ตอนที่ 1008 วาสนาน้อย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1008 วาสนาน้อย

หมอหงตกใจเช่นเดียวกัน เขารู้ว่าฐานะของเซียวเซียนเซิงผู้นี้ไม่ธรรมดา รู้ว่าชายหนุ่มมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นต้าเยี่ยน กระทั่งคาดเดาว่าเซียวเซียนเซิงผู้นี้คือสายลับของแคว้นต้าเยี่ยน…

ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะคือน้องชายแท้ๆ ของมู่หรงอวี้ คืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนผู้โหดเหี้ยมอำมหิตย์ผู้นั้น

ต่งซื่อนั่งมองไปมู่หรงเหยี่ยนที่มีสีหน้าอ้อนวอนนางอยู่บนเตียงของไป๋ชิงเหยียนท่ามกลางแสงเทียนที่สะบัดไปมาในตำหนักรับรอง จากนั้นเอ่ยถามด้วยความโมโห

“เจ้าจะให้ข้าทำให้พวกเจ้าสมหวังเช่นไร! ให้อาเป่าแต่งงานกับเจ้าพร้อมแคว้นต้าโจว หรือเจ้าจะจากต้าเยี่ยนมาแต่งงานกับอาเป่า”

มู่หรงเหยี่ยนไม่เอ่ยตอบ ต่งซื่อกล่าวต่อ “เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่แต่งงานกับผู้อื่นนอกจากอาเป่า ทว่า จักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนเพิ่งได้ขึ้นครองบัลลังก์ เจ้าคือผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยน หากข้าให้เจ้าทิ้งต้าเยี่ยนมาอยู่กับอาเป่า เจ้าทำได้หรือไม่!”

“บัดนี้อาเป่าคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว นางต้องการทำให้ชาวบ้านและแคว้นต้าโจวมั่งคั่งและแข็งแกร่ง นางไม่มีทางทอดทิ้งต้าโจวไปแน่ เจ้าลองบอกข้าสิว่าฐานะของพวกเจ้าในตอนนี้ สถานการณ์ของต้าโจวและต้าเยี่ยนในตอนนี้ พวกเจ้าจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร” ต่งซื่อโมโหจนปวดใจ

หากเสด็จพี่ยังอยู่ มู่หรงเหยี่ยนจะเลือกอยู่กับไป๋ชิงเหยียนเพื่อหญิงสาวและเด็กในครรภ์

ทว่า อาลี่ยังเด็ก เขาต้องช่วยเหลืออาลี่จนกว่าต้าเยี่ยนจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ จนกว่าจะสานปณิธานของมารดาและพี่ชายได้สำเร็จ

ทว่า บัดนี้เขาทอดทิ้งไป๋ชิงเหยียนที่กำลังตั้งครรภ์ไปไม่ได้

“เหยี่ยน…” ลำคอของมู่หรงเหยี่ยนร้อนผ่าว เขารักไป๋ชิงเหยียนจริงๆ ไม่คิดแต่งงานกับหญิงอื่นนอกเหนือจากไป๋ชิงเหยียน อยากใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวไปจนแก่เฒ่าจริงๆ ทว่า ฐานะของเขาในตอนนี้ สถานการณ์ใต้หล้าในตอนนี้ เขาจะเลือกอย่างไรให้ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย

ไป๋ชิงเหยียนที่เขาหลงรักไม่ใช่สตรีธรรมดา ปณิธานของหญิงสาวไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษอย่างเขา หญิงสาวมีความฝันและหน้าที่ของตัวเอง…

อาลี่ยังเล็ก ต้าเยี่ยนขาดเขาไม่ได้!

ทว่า อาเป่ากำลังตั้งครรภ์ ในฐานะสามีและบิดาเขาควรอยู่เคียงข้างอาเป่าและลูก ทว่า เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร!

