บทที่ 1018 เสี้ยนจู่

บทที่ 1018 เสี้ยนจู่

หรือว่าจะเป็นพระราชโองการของหลิวเทียนฉือจริง ๆ

ถึงแม้ในใจนางเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถกเถียงกัน ไม่ว่าอย่างไรหลิวเทียนฉือไม่ใช่คนที่จะรุกรานได้

ขันทีอู๋กวาดสายตามองทั่วทั้งบริเวณ สุดท้ายก็จ้องมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้ม “แม่นางใช่กู้เสี่ยวหวานหรือไม่”

กู้เสี่ยวหวานไม่คาดคิดเลยว่าขันทีอู๋จะรู้จักชื่อของนาง ตั้งแต่เขาปรากฏตัวก็มีเรื่องให้ประหลาดใจมากมาย นางตอบด้วยท่าทีนอบน้อม “ใช่เจ้าค่ะ ท่านมีธุระอันอย่างนั้นหรือ?”

น้ำเสียงของกู้เสี่ยวหวานแจ่มชัดและไพเราะ ไร้ซึ่งการประจบสอพลอ ซึ่งตรงกันข้ามกับคำเยินยอที่มากเกินไปของหลิวเทียนฉือในตอนนี้

ขันทีอู๋เป็นคนเก่าแก่ในวัง ภายในราชสำนักมีทั้งคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน ในชีวิตของเขา สิ่งเดียวที่ทำก็คือติดตามและปรนนิบัติอยู่ข้างกายฮ่องเต้

ปรนนิบัติจนเข้าสู่วัยชรา ปรนนิบัติเช่นนี้ต่อมารุ่นสู่รุ่น เขาใช้ชีวิตมานานหลายปี ฮ่องเต้น้อยองค์นี้เป็นองค์ที่สามที่เขาปรนนิบัติรับใช้

นับว่าเป็นเวลาหลายปีที่ได้อยู่ข้างฮ่องเต้ ไม่มีคนแบบไหนที่ไม่เคยพบ ไม่มีหน้าตาแบบไหนที่ไม่เคยเจอ

คนส่วนใหญ่ชอบประจบประแจง ไม่เหมือนกับท่าทางของคนไม่กี่คนเมื่อครู่

แต่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบแม่นางคนหนึ่งที่ไม่ได้เย่อหยิ่ง หากแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ

การพูดคุยระหว่างสองคนทำให้หลิวเทียนฉือแปลกใจเล็กน้อย ไม่นึกว่าขันทีอู๋จะรู้จักกู้เสี่ยวหวาน ความแปลกใจของนางยังไม่ลดลง และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ทำเอาร่างกายของนางชาวาบราวกับถูกฟ้าผ่า

“พระราชโองการมาถึงเมืองหลิวเจีย กู้เสี่ยวหวานได้รับพระราชโองการแล้ว”

เสียงดังกึกก้องนั้นทำให้กู้เสี่ยวหวานตกตะลึง

แต่เห็นได้ชัดว่าขันทีจ้องมองตนเองด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา เหมือนกำลังสื่อความหมายให้นางคุกเข่าลง

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วแล้วมองดูท่าทางของขันทีอู๋ ท่าทางจริงจังไม่เหมือนล้อเล่น นางจึงคุกเข่าลงแล้วยืดหลังตรง “กู้เสี่ยวหวานรับราชโองการ”

เด็กน้อยคนนี้ใช้ได้ทีเดียว กิริยาท่าทางมีเสน่ห์ในตัวเอง ความสุภาพ เรียบร้อยอย่างนี้ แม้แต่คุณหนูที่ได้รับการฝึกฝนในเมืองหลวงก็ไม่อาจทำได้

ดูไม่เหมือนสาวชาวบ้าน ท่าทางเหมือนเทพสวรรค์ หากบอกว่ามาจากตระกูลที่ ร่ำรวยผู้คนต่างต้องเชื่ออย่างแน่นอน

ขันทีอู๋ไม่มีเวลาคิดให้มากความ เปิดพระราชโองการแล้วอ่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา เมืองหลิวเจียมีสตรีนามว่า กู้เสี่ยวหวาน อายุสิบสองปี ประพฤติตนดี ความดีสูงสุดดุจดังสายน้ำ มีคุณธรรมสูงส่ง เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากแล้ว แม้ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติจะโหดร้าย แต่ก็มีความรักที่ยิ่งใหญ่แก่สหายร่วมแผ่นดิน เพื่อแสดงความเมตตากรุณาและความชอบธรรม เสี่ยวหวานแห่งตระกูลกู้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นให้เป็นเสี้ยนจู่ระดับห้า และขอมอบเงินห้าพันตำลึง ทองหนึ่งพันชั่ง ที่ดินอุดมสมบูรณ์ห้าร้อยหมู่ หยกหรูอี้ ผ้าไหมดิ้นเงินดิ้นทองห้าสิบฉือ และบ้านหนึ่งหลัง”

พอทุกคนได้ยินที่ขันทีอู๋กล่าว พวกเขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

แม้แต่กู้เสี่ยวหวานเองก็เช่นกัน นางคิดว่าตนเองกำลังหูฝาดไป

เสี้ยนจู่ระดับห้า?

