ตอนที่ 1000 กลับบ้าน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1000 กลับบ้าน

เมื่อเห็นสีหน้าอาฆาตจากจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง ไป๋ชิงฉีเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นกล่าวต่อ “หากเป็นเช่นนั้นชาวเมืองซีเหลียงจะกลายเป็นชาวเมืองต้าโจว ต้าโจวจะยอมเก็บความแคว้นที่อวิ๋นพั่วสิงทำกับทายาทตระกูลไป๋และน้องชายสิบเจ็ดของกระหม่อมไว้”

หลี่เทียนเจียวกำที่วางแขนแน่น จากนั้นลุกขึ้นยืนช้าๆ พลางมองไปทางไป๋ชิงฉีด้วยแววตาเยือกเย็น “ฝันไปเถิด…”

“หากฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ กระหม่อมคงต้องขอตัวเก็บสัมภาระเดินทางกลับต้าโจวแล้ว” ไป๋ชิงฉีลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน

“เจ้าคิดว่าจะจากไปได้อย่างนั้นหรือ” สีหน้าของหลี่เทียนเจียวเคร่งขรึม

ไป๋ชิงฉีได้ยินคำกล่าวนี้จึงยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “หากกระหม่อมเดินทางกลับไปต้าโจวไม่ได้ เหยียนอ๋องก็คงเดินทางกลับมาซีเหลียงไม่ได้เช่นเดียวกัน ฝ่าบาททรงส่งคนไปสอดแนมที่ภูเขาถ่งกู่ดูก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ว่ากองทัพใหญ่ของต้าโจวบุกประชิดชายแดนของซีเหลียงแล้วหรือไม่”

หลี่เทียนเจียวแผ่ไอสังหารออกมาจากร่าง จากนั้นหันกลับไปมองไป๋ชิงฉีทันที

“เมื่อหรงตี๋เห็นความเคลื่อนไหวของต้าโจว พวกเขาจะเคลื่อนไหวตามหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงฉีวิเคราะห์ตามความจริง “กระหม่อมคิดว่าตอนนี้ซีเหลียงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว รอบด้านของซีเหลียงล้วนเต็มไปด้วยอันตราย! หลังจากสูญเสียทหารยอดฝีมือนับแสนนายไปในสงครามที่หนานเจียง ซีเหลียงที่จำนวนประชากรน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะต้านทานกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ แม้กองทัพหั่วอวิ๋นจะดุดัน ทว่า พวกเขาฝึกเลียนแบบค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋ เมื่อเผชิญหน้ากับค่ายหู่อิงขึ้นมาจริงๆ พวกเขาคงสู้พวกเราไม่ได้”

ไป๋ชิงฉีเดินไปหยุดอยู่หน้าจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง “ตระกูลทั้งแปดสูญเสียอย่างหนักในสงครามที่หนานเจียงเช่นเดียวกัน หากเกิดสงครามขึ้น พวกเขาย่อมต้องรักษาผลประโยชน์ของตระกูลตัวเองก่อนค่อยนึกถึงเรื่องสงคราม ทหารซีเหลียงของพวกท่านสามารถรวมใจเป็นหนึ่งสู้รบต้านทานศัตรูได้หรือพ่ะย่ะค่ะ ต้าโจวแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลังจากยึดครองต้าเหลียงได้ อีกทั้งมีจักรพรรดินีที่มาจากตระกูลนักรบที่เก่งกาจนับร้อยปี การปกครองระบอบใหม่ของต้าโจวเป็นประโยชน์ต่อเหล่าทหาร บัดนี้ชาวบ้านต่างพากันไปสมัครเป็นทหาร ทุกคนพร้อมสู้รบอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลงานและความดีความชอบ ฝ่าบาท…ซีเหลียงกล้ารับคำท้ารบจากต้าโจวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เทียนเจียวกัดฟันกรอด

ไป๋ชิงฉีกล่าวจี้แทงใจดำนางทุกคำ หลี่เทียนเจียวได้รับรายงานเรื่องการปกครองระบอบใหม่ของต้าโจวจากสายลับที่ขี่ม้าเร็วกลับมารายงานนาง ตอนนั้นหลี่เทียนเจียวยังคิดว่าสมแล้วที่ไป๋ชิงเหยียนเกิดมาในตระกูลนักรบและมีความสามารถในการออกรบที่เก่งกาจ การปกครองระบอบใหม่ของนางปลุกขวัญกำลังใจของทหารให้พร้อมรบมากยิ่งขึ้น