ที่สำคัญร่างกายของอาเป่าอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…

“ร่างกายของอาเป่าอ่อนแอมาโดยตลอด ร่างกายของนางยังไม่หายดีเต็มร้อย อีกทั้งนางยังหักโหมร่างกายทำงานทุกวัน ร่างกายของนางยังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ในตอนนี้ ทว่า พวกเจ้า…” ต่งซื่อเม้มปากไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องที่แก้ไขอันใดไม่ได้อีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการแก้ไขปัญหาตรงหน้า “ภายนอกมีข่าวลือว่าเจ้ากับอาเป่าหมั้นหมายกันแล้ว อาเป่าไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ตอนอยู่ในงานเลี้ยง เจ้าจงแต่งงานกับอาเป่าในฐานะเซียวหรงเหยี่ยนเสีย จากนั้นเดินทางกลับแคว้นต้าเยี่ยนของเจ้าไป ไม่ว่าหลังจากนี้เด็กในครรภ์ของอาเป่าจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัยหรือไม่ก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับมู่หรงเหยี่ยนทั้งสิ้น นี่คือทายาทของพวกเราตระกูลไป๋!”

จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพิ่งขึ้นครองราชย์ ยังไม่ได้จัดการเรื่องวังหลังให้เรียบร้อย เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็คงต้องเลียนแบบระบบวังหลังของซีเหลียง สามีของจักรพรรดินีจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนนอกจากงานพิธีสำคัญเท่านั้น

“ทว่า ในเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนกลายเป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไปแล้ว เจ้าไม่สามารถเดินทางไปตามแคว้นต่างๆ ในฐานะเซียวหรงเหยี่ยนได้อีก บุรุษนามว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะหายไปจากใต้หล้าแห่งนี้ตลอดกาล” ต่งซื่อยังไม่หายโกรธจึงกล่าวถ้อยคำไม่น่าฟังออกมา “นี่คือทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย”

เมื่อกำหนดเรื่องสามีของอาเป่าเรียบร้อย เหล่าขุนนางในราชสำนักจะได้ไม่ต้องนำภาพวาดของบุรุษรูปงามในต้าโจวมาให้อาเป่าพิจารณาเพื่อบีบให้อาเป่าแต่งงานอีก เมื่อมีหนทางรับมือกับขุนนางที่กระตือรือร้นอย่างเช่นต่งชิงผิงพี่ชายของต่งซื่อ อาเป่าจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น

มู่หรงเหยี่ยนไม่ได้สนใจฐานะของเซียวหรงเหยี่ยนหรือสกุลของเด็กที่กำลังจะเกิดขึ้น มู่หรงเหยี่ยนเป็นห่วงความปลอดภัยของไป๋ชิงเหยียนมากกว่า ชายหนุ่มเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาแต่งงานเพราะต้องการภรรยาไม่ใช่บุตร เขากลัวว่าร่างกายของไป๋ชิงเหยียนจะรับไม่ไหว

มู่หรงเหยี่ยนกำหมัดแน่น เมื่อนึกถึงจังหวะชีพจรของไป๋ชิงเหยียนก็ยิ่งรู้สึกกังวล หากหมอหงกล่าวว่าเด็กคนนี้มาในเวลาที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นก็ไม่ควรเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ หากครรภ์โตขึ้นเรื่อยๆ อาเป่าจะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นทุกวัน หากเป็นสตรีที่แข็งแรงทั่วไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดนัก ทว่า ร่างกายของไป๋ชิงเหยียน…

ต่งซื่อกัดฟันมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนทั้งน้ำตา เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นไป๋ชิงเหยียนเริ่มขยับตัวราวกับกำลังจะฟื้นขึ้นมา ต่งซื่อจึงรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา จากนั้นหันไปทางไป๋ชิงเหยียน นางขยับผ้าห่มให้บุตรสาวเล็กน้อย เมื่อเห็นแผงตาของบุตรสาวสั่นไหวราวกับกำลังจะตื่นขึ้น ต่งซื่อกลั้นน้ำตา ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ จากนั้นเอื้อมมือไปลูบใบหน้าและศีรษะของบุตรสาวอย่างรักใคร่

ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพพร่ามัวตรงหน้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวมองเห็นเปลวไฟในตะเกียงที่วางอยู่บนแท่นสูงเป็นสิ่งแรก นางได้ยินเสียงมารดาเอ่ยเรียกนามตน จากนั้นจึงมองเห็นมารดาที่กำลังลูบใบหน้าของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำชัดเจนขึ้น

เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนฟื้นแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนอยากเข้าไปหา ทว่า เมื่อเห็นท่าทีของต่งซื่อ ชายหนุ่มจึงได้แต่ถอนหายใจและคุกเข่าอยู่บนพื้นตามเดิม

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปกุมฝ่ามือของมารดา จากนั้นซบหน้าลงบนฝ่ามือของมารดาอย่างออดอ้อนราวกับเด็กพลางเอ่ยเรียกเสียงเบา “ท่านแม่…”

“แม่อยู่นี่…” ต่งซื่อรับคำเสียงเบา จากนั้นกล่าวเสียงกลั้นสะอื้น “เจ้าทำให้แม่และบรรดาอาสะใภ้ของเจ้าตกใจแทบแย่! แม่ให้เจ้าพักผ่อนให้เพียงพอเจ้าก็ไม่ฟัง! งานเมืองมีเป็นพันเรื่อง เจ้าทำคนเดียวไหวหรืออย่างไรกัน!”

ไป๋ชิงเหยียนกลัวมารดาจะเป็นห่วงจึงแสร้งกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้บอกให้มารดารับรู้ว่านางรู้สึกแน่นที่หน้าอกก่อนหมดสติไป

“ทำให้ท่านแม่เป็นห่วงแล้ว ข้าแค่หลับไปเท่านั้น ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ”

หมอหงก้าวไปด้านหน้า นั่งลงบนแท่นวางเท้าพลางตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งโดยขมวดคิ้วแน่นเหมือนเดิม

ไป๋ชิงเหยียนเหลือบเห็นเซียวหรงเหยี่ยนคุกเข่าอยู่บนพื้น หญิงสาวเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ขณะเดียวกันก็เดาได้ว่ามารดารู้ฐานะที่แท้จริงของเซียวหรงเหยี่ยนแล้ว

เดิมทีไป๋ชิงเหยียนตั้งใจจะหาโอกาสบอกเรื่องนี้ให้มารดารับรู้ ทว่า ต้าโจวเพิ่งสถาปนาขึ้นจึงมีเรื่องต้องทำมากมาย ไป๋ชิงเหยียนยุ่งจนแทบไม่มีเวลาปลีกตัว นางจึงไม่มีโอกาสบอกเรื่องนี้ให้มารดารับรู้เสียที

“ชีพจรคงที่แล้วขอรับ…” หมอหงมองหน้าไป๋ชิงเหยียน เขากลืนคำกล่าวที่เหลืออยู่ลงท้องไป จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านข้างราวกับไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดมากไปกว่านี้

“ท่านหมอหงอย่าโมโหข้าเลย วันหน้าข้าจะระวังตัวให้มากกว่านี้เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนหยัดกายลุกขึ้น ต่งซื่อรีบนำหมอนอิงไปสอดไว้ใต้หลังของบุตรสาว

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง เมื่อคิดได้ว่าท่านแม่รู้เรื่องหมดแล้วจึงกุมมือนางพลางถามขึ้น “ท่านแม่ เหตุใดจึงให้อาเหยี่ยนคุกเข่าอยู่เช่นนั้นเจ้าคะ”

“อาเป่า เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่” เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงเบา เขาไม่กล้าเข้าไปหาหญิงสาวเพราะต่งซื่อยังนั่งอยู่จึงได้แต่คุกเข่าอยู่ที่เดิมนิ่ง

เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนเรียกเซียวหรงเหยี่ยนว่า “อาเหยี่ยน” ต่งซื่อแทบควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ นางเอ่ยถามอย่างเหลืออด “เจ้ารู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่!”

ไป๋ชิงเหยียนตกตะลึง

หมอหงกระแอมออกมาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ตั้งครรภ์จริงๆ ขอรับ แม้อายุครรภ์ยังน้อย ทว่า ข้าตรวจพบว่าเป็นชีพจรตั้งครรภ์ ไม่มีทางผิดแน่นอนขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยคิดมาก่อนว่าชาตินี้นางจะมีลูก ตอนนั้นนางได้รับบาดเจ็บ หมอหงกล่าวว่านางรอดมาได้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว วาสนาที่จะมีบุตรน้อยเต็มที

*********************************