บทที่ 1054 ผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่แต่กำเนิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1054 ผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่แต่กำเนิด

หลังจากหานฮวงพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถก็ตกอยู่ในความตะลึงเช่นเดียวกับซั่นเอ้อร์ ผ่านไปนานพักใหญ่ก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ หานเจวี๋ยก็ไม่ได้เอ่ยปลอบอะไร ถือว่าเป็นการเตือนสติให้หานฮวงด้วย ป้องกันไม่ให้เด็กคนนี้หลงระเริงไปกับพลังปฐมยุค

เขาไม่คิดจะบอกเรื่องที่ตนเป็นเทพมารปฐมยุคต่อหานฮวง ต่อให้เขาไว้ใจหานฮวงได้ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลจะสามารถอ่านความทรงจำหานฮวงได้หรือไม่

ก่อนที่หานเจวี๋ยถึงจุดที่ไร้พ่าย จำเป็นต้องระวังเอาไว้

หานเจวี๋ยส่งสายตาบอกให้ซั่นเอ้อร์ถอยออกไป ซั่นเอ้อร์ทำความเคารพอย่างนอบน้อมแล้วออกจากอารามเต๋าไป

เพิ่งจะโผล่ออกไปเขาก็ถูกสิงหงเสวียนและชิงหลวนเอ๋อร์รวมถึงศิษย์คนอื่นๆ เข้ามารุมล้อมสอบถามสถานการณ์ด้านในแล้ว

ซั่นเอ้อร์ก็มิได้ปิดบังเลย เมื่อทราบว่าหานฮวงท้าทายหานเจวี๋ยแต่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถทุกคนล้วนไม่แปลกใจเลย

หานเจวี๋ยแข็งแกร่งไร้พ่าย ต่อให้หานฮวงแข็งแกร่งแค่ไหนแต่จะเหนือไปกว่าบิดาตนได้หรือ

สิงหงเสวียนเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าเด็กแสบคนนี้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำโดยแท้ รอเขาออกมาแล้วข้าจะสั่งสอนเขาให้ดีๆ!”

ชิงหลวนเอ๋อร์ส่ายหน้ากล่าวไปว่า “พี่หญิง อย่าทำเช่นนี้เลย เรื่องราวระหว่างพ่อลูกยกให้เป็นหน้าที่ของบิดาเถิด ฮวงเอ๋อร์มีความเป็นตัวเองสูง มีศักดิ์ศรีและหลักการในแบบของตัวเอง พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเลย”

สิงหงเสวียนถอนหายใจคราหนึ่ง เอ่ยว่า “เขาจากไปเกือบร้อยล้านปีแล้วกระมัง เป็นเวลายาวนานจริงๆ พวกเราฝึกบำเพ็ญอยู่ทุกวันไม่ได้รับรู้สิ่งใดเลย แต่สำหรับเขาแล้วเป็นประสบการณ์มากมายที่เพียงพอจะเปลี่ยนแปลงตัวเขาไปได้”

นางเผชิญความลำบากมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย รู้ซึ้งดีว่าประสบการณ์เปลี่ยนแปลงนิสัยคนได้

ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวลเกินไปเลย ท่านพี่ต้องวางแผนไว้แล้วแน่นอน สายตาของเขามองสอดส่องไปได้ทั่วฟ้าบุพกาล บางทีความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของหานฮวงอาจจะอยู่ในสายตาของเขาตลอด”

สิงหงเสวียนได้ฟังก็ยิ้มออกมา พยักหน้าเห็นด้วย

ถึงอย่างไรนางก็จัดการหานฮวงไม่ได้อยู่แล้ว ยกให้เป็นหน้าที่หานเจวี๋ยไปเถิด

ภายในอารามเต๋า

ในที่สุดหานฮวงก็เรียกสติกลับมาได้ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย ถามอย่างระมัดระวัง “ท่านพ่อ วาจาของท่านก่อนหน้านี้หมายความว่าอย่างไรขอรับ ท่านก็เป็นเทพมารอนธการหรือ”