ไป๋ชิงฉีโค้งกายทำความเคารพจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง “กระหม่อมไม่ได้ดูถูกซีเหลียง ทว่า ฝ่าบาททรงลองไตร่ตรองดูให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ซีเหลียงคือเนื้อชิ้นใหญ่ในสายตาของต้าเยี่ยน หรงตี๋และต้าโจว ต่อให้ฝ่าบาทจะทรงมีความสามารถมากเพียงใด ทว่า ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดเปรียบเสมือนโรคร้ายที่ฝังอยู่ในกระดูกของซีเหลียง จนซีเหลียงป่วยสาหัส ฝ่าบาทจะช่วยเหลือซีเหลียงเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของหลี่เทียนเจียวไหววูบ นางจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร สิ่งนี้ทำให้นางเป็นกังวลจนนอนไม่หลับทุกคืน

ซีเหลียงจะไม่ยอมตกเป็นรัฐบรรณาการของแคว้นอื่น ทว่า บัดนี้นางกักตัวชุยเฟิ่งเหนียนและทูตของต้าโจวไว้ในซีเหลียงไม่ได้…

“หากซีเหลียงไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อต้าโจว ต้าโจวจะบุกโจมตีซีเหลียงหรือไม่” หลี่เทียนเจียวเอ่ยถาม

“ไม่ปิดบังฝ่าบาท หากซีเหลียงไม่ยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจว ต่อให้ต้าโจวจะรับเมืองทั้งยี่สิบห้าเมืองของซีเหลียงและทำสัญญาเป็นพันธรมิตรกับซีเหลียง เมื่อหรงตี๋บุกโจมตีซีเหลียงจนอ่อนแอลง เมื่อต้าเยี่ยนบุกโจมตีซีเหลียง ต้าโจวจะไม่ทนดูอยู่เฉยๆ อยู่ดี ถึงเวลานั้นต่อให้ซีเหลียงยมอสวามิภักดิ์ก็คงสายเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงฉีกล่าว

“หรงตี๋กับต้าโจวคือพวกเดียวกันไม่ใช่หรืออย่างไร อ๋องหน้ากากผีผู้นั้นคือคนของตระกูลไป๋ไม่ใช่หรือ!” หลี่เทียนเจียวหัวเราะเสียงเย็น

ไป๋จิ่นถงตะลึง ไป๋ชิงฉีคาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน…

เมื่อหลี่เทียนเจียวเห็นสีหน้าว่าไป๋ชิงฉีดูเหมือนจะเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจึงเริ่มสงสัยในข่าวที่หลี่จือเจี๋ยส่งกลับมารายงาน หลี่จือเจี๋ยกล่าวในจดหมายว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนบอกเขาว่าอ๋องหน้ากากผีของหรงตี๋คือคนของตระกูลไป๋ ทว่า ไป๋ชิงฉีทูตแห่งต้าโจวผู้นี้คือคนของตระกูลไป๋เช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

สีหน้าตกใจของคนที่เพิ่งได้ยินเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นครั้งแรกเสแสร้งไม่ได้

ไป๋ชิงฉีนึกถึงตอนที่เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดกับพี่หญิงใหญ่ในวันราชาภิเษกว่าปกป้องอาอวี๋ไว้ไม่ได้ ทว่า พี่หญิงใหญ่บอกเขาว่าอาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ยังกลับมาตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น

ตอนนั้นไป๋ชิงฉีไม่ได้สนใจอ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋มากนัก ตอนนี้เมื่อนึกย้อนดูก็มีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่เหมือนกัน…

ทว่า ในเมื่อพี่หญิงใหญ่บอกแล้วว่าอาอวี๋ยังกลับมาไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าอ๋องหน้ากากผีผู้นั้นจะใช่อาอวี๋หรือไม่ ไป๋ชิงฉีก็ไม่สามารถยอมรับได้เด็ดขาด

“กระหม่อมอยากให้อ๋องหน้ากากผีผู้นี้คือคนของตระกูลไป๋เช่นเดียวกัน หวังมากกว่าฝ่าบาทเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงฉีเงยหน้าสบตาหลี่เทียนเจียวนิ่ง

