชื่อกันว่าสมควรเป็นเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกแน่นอน !

“สายตาเจ้าก็นับว่ายังใช้การได้อยู่”

ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนเพียงคลี่ยิ้มบางๆ หากแต่วาจาเฉยเมยที่กล่าวตอบ นับว่ายืนยันการคาดเดาของเฉินอี้หรู!

แทบจะพร้อมกับที่ต้วนหลิงเทียนพูดจบ

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

เสียงสูดลมหายใจเข้าพลันดังระงมข้ามระยะนับพันหมี่ เป็นเสียงสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนกของผู้ชมที่ลอยห่างออกไป!

เรียกว่าหลังได้ยินคำยืนยันของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็อดสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้!

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…มิคาดกลับเชี่ยวชาญเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลกจริงๆ!!

เรียกว่าจังหวะนี้ทุกสายตาที่มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน มันช่างเร่าร้อนเหลือใดจะกล่าว ราวหิวกระหายจัด!

เรียกว่าพวกมันคล้ายกลับกลายเป็น นักล่า ส่วนต้วนหลิงเทียนก็คือ เหยื่อ อันหอมหวาน…

หากแต่พวกมันค้ายจะลืมเลือนไปเสียสนิท…

ว่าเหยื่อในสายตาของพวกมันนั้น อาศัยพลังฝีมืออ่อนด้อยของพวกมันย่อมมิมีปัญญาล่าได้เด็ดขาด!

หากแต่ความโลภนั้นกลับทำให้คนเลอะเลือน!

คำกล่าวนี้ช่างจริงแท้!

“มิผิดจริงๆ”

เมื่อได้รับคำยืนยันจากต้วนหลิงเทียน สองตาเฉินอี้หรูพลันทอแสงสว่างระยับประหนึ่งดวงดาวกลางฟ้ายามคืนค่ำ

ครู่ต่อมา

“ต้วนหลิงเทียน!”

เมื่อเฉินอี้หรูมองสบตาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตามันเย็นเยือกลงทันใด กล่าวออกเสียงดังว่า “ข้าต้องกล่าวเลยว่าหลังเจ้าใช้เวทย์พลังสนับสนุนแล้วระดับพลังของเจ้ากลับมิได้อ่อนด้อยไปกว่าข้าเลย…แต่ทว่าข้าเองก็ยังมิได้ใช้พลังทั้งหมด!”

“ที่ข้าพึ่งใช้ออกนั้นเป็นเพียง ดาบสยบโลกา ที่อ่อนแอที่สุดในเพลงดาบของข้าเท่านั้น! นอกจากดาบสยบโลกาแล้วข้ายังมี ดาบชำระโลก และ ดาบผลาญโลกาอยู่อีก!”

“หากข้าใช้ดาบชำระโลกาล่ะก็ จากพลังของเจ้าต่อให้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!”

“และถ้าข้าใช้ออกด้วยดาบผลาญโลกาเมื่อใด เจ้ามิอาจหลีกหนีความตายได้พ้นแน่!”

หลังกล่าวจบคำ สีหน้าท่าทางของเฉินอี้หรูก็ดูเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจเต็มพิกัด!

อีกทั้งในวาจาของมัน ยังฟังออกได้ว่า…

มันคิดว่าเมื่อครู่เป็นต้วนหลิงเทียนลงมือใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดแล้ว หากทว่ายังทำได้แค่ทัดเทียมกับกระบวนท่า ดาบสยบโลกา ของมันเท่านั้น!

“อ้อ แล้วทำไมเหรอ?’

ได้ยินคำเฉินอี้หรู ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงไร้แยแส

“หากเจ้าเต็มใจกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าจักแบ่งปันเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลกที่เจ้ามีให้ข้าอย่างไม่คิดเล่นลูกไม้ใดๆ…ข้าเฉินอี้หรู เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ผู้นี้ สามารถสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ต่อหน้าเจ้า ว่าข้าจะเมตตาละเว้นชีวิตเจ้า!!”

เฉินอี้หรูไม่ลีลาอ้อมค้อมใดๆ มันเลือกเปิดประตูเห็นภูผากล่าวบอกเจตนาออกตามตรง

และเจตนาของมันก็ง่ายดายนัก!

