ตอนที่ 1006 ไม่เป็นมิตร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1006 ไม่เป็นมิตร

“คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่ของข้าเป็นอันใดไปเจ้าคะ!” ชุนเถาตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา นางวิ่งตามหลังเซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงอวี๋ไปติดๆ

“เร็ว! รีบไปแบกหมอหงมาที่ตำหนักรับรองเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!” เว่ยจงหันไปสั่งทหารรักษาพระองค์เสียงดังลั่น จากนั้นวิ่งตามไป๋ชิงเหยียนไป เมื่อนึกสิ่งใดขึ้นได้จึงหันกลับไปสั่งอีกครั้ง “ไปตามหมอหลวงหวงแห่งสำนักหมอหลวงมาด้วย เร็วเข้า!”

ข่าวจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเป็นลมหมดสติไประหว่างสนทนาอยู่กับเซียวหรงเหยี่ยนและอ๋องหน้ากากผีแพร่กระจายไปทั่วทั้งวังหลวงอย่างรวดเร็ว

ต่งซื่อกำลังหยอกเล่นกับคุณหนูแปดอยู่กับฮูหยินสองหลิวซื่อ ฮูหยินสามหลี่ซื่อ ฮูหยินสี่หวังซื่อและฮูหยินห้าฉีซื่อ บรรดาสะใภ้เล่าให้ต่งซื่อฟังว่าตระกูลฝั่งมารดาของพวกนางส่งข่าวมาไม่หยุดหย่อนว่าส่งสตรีในตระกูลของตัวเองไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาแล้ว

เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นลมกลางตำหนัก ต่งซื่อตกใจจนถ้วยชาในมือหล่น น้ำชาเปื้อนกระจายเต็มร่าง

“ข้าบอกแล้วว่าไม่ควรให้อาเป่าหักโหมถึงเพียงนี้! อาเป่าร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว!” หลี่ซื่อร้อนใจจนตาแดงก่ำ นางหันไปหาหมัวมัวข้างกาย “เจ้าไปนำโสมหลายร้อยปีที่ตระกูลฝั่งมารดาข้าส่งมาให้มาที ไม่แน่อาจได้มีประโยชน์!”

ต่งซื่อตกใจจนหน้าซีดเผือด ทว่า ยังพอควบคุมสติได้อยู่ นางเอ่ยถาม “ท่านหมอหงไปตรวจอาการแล้วหรือไม่”

“เว่ยกงกงให้คนไปตามท่านหมอหงและท่านหมอหลวงหวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของขันทีเล็กที่มารายงานแผงไปด้วยความหวาดกลัว

ต่งซื่อวางถ้วยชาลง ฝ่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อเอื้อมมือไปจับฉินหมัวมัวเพื่อลุกขึ้น “ข้าจะไปดูก่อน!”

“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ” ฮูหยินสองหลิวซื่อรีบลุกขึ้นยืนตาม นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น

ฮูหยินห้าฉีซื่อส่งไป๋หวั่นชิงให้หมัวมัวข้างกายอย่างร้อนใจ “ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ”

ต่งซื่อเป็นห่วงไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้ห้ามบรรดาสะใภ้ นางเดินจับมือฉินหมัวมัวออกไปนอกตำหนัก ฮูหยินสอง ฮูหยินสาม ฮูหยินสี่และฮูหยินห้าเดินตามไปติดๆ

เซียวหรงเหยี่ยนไม่มีเวลาสนใจเลือดที่แขนของตัวเองที่ยังคงไหลไม่หยุด ชายหนุ่มวางไป๋ชิงเหยียงลงบนเตียงนุ่ม แขนที่เปื้อนไปด้วยเลือดเอื้อมไปตรวจชีพจรบริเวณลำคอของหญิงสาว เขาสัมผัสได้ว่าชีพจรของไป๋ชิงเหยียนแข็งแรง ทว่า เต้นเร็วเกินไป!

หรือว่าจะถูกยาพิษ!

เซียวหรงเหยี่ยนจำได้ว่าตอนอาการของเสด็จพี่ของเขากำเริบ ชีพจรก็เต้นเร็วเช่นนี้เหมือนกัน

ไป๋ชิงอวี๋หันไปสั่ง “รีบเปิดหน้าต่างทุกบานออกเร็วเข้า!”