“ทว่า นี่คือเรื่องไร้สาระสิ้นดี บัดนี้อ๋องหน้ากากผีผู้นี้ควบคุมหรงตี๋ไว้ในมือของเขา หรงตี๋ยอมรับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นผู้นำ การที่อ๋องหน้ากากผีผู้นี้จะเข้าแทนที่อ๋องแห่งหรงตี๋คือเรื่องง่ายนิดเดียว หากอ๋องหน้ากากผีคือคนตระกูลไป๋จริง เขาควรขึ้นเป็นอ๋องแห่งหรงตี๋แทนที่อ๋ององค์เก่าแล้วนำทัพหรงตี๋เข้าร่วมกับต้าโจว ถึงแม้จะไม่เข้าร่วมกับต้าโจว ทว่า เขาขึ้นเป็นอ๋องแห่งหรงตี๋เองเพื่อปูทางให้ต้าโจวในวันข้างหน้าไม่ดีกว่าหรืออย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงฉีขมวดคิ้วแน่น “ไม่มีผู้ใดอยากให้ทายาทตระกูลไป๋รอดชีวิตกลับมาบ้านให้ได้มากที่สุดเท่าคนในตระกูลไป๋อีกแล้ว เมื่อคนตระกูลไป๋เห็นราชโองการประกาศเชิญคนตระกูลไป๋กลับไปร่วมพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ผู้ใดจะทนไม่กลับไปได้…”

ไป๋ชิงฉีกล่าวจบจึงกล่าวเสริมต่อ “กระหม่อมจะอยู่ที่อวิ๋นจิงต่ออีกวัน หากฝ่าบาททรงยอมสวามิภักดิ์ต่อต้าโจวจะถือเป็นเรื่องดีมาก หากทรงไม่ยินยอม กระหม่อมคงต้องทูลรายงานจักรพรรดินีแห่งต้าโจวของกระหม่อมตามความจริง”

หลี่เทียนเจียวมองไปทางไป๋ชิงฉีนิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวเดินออกไปจากโถงรับรองหลักพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่จำเป็นต้องรอ ซีเหลียงไม่มีทางยอมเป็นรัฐบรรณาการของแคว้นใดทั้งสิ้น”

ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า สีหน้าของหลี่เทียนเจียวย่ำแย่มาก

เงื่อนไขของต้าเยี่ยนคือยอมเป็นรัฐบรรณาการเช่นเดียวกัน ต้าโจวเองก็เช่นเดียวกัน ทางเลือกของซีเหลียงคือการเลือกว่าจะยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวหรือต้าเยี่ยน ซีเหลียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสองทางนี้แล้วหรือ!

มองส่งหลี่เทียนเจียวจากไป ไป๋จิ่นถงจับแขนเสื้อไป๋ชิงฉีแน่น “คือเรื่องจริงหรือเจ้าคะพี่ชายสาม! อ๋องหน้ากากผีคือคนของตระกูลไป๋หรือเจ้าคะ คือผู้ใดกันเจ้าคะ!”

ไป๋ชิงฉียังไม่แน่ใจจึงกล่าวเพียง “บางที…อาจเป็นอาอวี๋ พี่หญิงใหญ่บอกว่าอาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ ทว่า เขายังกลับมาตอนนี้ไม่ได้ จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงคงรู้ข่าวอันใดมา มิเช่นนั้นนางคงไม่กล่าวออกมาโดยไม่มีหลักฐานเช่นนี้”

ไป๋ชิงฉีหันไปหาไป๋จิ่นถง เขากำชายเสื้อของตัวเองแน่นอย่างอดไม่ได้ “หากอ๋องหน้ากากผีคือคนของตระกูลไป๋จริงๆ เขาคงเป็นอาอวี๋!”

ไป๋จิ่นถงกัดฟันแน่น นางอยากยิ้มออกมา ทว่า สีหน้าของนางดูแย่กว่าร้องไห้เสียอีก พี่ชายห้ายังมีชีวิตอยู่! ช่างดีจริงๆ

ไป๋จิ่นถงชอบข่าวดีเช่นนี้มาก นางหวังกระทั่งว่าทายาททุกคนของตระกูลไป๋จะรอดชีวิตกลับมา!

“เก็บของให้เรียบร้อย” ไป๋ชิงฉีมองไปทางไป๋จิ่นถงที่ยากจะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องสาวเบาๆ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “พวกเรากลับบ้านกัน…”

ไป๋ชิงเหยียนต้องการเปิดสำนักศึกษา ดังนั้นเมืองหลวงของต้าโจวคือที่แรกที่ควรเปิดสำนักศึกษาสำหรับสตรีเพื่อเป็นแบบอย่าง

**************************************