เมื่อขันทีอู๋เห็นท่าทางแปลกประหลาดของกู้เสี่ยวหวานแบบนั้นแล้วก็ได้แต่หัวเราะ เขาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว มองกู้เสี่ยวหวานแล้วกล่าวว่า “เสี้ยนจู่ ยังไม่รีบรับพระราชโองการอีก”

กู้เสี่ยวหวานเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้ตนเอง และท่าทางไม่เหมือนกำลังพูดโกหก อีกทั้งคงไม่มีใครกล้าเอาพระราชโองการของฮ่องเต้มาล้อเล่นหรอก

“ขอบพระทัยองค์ฮ่องเต้ ขอให้พระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี”

กู้เสี่ยวหวานกล่าวคำอวยพรให้อายุยืนหมื่นปี แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ

ขันทีอู๋เห็นว่านางรู้จักมารยาทก็เดินมายิ้มกว้าง และมอบพระราชโองการให้นาง

หลังจากนั้นเขาย่อตัวลงและประคองกู้เสี่ยหวานขึ้นมา

แต่เมื่อเห็นท่าทางนิ่งสงบของกู้เสี่ยวหวาน แม้แต่ขันทีอู๋ก็ปรบมือชื่นชมอย่างเงียบ ๆ ในใจ

การได้รับคำแหน่งเสี้ยนจู่นั้นไม่ง่าย มิฉะนั้นนางคงไม่กระโดดข้ามมาจากสามัญชนธรรมดากลายมาเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้าได้

หลังจากนี้ไป เกรงว่านางจะโบยบินสูงขึ้นไปอีก

ขันทีอู๋ยิ้มและประคองกู้เสี่ยวหวานขึ้น ผู้คนด้านหลังต่างอยู่ในอาการตื่นตกใจ และยังไม่สามารถเรียกคืนสติกลับมาได้

กู้เสี่ยวหวานถูกแต่งตั้งให้เป็นเสี้ยนจู่ระดับห้า

ไม่ใช่บอกว่าให้หลิวเทียนฉือเป็นพระชายาหรอกหรือ?

ทำไมพระราชโองการนี้ถึงมอบให้กู้เสี่ยวหวาน หลิวเทียนฉือคือคนที่แปลกใจมากที่สุด พระราชโองการนี้ให้นางไม่ใช่หรือ แล้วทำไม…

หรือว่าเนื้อความในราชโอการจะผิดไป

แต่ว่าเมื่อขันทีอู๋ประคองกู้เสี่ยวหวานขึ้นมาอย่างสนิทสนม นางก็ตกอยู่ในความมึนงง

เมื่อครู่ ในพระราชโองการกล่าวว่า กู้เสี่ยวหวานคือเสี้ยนจู่ระดับห้า

หลิวเทียนฉือเป็นคุณหนูที่มาจากเมืองหลวง นางเป็นคนที่มีค่าที่สุดในเมือง แต่ตอนนี้ไม่นึกเลยว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีชื่อเสียง และยังเป็นถึงเสี้ยนจู่ระดับห้า

แม้จะมีการกล่าวว่าระดับของเจ้าหน้าที่ชายและหญิงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวตนของเขา แต่กู้เสี่ยวหวานและพ่อของหลิวเทียนฉือแทบจะอยู่ในระดับเดียวกัน

นางคือลูกสาวของเจ้าหน้าที่ระดับสาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อพบกู้เสี่ยวหวานพวกนางจะต้องทำความเคารพกันและกัน

นางมองกู้เสี่ยวหวานที่กำลังยิ้มด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้นก็ทรุดตัวลงกับพื้น โชคดีที่เสี่ยวเหออยู่ข้าง ๆ ประคองนางไว้ ไม่เช่นนั้นคงเจ็บตัวมากกว่านี้

เมื่อฮูหยินเจียงเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานได้รับตำแหน่งเสี้ยนจู่ นอกจากจะตกตะลึงแล้ว สีหน้าของนางยังดูแปลกใจเล็กน้อย และเจือไปด้วยความรู้สึกผิด

คำพูดของอาจารย์ฮุ่ยหย่วนกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว

กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่ร่ำรวยมั่งคั่ง และอีกไม่นานก็จะประสบความสำเร็จ

เมื่อนึกถึงคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนตัวเจียงหย่วนในร้านจิ่นฝูเมื่อครู่ นางคนนั้นเองก็แซ่กู้ เหตุใดถึงไม่ได้ความฉลาดของกู้เสี่ยวหวานมาเลยล่ะ

ในใจฮูหยินเจียงรู้สึกเกลียดชัง ตอนนี้นางไม่สนใจหลิวเทียนฉือสักนิด นางสะบัดแขนอย่างแรงและลอบสาปแช่งอยู่ในใจ ก่อนจะเดินจากไปด้วยความรังเกียจ

เดิมทียังคิดว่าหลิวเทียนฉือจะได้เป็นพระชายา แต่มันเป็นเพียงฝันกลางวันเท่านั้น