เมื่อไป๋ชิงอวี๋หันกลับมาเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมมือไปปลุดกระดุมของเสื้อของไป๋ชิงเหยียน เขาจึงรีบจับข้อมือของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ข้ากำลังช่วยคน ไม่ได้ล่วงเกิน!” เซียวหรงเหยี่ยนสะบัดแขนของไป๋ชิงอวี๋ที่มีสีหน้าลังเลออก ชายหนุ่มข่มความเจ็บปวดบริเวณแขนที่สะบัดอย่างแรง จากนั้นปลดกระดุมคอเสื้อของไป๋ชิงเหยียนออกเล็กน้อย

ชุนเถาคุกเข่าอยู่ข้างเตียงอย่างช่วยอันใดไม่ได้ ขณะที่นางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นเลือดสดที่บริเวณคอปกเสื้อด้านหลังของไป๋ชิงเหยียน ชุนเถาร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจพลางเอื้อมมือไปจับเท้าทั้งสองข้างของไป๋ชิงเหยียนไว้ด้วยความหวาดกลัว

“เลือด! คอด้านหลังของคุณหนูใหญ่มีแต่เลือดเจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ ทำเช่นไรดีเจ้าคะ!”

ชุนเถาร้องไห้พลางหันไปมองนอกตำหนักสลับกับไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวร้องไห้ตะโกนออกมาอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก “ท่านหมอหง! เหตุใดท่านหมอหงจึงยังไม่มาอีก ท่านหมอหงช่วยด้วยเจ้าค่ะ รีบมาช่วยคุณหนูใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ!”

“อาเป่า! อาเป่า!” เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนเสียงแผ่วเบา เขารู้สึกโกรธที่ตัวเองไม่รู้วิชาแพทย์แม้แต่น้อย

หมอหงเกาะอยู่บนหลังของทหารรักษาพระองค์ที่กำลังวิ่งไปยังตำหนักรับรองอย่างรวดเร็วด้วย

เมื่อชุนเถาเห็นหมอหงจึงรีบคลานไปด้านหน้าสองสามก้าวทั้งน้ำตา จากนั้นคุกเข่าร้องไห้ออกมา “ท่านหมอหงรีบช่วยคุณหนูใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ!”

เมื่อเห็นหมอหง ขอบตาของไป๋ชิงอวี๋ร้อนผ่าว เขาแทบอยากจะถลาเข้าไปหาลากหมอหงไปตรงหน้าพี่หญิงโดยเร็วที่สุด

เมื่อเห็นหมอหงมาถึงเซียวหรงเหยี่ยนจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหลีกทางให้ จากนั้นกล่าวกับหมอหง

“ชีพจรเต้นเร็ว อาการคล้ายกับตอนที่ท่านพี่ของข้าถูกพิษ ทว่า ไม่ได้กระอักเลือดขอรับ”

“หลังคอของคุณหนูใหญ่มีแต่เลือดเจ้าค่ะ! ท่านหมอหง…” ชุนเถากล่าวอย่างกลั้นเสียงสะอื้นดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

คำกล่าวนี้ทำให้หมอหงตกใจมาก เขารีบถลาเข้าไปพลิกศีรษะของไป๋ชิงเหยียนตรวจดู คอด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนมีเลือดติดอยู่ก็จริง ทว่า นั่นไม่ใช่เลือดที่เกิดจากการที่หญิงสาวได้รับบาดเจ็บ หมอหงมองไปทางแขนที่เลือดไหลไม่หยุดและสั่นเทาเล็กน้อยของเซียวหรงเหยี่ยนจึงเข้าใจเรื่องทุกอย่างขึ้นมาทันที เขาหันไปสั่งอิ๋นซวงที่อยู่ด้านหลัง “ทำแผลให้เซียวเซียนเซิงที”

กล่าวจบ หมอหงก้าวเข้าไปนั่งลงข้างเตียงเพื่อตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียน

เซียวหรงเหยี่ยนซ่อนแขนข้างที่บาดเจ็บไว้ทางด้านหลังพบางขมวดคิ้วแน่น

“ท่านหมอหงตรวจชีพจรให้คุณหนูใหญ่ก่อนเถิดขอรับ”

อิ๋นซวงกำสายสะพายของกล่องยาแน่นพลางยืนนิ่งไม่ขยับ เด็กสาวยัดขนมใส่อกจนเต็มแน่น เมื่อครู่นางรู้ว่าจะได้มาหาคุณหนูใหญ่นางจึงนำของอร่อยมาให้คุณหนูใหญ่หลายอย่าง เหตุใดคุณหนูใหญ่จึงนอนนิ่งอยู่เช่นนี้นะ

“คุณหนูใหญ่…” อิ๋นซวงพึมพำพลางหยิบขนมออกมาจากอก จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง สาวน้อยแกะเปลือกขนมออกพลางเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่…ทาน ทานเจ้าค่ะ!”

“ไปทำแผลให้เซียวเซียนเซิง ไม่เชื่อฟังคำข้าแล้วหรืออย่างไร!” หมอหงหันไปดุอิ๋นซวงเบาๆ

อิ๋นซวงวางขนมไว้ข้างหมอนของไป๋ชิงเหยียน รับคำ จากนั้นหันไปมองสำรวจเซียวหรงเหยี่ยน

“ทำแผล!”

หมอหงตรวจชีพจรของไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เขาสัมผัสได้ว่าชีพจรที่เต้นรัวของไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ เต้นช้าลง…จนกลายเป็นปกติ

ชุนเถาคุกเข่าอยู่ข้างเตียง ไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ออกมาเพราะกลัวรบกวนหมอหง

ไม่นานหมอหลวงหวงก็มาถึง หมอหลวงหวงเห็นหมอหงกำลังตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียน เขาจึงเข้าไปช่วยเซียวหรงเหยี่ยนทำแผลแทนอิ๋นซวงที่มีท่าทีเงอะงะ

อาจเป็นเพราะหมอหงใช้เวลาตรวจชีพจรนานเกินไป ไป๋ชิงอวี๋จึงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ท่านหมอหง…”

หมอหงยกมือห้ามไม่ให้คนในตำหนักส่งเสียงรบกวน

ภายในตำหนักเงียบกริบ เซียวหรงเหยี่ยนที่ห้ามเลือดเสร็จเห็นหมอหงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตรวจชีพจรที่แขนของไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เขาหันไปทำความเคารพหมอหลวงหวงพลางรับผ้าพันแผลจากหมอหลวงหวงมาพันแผลที่แขนตัวเองอย่างลวกๆ สองทบ จากนั้นเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน

ทว่า ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ชายหนุ่มก็เห็นหมอหงเงยหน้ามองมาทางเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

เซียวหรงเหยี่ยนชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าไปใกล้หมอหงอีกนิด

หมอหงยังไม่ทันอาละวาดออกมา เสียงของฮูหยินสองของตระกูลไป๋ดังมาจากนอกตำหนักเสียก่อน “เอาเป่าเป็นเช่นไรบ้าง หมอหงมาถึงแล้วหรือไม่”

ไป๋ชิงอวี๋กำหมัดแน่น เขาหันกลับไปเห็นมารดาจับมือของฉินหมัวมัวเดินเข้ามาด้านใน ชายหนุ่มกระชับมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่นกว่าเดิม

นางกำนัลและขันทีต่างคุกเข่าอยู่นอกตำหนักรับรอง

“เกิดอันใดขึ้น!” ต่งซื่อก้าวเข้าไปด้านใน สายตาหยุดอยู่ที่ร่างที่คุกเข่าอยู่บนพื้นของชุนเถา

ชุนเถาเจ็บปวดราวกับถูกกรีดลงที่หัวใจ นางกล่าวเสียงสะอื้น

“บ่าวเฝ้าอยู่นอกตำหนัก ไม่ทราบว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าค่ะ หากรู้เช่นนี้…บ่าวไม่มีทางอยู่ห่างจากคุณหนูใหญ่แม้แต่ก้าวเดียวเจ้าค่ะ”

************************