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟ้าบุพกาลรองรับเทพมารอนธการได้เพียงตนเดียว ดังนั้นเจ้าถึงต้องค้างอยู่ในครรภ์มาหลายล้านปี”

หานฮวงมีสีหน้าตะลึง เอ่ยถามเสียงสั่น “เช่นนั้นท่าน…”

“ถูกต้อง ข้าถ่ายทอดสายเลือดเทพมารอนธการให้เจ้า ส่วนตัวข้าก็สับเปลี่ยนไปสืบสายเลือดเทพมารฟ้าบุพกาล”

หานเจวี๋ยจ้องมองเขาพลางกล่าวอย่างจริงจัง

หานฮวงทรุดนั่งลงบนพื้น ในใจเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ

เขาไม่คิดเลยว่าท่านพ่อจะทำเพื่อเขามากถึงเพียงนี้ แต่ตนกลับคิดจะท้าทายท่านพ่อเสียได้…

หากเปลี่ยนเป็นเขา เขาจะสามารถส่งต่อสายเลือดของตนให้แก่บุตรของตนได้หรือไม่

หานฮวงถามตัวเองอยู่ในใจ รู้สึกว่าตนคงทำไม่ได้

ในจุดนี้เขาเทียบกับท่านพ่อไม่ติดเลย

“ท่านพ่อ ลูก…”

ขอบตาหานฮวงแดงเรื่อแล้ว มีคำพูดมากมายอยู่ภายในใจ แต่ไม่สามารถเอ่ยออกไปได้

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างมีนัยลุ่มลึก “ฮวงเอ๋อร์ เจ้าแข็งแกร่งมากแล้ว สิ่งที่เจ้าต้องทำคือควบคุมสติอารมณ์ตนไว้ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าแข็งแกร่งที่สุดในฟ้าบุพกาล นอกจากข้าแล้วยังมีตัวตนอีกไม่น้อยที่มีระดับสูงกว่าเจ้าหนึ่งขั้น แต่พวกเขาเพียงมุ่งเน้นไปที่การฝึกบำเพ็ญเลื่อนระดับเท่านั้น ไม่ไยดีชื่อเสียงเกียรติยศมานานแล้ว ดังนั้นถึงทำให้เจ้ามีโอกาสได้รับสมญาผู้ไร้พ่าย

“สิ่งที่เจ้าเห็นอยู่ล้วนเป็นเพียงฉากหน้าผิวเผินทั้งสิ้น”

หานฮวงละอายใจยิ่งกว่าเดิม หลังจากตระหนักรู้ในสี่กฎเกณฑ์สูงสุด เขาสมควรจะสุขุมระงับอารมณ์ไว้จริงๆ มิใช่เอาแต่เที่ยวประกาศศักดาของตนไปทั่ว

การเที่ยวประกาศศักดาไปทั่วทำให้เขารู้สึกค่อนข้างเหยียดหยามตัวเองอยู่บ้าง

หลังจากคิดตกแล้ว ดวงตาของหานฮวงฉายแววมุ่งมั่นขึ้นมา

“ท่านพ่อ ลูกอยากบุกเบิกอนธการขึ้นมาขอรับ แต่สัญชาตญาณของลูกคอยบอกลูกอยู่ตลอดว่าหากบุกเบิกอนธการขึ้นในฟ้าบุพกาลจะมีอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน”

หานฮวงเอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงแฝงความเคารพนบน้อม

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนั้นก็จงไปที่ดินแดนเวิ้งว้าง ด้วยตบะของเจ้าเพียงพอจะดำรงอยู่ที่นั่นได้แล้ว แต่ทันทีที่บุกเบิกอนธการขึ้นก็จะถูกฟ้าบุพกาลดึงดูดเข้ามาเพื่อผนวกรวมเป็นหนึ่ง หากไม่ถูกฟ้าบุพกาลฮุบกลืนก็จะต่อต้านห้ำหั่นกับฟ้าบุพกาล มองจากสถานการณ์ตอนนี้ ฟ้าบุพกาลฮุบกลืนโลกมหามรรคอื่นๆ ได้ง่ายยิ่ง”

หานฮวงขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “ท่านพ่อ เช่นนั้นลูกควรทำอย่างไรดีขอรับ”

“รอ ยุคสมัยไร้สิ้นสุดใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นโลกมหามรรคทั้งหลายจะอยู่ร่วมกันได้”

“ยุคสมัยไร้สิ้นสุด…ลูกเคยได้ยินเทพมหาทัณฑ์เอ่ยถึง จำเป็นต้องให้ลูกกระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้น แต่ลูกสมควรจะกระตุ้นอย่างไรเล่า หรือจะต้องทำลายล้างสรรพสิ่ง ถึงแม้ลูกจะแข็งแกร่งแต่มิใช่คนโง่ หากทำเช่นนั้น ลูกต้องตายแน่นอน”

หานฮวงขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รอต่อไปเถอะ ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะมาถึง เจ้าก็สมควรปล่อยวางเสียบ้าง ออกไปต่อสู้ให้น้อยลง ให้โอกาสคนอื่นได้เฉิดฉาย เมื่อมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาถึงบุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ จะได้ช่วยแบ่งความชิงชังไปจากตัวเจ้าด้วย”

หานฮวงรู้สึกว่ามีเหตุผล อดพยักหน้ารับไม่ได้ จากนั้นเขาก็เอ่ยถึงพลังลึกลับที่ตนได้รับมาอย่างแปลกประหลาด

หานเจวี๋ยเพียงยิ้มให้แต่ไม่ตอบ

หานฮวงเบิกตากว้าง ถามอย่างระมัดระวัง “ท่านพ่อ หรือว่า…”

“อย่าถามมากเลย เรื่องนี้รู้กันแค่พวกเราก็พอ หาไม่แล้วจะอธิบายกับเหล่าพี่น้องคนอื่นๆ ของเจ้าลำบาก อีกทั้งจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นด้วย”

หานเจวี๋ยเอ่ยพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้ หานฮวงฟังแล้วความรู้สึกซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม

ที่แท้ทุกสิ่งของตนล้วนได้รับมาจากท่านพ่อ

คิดไปคิดมาหานฮวงกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมา

เช่นนี้ก็ดีแล้ว หากว่าพลังนั้นมาจากตัวตนอื่นที่เขาไม่ทราบถึงอาจจะมีอันตรายมากกว่า

หานเจวี๋ยเอ่ยกำชับว่า “ฮวงเอ๋อร์ พ่อให้ความเมตตาเจ้ามากที่สุด ถึงแม้เจ้าจะมิใช่บุตรชายคนโต แต่ภาระหน้าที่ที่เจ้าแบกรับน่าจะมากที่สุดแล้ว วันหน้าหากเหล่าพี่น้องรวมถึงทายาทเชื้อสายเผชิญภัย หากเจ้าพบเห็นอย่าได้นิ่งเฉยดูดาย เข้าใจหรือไม่”

หานฮวงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น เอ่ยตอบว่า “ท่านพ่อ วางใจเถิดขอรับ ลูกจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!”