มันอยากได้เวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลกที่ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญ!

‘หากข้าแตกฉานเวทย์พลังร้ายกาจนั่นได้…ถึงแม้จะไม่ต้องบรรลุถึงขั้นเดียวกับต้วนหลิงเทียน ต่อให้เจอเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ ข้าก็ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!’

พอในใจปรากฏความคิดดังกล่าวขึ้นมา เฉินอี้หรูก็อดตื่นเต้นไม่ไหว!

ในความคิดของมัน

ภายใต้คำขู่ของมัน ต้วนหลิงเทียนต้องเลือกกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์แต่โดยดีแน่นอน เพราะอย่างไรคนย่อมไม่อยากตกตาย!

ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

เรียกว่าทุกสายตาของทุกคนที่ลอยห่างออกไปราว 2 ลี้ ถึงกับหันขวับไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง!

พวกมันอยากรู้เหลือเกิน…

ว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกทำตามคำของเฉินอี้หรูแต่โดยดีหรือไม่?

ตอนนี้พวกมันเองก็พลอยคิดไปในทำนองเดียวกันกับเฉินอี้หรูอย่างไม่รู้ตัว

ว่าเป็นต้วนหลิงเทียนลงมือเต็มกำลังแล้ว หากทว่าเฉินอี้หรูยังคงออมมือเอาไว้ และหากเอาจริงคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนคงไม่ยากเย็น!

อย่างไรก็ตาม พอทุกคนหันไปมองต้วนหลิงเทียนหลังเฉินอี้หรูกล่าวจบด้วยความอยากกรู้อยากเห็นนั้น…

“ฮ่าๆๆๆ…!!”

ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า ท่าทางยังคล้ายได้ยินเรื่องตลกที่สุดในสามโลก!

ในขณะที่สีหน้าเฉินอี้หรูมืดลงทั้งคิดลงมือด้วยความขุ่นมัวนั้น

ต้วนหลิงเทียนพลันหยุดหัวเราะ ค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มรังเกียจเดียจฉันท์ไม่ขาดความดูแคลน “ดาบชำระโลกาอะไร ดาบผลาญโลกาอะไร…ข้าว่ามันก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากดาบสยบโลกานั่น!”

“ว่าแต่…เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเมื่อครู่ข้าลงมือเต็มกำลังแล้ว?”

ครู่ต่อมาสายตามองแคลนของต้วนหลิงเทียน ก็เริ่มเผยจิตสังหารออกมา

“เจ้า…เจ้าหมายความว่าอะไร?!”

ได้ยินน้ำเสียงดูหมิ่นไม่เห็นเป็นอะไรทั้งสีหน้าท่าทางหยันหยามดูถูกรวมไปถึงความมั่นใจอันล้นปรี่ของต้วนหลิงเทียน ในใจของเฉินอี้หรูพลันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่งขึ้นมาทันที!

“ข้าหมายความว่าอะไร?”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มเยาะ พลางยกมือขึ้นช้าๆ ทันใดนั้นรังสีกระบี่พลันพวยพุ่งขึ้นจากมือ ค่อยควบรวมผนึกก่อเกิดกระบี่พลังมีสภาพสีขาวพิสุทธิ์ยาว 3 ฉื่อกลางความว่างเปล่า ยังเปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าหาใดเปรียบนัก!

และครู่ต่อมา

“ใจกระบี่เหิน!”

พร้อมกับที่สองตาต้วนหลิงเทียนกลับกลายเป็นเย็นยะเยือก กระบี่พลังมีสภาพ 3 ฉื่อในมือ พลันพุ่งทะยานออกไปประหนึ่งดาวตกจี้เล็งไปที่เฉินอี้หรู!

ฟั่ฟฟฟ!!

แว่วเสียงหอนกของกระบี่กรีดฟ้าดังขึ้นแผ่วเบา

เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!

ตามรายทางที่กระบี่เหินทะยานพุ่งผ่าน ความว่างบัดนี้กลับปริแตกแยกฉีก เผยรอยแยกมืดดำอันน่าสะพรึง! และไม่เหมือนกับรอยแยกก่อนหน้า…ครานี้มันถึงกับฉีกเปิดค้างไว้ ยากจะคืนสภาพเร็วไว!!