สองพ่อลูกคุยกันต่อไปอีกหลายชั่วยาม หานฮวงถึงขอตัวอำลาจากไป หลังจากบอกลาสิงหงเสวียนแล้วเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว

เขาบอกหานเจวี๋ยว่าเขาตัดสินใจจะให้การสนับสนุนหานหลิง ถือโอกาสเก็บตัวบำเพ็ญที่วังจักรพรรดิมหาโชคให้ดีด้วย

เขารู้ว่าหานเจวี๋ยเอ็นดูหานหลิงที่สุด ถึงอย่างไรหานหลิงก็ติดตามอยู่ข้างกายหานเจวี๋ยยาวนานที่สุด

สำหรับเรื่องนี้หานเจวี๋ยไม่ได้คัดค้านอะไร

จากนั้นหานเจวี๋ยก็สอดส่องหานชิงเอ๋อร์ หานทั่วและหานอวิ๋นจิ่น

หานทั่วและเหล่าเทวทัณฑ์อยู่ด้วยกัน ตระเวนทำศึกไปทั่วสารทิศ หานชิงเอ๋อร์และเจียงเจวี๋ยซื่อยังคงอยู่ในวังสวรรค์ ส่วนหานอวิ๋นจิ่นกลายเป็นหนึ่งในอริยะที่มีตำแหน่งสูงสุดในมรรคาสวรรค์แล้ว ต้องยกความดีความชอบให้จอมอริยะเสวียนตูที่คอยดูแล

ลูกหลานล้วนมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ขอเพียงพวกเขาอยู่ดีมีสุขก็พอแล้ว

ซั่นเอ้อร์กลับเข้ามาในอารามเต๋า ถึงแม้ในใจจะสนใจใคร่รู้แต่ก็ไม่กล้ายุ่งเรื่องของท่านปฐมบรรพชน ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องน่าอับอาย ต้องไว้หน้าท่านบรรพชนด้วย

เมื่อเห็นว่าซั่นเอ้อร์เข้ามาก็ฝึกบำเพ็ญต่อเลย หานเจวี๋ยจึงเริ่มยกระดับความสามารถของระบบ

ตอนอายุครบร้อยล้านปีได้รับโอกาสยกระดับความสามารถระบบมา แต่เขายังค่อนข้างลังเลอยู่

แต่หลังจากประสบเรื่องของหานฮวงไป เขาพลันตัดสินใจได้แล้ว

‘ข้าต้องการยกระดับคุกสวรรค์อนธการ’

[เริ่มยกระดับคุกสวรรค์อนธการ]

เมื่อเห็นแจ้งเตือนนี้เด้งขึ้นมา เปลือกตาหานเจวี๋ยกระตุกเล็กน้อย

ความสามารถนี้ยกระดับได้จริงๆ สินะ

เห็นทีว่าหลังจากนี้คงกลายเป็นคุกสวรรค์ปฐมยุค เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะทรงพลังขนาดไหน

หานเจวี๋ยคิดไปเช่นนี้

ขณะที่เขากำลังจะฝึกบำเพ็ญต่อก็มีข้อความอีกแถวหนึ่งเด้งขึ้นมา

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่แต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

แจ้งเตือนที่ไม่เห็นมานานมากแล้ว!

ไม่ใช่แค่มีดวงชะตาแต่กำเนิด แต่เป็นดวงชะตายิ่งใหญ่แต่กำเนิด เพิ่มมาอีกคำเดียวแต่ความหมายกลับเปลี่ยนแปลงไปมากโข

หานเจวี๋ยเลือกยืนยันทันที

[อวี้ยวน: ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะปลาย เผ่าพันธุ์มนุษย์ฟ้าบุพกาล กายาอหังการสามพันวิถี คุณสมบัติชะตาฟ้าบุพกาลปฐมภพ เนื่องจากฟ้าบุพกาลดูดซับดวงชะตาของพ้นนิวรณ์ อวิชชาและผลาญนภาเข้ามา ก่อให้บ่วงกรรมและดวงชะตาปั่นป่วน มีดวงชะตาและมหาโชคชนิดใหม่ถือกำเนิดขึ้น กายาอหังการสามพันวิถีคือหนึ่งในบรรดานั้น แฝงพลังมหามรรคสามพันวิถีไว้แต่กำเนิด สืบทอดเจตจำนงแห่งเจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาล]