บทที่ 1027+1028 เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อก็แค่ไม่ยอมรับมัน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1027+1028 เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อ/ก็แค่ไม่ยอมรับมัน

บทที่ 1027 เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อ

จากนั้นเฉาซินเหลียนก็เดินกรีดกรายจากไป

กู้เสี่ยวหวานมองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อและผมที่ถูกหวีอย่างพิถีพิถันของเฉาซินเหลียน ทว่าเมื่อมองดี ๆ จะเห็นว่า ตอนมา ปิ่นปักผมของเฉาซินเหลียนถูกเสียบไว้ทางด้านขวา แต่ตอนนี้มันกลับถูกเสียบไว้ด้านซ้าย

ดูเหมือนว่านางจะหวีผมใหม่

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ไล่ตามเฉาซินเหลียนไป แต่ยังคงซ่อนตัวอยู่และจ้องมองไปยังประตูบ้านหลังนั้นที่ถูกปิดสนิท

ผ่านไปสักพักประตูก็ถูกเปิดออก

ชายหนุ่มก้าวเท้าออกมาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์

ชายหนุ่มคนนี้มีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น อ่อนกว่าเฉาซินเหลียนหลายปี แล้วเขาไปเจอกับเฉาซินเหลียนได้อย่างไร

ยิ่งกว่านั้น ทำไมนางถึงได้คุ้นหน้ากับชายคนนี้ราวกับว่าเคยเห็นเขาที่ไหนสักแห่ง?

ชายผู้นี้หน้าตาดีไม่น้อย หากแต่ดวงตากลับล่อกแล่กไปมา มองอย่างไรก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนดี

คนผู้นี้ออกมาจากบ้านและจัดการลงกลอนประตูอย่างหนาแน่น เมื่อคิดดูแล้ว เมื่อครู่เฉาซินเหลียนและเขาคงอยู่ในบ้านด้วยกันสองคน

เขาคงมีความสุขดีทีเดียว แต่ละก้าวที่ก้าวเดินดูเหมือนคนล่องลอย

เดินเขย่งไปมา เอามือไพล่หลัง ฮัมเพลงเบา ๆ อย่างมีความสุข

กู้เสี่ยวหวานมองตามชายคนนั้นไป หากแต่จำไม่ได้ว่าเคยพบเจอกันที่ไหนมาก่อน

“พี่เย่จือ ข้าดูคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก เราเคยพบเขามาก่อนหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นโรคลืมใบหน้า คนที่เจอกันเพียงครั้งเดียวและเมื่อไม่ได้เจอกันนานก็จะลืมไปทันที

แต่โชคดีที่ฉินเย่จือมีความทรงจำที่ดี เพียงแค่มองไปที่คนผู้นี้อย่างตั้งใจก็จำได้ทันทีว่าเขาคนนี้คือใคร

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย “หวานเอ๋อร์ เขาคือหลี่ซื่อ คนที่สมรู้ร่วมคิดที่จะหลอกลวงเราตอนที่เสี่ยวอี้ประสบอุบัติเหตุในตอนนั้น”

“เขานั่นเอง” กู้เสี่ยวหวานตกใจ และตอนนี้ก็นึกขึ้นมาได้แล้ว

นางมองไปที่ชายคนนั้นพลางกัดฟันกรอด “ทำไมเขาถึงอยู่กับเฉาซินเหลียน”

เฉาซินเหลียนออกมาจากข้างในด้วยใบหน้าที่มีความสุขและมีท่าทางเขินอาย แค่มองเพียงครั้งเดียวก็สามารถบอกได้ว่าตอนที่ทั้งสองคนอยู่ข้างในพวกเขาทำอะไรกันมา

เมื่อกลับมาถึงบ้านและหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงแอบบอกกู้ฟางสี่เกี่ยวกับเรื่องที่พบเฉาซินเหลียนในเมือง

กู้ฟางสี่เคยแต่งงานมาก่อน ดังนั้นการให้นางรู้เรื่องนี้คงไม่เป็นอะไร

เมื่อนางได้ยินว่าเฉาซินเหลียนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง กู้ฟางสี่ก็รู้สึกประหลาดใจจนตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า

“เจ้าบอกว่าเฉาซินเหลียนทำอะไรให้พี่สามขุ่นเคืองนะ?” แม้ว่ากู้ฟางสี่จะเกลียดกู้ฉวนโซ่ว แต่นางก็เป็นสมาชิกของครอบครัวกู้ และเมื่อพี่ชายของตนเองถูกพี่สะใภ้สวมหมวกเขียว ในฐานะน้องสาว นางจะสามารถยืนอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร

“ข้าไม่แน่ใจ แต่การที่พวกเขาสองคนออกมาจากบ้านโดยไม่มีใครอื่น เกรงว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก” ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนแปรเปลี่ยนสีแดง ซึ่งเป็นเหตุผลที่นางบอกกับกู้ฟางสี่

หากเฉาซินเหลียนกระทำการสกปรกจริง ๆ คงจะเป็นการดีที่สุดสำหรับกู้ฟางสี่ที่จะออกหน้า

“ไม่แน่ใจ เดิมทีเฉาซินเหลียนเป็นคนเกียจคร้าน นางเคยเป็นแบบนี้มาก่อนที่นางจะแต่งงานกับพี่สาม และหลังจากแต่งงานแล้ว นางจึงถูกคาดหวังให้เก็บตัวมากกว่านี้ หากแต่นางก็ยังคงมีนิสัยเหมือนเดิม” กู้ฟางสี่คำรามด้วยความโกรธ

กู้ฟางสี่ไม่ใช่คนที่จะพูดจาไม่ดีลับหลังคนอื่น เมื่อคิดดูแล้ว เฉาซินเหลียนก็ทำตัวไม่เหมาะสมจริง ๆ ซึ่งทำให้กู้ฟางสี่มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับนาง

เฉาซินเหลียนไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานค้นพบเรื่องที่ตนเองลอบมีความสัมพันธ์กับหลี่ซื่อบ่อยครั้ง และมันยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน

กู้เสี่ยวหวานมักจะเห็นเฉาซินเหลียนไปบ้านหลังนั้นเกือบทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อไม่ได้พบกันบ่อยนัก

เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานเล่าเรื่องเฉาซินเหลียนให้ฟัง กู้ฟางสี่จึงไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้หลังจากคิดถึงเรื่องนี้

กู้ฟางสี่ไม่รู้ว่ากู้ฉวนโซ่วเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเขาแต่งงานกับเฉาซินเหลียนนั้นชัดเจนในความทรงจำของนาง

เนื่องจากกู้ฉวนโซ่วจะไม่แต่งงานกับคนอื่นนอกจากเฉาซินเหลียน ครอบครัวของเขาจึงเป็นหนี้จำนวนมากเพราะต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาแต่งเฉาซินเหลียน และหนี้เหล่านี้ล้วนเป็นกู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อที่ต้องแบกรับ ถ้าพวกเขาไม่ต้องแบกรับภาระมากมายเหล่านี้ ถ้าไม่ยากจนเสียจนต้องออกไปตกปลาก็คงจะไม่ต้องตกน้ำตาย

ยิ่งกู้ฟางสี่คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากเท่านั้น เฉาซินเหลียนเป็นคนที่กู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อแต่งเข้ามา

อีกทั้งนางยังสวมหมวกเขียนให้คนตระกูลกู้

ยิ่งกู้ฟางสี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น และรีบออกไปหาเฉาซินเหลียนทันที

หลังจากค้นหามาเป็นเวลานานก็มาถึงบ้านที่เฉาซินเหลียนอาศัยอยู่ กู้ฟางสี่พบเฉาซินเหลียน ประจวบเหมาะกับตอนที่เฉาซินเหลียนกลับมาจากข้างนอก

เมื่อเห็นท่าทางของเฉาซินเหลียน กู้ฟางสี่ก็ยิ่งครุ่นคิดมากขึ้นว่าเฉาซินเหลียนทำสิ่งที่ไร้ยางอาย โดยไม่ต้องคิด กู้ฟางสี่พุ่งเข้าไปแล้วง้างฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเฉาซินเหลียนอย่างจัง

เฉาซินเหลียนกำลังชื่นชมแหวนที่เพิ่งจะได้รับมา และด้วยความไม่ระวังจึงถูกคนพุ่งเข้ามาตบหน้าอย่างจัง

เมื่อนางรู้สึกตัว เฉาซินเหลียนก็ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “กู้ฟางสี่ เจ้าเป็นบ้าอะไร! เจ้ากล้าตบข้าหรือ? ข้าจะจัดการกับเจ้า!”

หลังจากพูดจบ นางก็พุ่งไปหากู้ฟางสี่ราวกับวัวบ้าคลั่ง

เมื่อกู้ฟางสี่เห็นว่าเฉาซินเหลียนทำอะไรผิดและยังหยิ่งยโสมาก ความโกรธของนางพุ่งออกมาและสาปแช่งเสียงดัง “เฉาซินเหลียน เจ้ามันผู้หญิงที่ไร้ยางอาย เจ้าสร้างเรื่องอันใด เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกหรือ ทำไมถึงเป็นคนเยี่ยงนี้?”

ตั้งแต่เฉาซินเหลียนมีความสัมพันธ์กับหลี่ซื่อ ชีวิตประจำวันของนางก็รุ่งเรืองขึ้น นอกจากนี้หลี่ซื่อยังเป็นชายหนุ่มวัยเยาว์

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ซื่อยังดูดีมากในสายตาของเฉาซินเหลียน รูปลักษณ์นี้ทำให้นางหลงรักจนหมดหัวใจ

แม้ว่ารสชาติของการนอกใจจะน่าตื่นเต้น แต่เฉาซินเหลียนก็เป็นผู้หญิง ดังนั้นนางจึงยังรู้สึกละอายใจและหวาดกลัวอยู่บ้าง

….

บทที่ 1028 ก็แค่ไม่ยอมรับมัน ตอนนี้ตัวอักษรน้อยค่า

เฉาซินเหลียนหวาดกลัวว่าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

ครั้นเห็นกู้ฟางสี่ถามตนเองเช่นนี้ หัวใจของเฉาซินเหลียนพลันเต้นระรัว ความคิดแรกของนางคือ กู้ฟางสี่รู้เรื่องนี้แล้ว

เป็นไปไม่ได้ ตัวเองกับหลี่ซื่อปกปิดเรื่องนี้ไว้อย่างดี กู้ฟางสี่จะค้นพบได้อย่างไร ดังนั้นจึงเอ่ยอย่างมั่นใจ

“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร กู้ฟางสี่เจ้าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ!”

ครั้นเห็นเฉาซินเหลียนโต้แย้งคำพูดของนาง โทสะของกู้ฟางสี่ก็พุ้งทะยานสูงขึ้น “ข้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระหรือ? เฉาซินเหลียน เจ้าอย่าคิดว่าที่เจ้าอยู่กับชายหนุ่มคนนั้นแล้ว คนอื่นจะไม่รู้หรือไร? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ สิ่งที่เจ้าทำ สวรรค์กำลังดูอยู่ เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องโดนถูกจับใส่กรงหมูแล้วเอาไปถ่วงน้ำ*[1]”

ทันทีที่ได้ยินนางก็รู้สึกตะหนกตกใจ

ไม่ใช่ว่าเฉาซินเหลียนไม่คิดว่าหลังจากเหตุการณ์ถูกเปิดโปง นางจะไม่โดนลงโทษเช่นนั้น แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่กู้ฟางสี่เป็นคนพูดเรื่องนี้ และยังไม่มีการคุกคามใด ๆ เกิดขึ้น

เฉาซินเหลียนเป็นคนหยิ่งยโส เมื่อครั้งที่กู้ฟางสี่ยังเป็นเด็กผู้หญิงและถูกเฉาซินเหลียนรังแก แต่ตอนนี้กู้ฟางสี่เป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง เฉาซินเหลียนจึงยิ่งไม่สนใจกู้ฟางสี่มากขึ้นไปอีก

เฉาซินเหลียนเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชน “กู้ฟางสี่ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้าเพราะแค้นที่ต้องหย่าร้างและไม่มีผู้ชายที่รักเจ้า”

“เจ้าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ!” กู้ฟางสี่ร้อนรน แต่นางไม่สามารถว่าอะไรเกี่ยวกับเฉาซินเหลียนได้

เฉาซินเหลียนเป็นคนพูดเก่ง ต่อให้มีกู้ฟางสี่สิบคนก็ไม่อาจสู้นางได้

ไม่เช่นนั้นเมื่อกู้ฟางสี่ยังเป็นสาว นางคงไม่ถูกพี่สะใภ้สามคนนี้ข่มเหง

กู้ฟางสี่เป็นคนที่ใส่ใจในชื่อเสียงตนเองเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเฉาซินเหลียนใส่ร้ายนางเช่นนี้ ความรู้สึกอยากเอาชนะก็เกิดขึ้นในใจ

เฉาซินเหลียนถูกตบหน้าไปแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งนี้นางจะยอมให้กู้ฟางสี่เข้าใกล้ตัวเองได้อย่างไร

ทั้งสองกำลังต้องมองกันและกัน หากแต่ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้

“กู้ฟางสี่ เจ้าอย่าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้เสียดีกว่า เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ไปฟ้องเจ้าหน้าที่เลย เจ้าเป็นอาของเสี้ยนจู่ แต่ข้าก็เป็นอาสะใภ้สามของเสี้ยนจู่ด้วยเช่นกัน ข้าก็มีฐานะเหมือนกับเจ้า” การที่กู้เสี่ยวหวานได้ขึ้นสู่ตำแหน่งเสี้ยนจู่ทำให้เฉาซินเหลียนรู้สึกหวาดกลัว

แต่นอกจากความหวาดกลัวแล้ว มันยังมีความปีติยินดี กู้เสี่ยวหวานกลายเป็นเสี้ยนจู่ และวันดี ๆ ของนางกำลังจะมาถึงนับจากนี้

เช่นเดียวกับสิ่งที่หลี่ซื่อพูด ถ้ามีการรายงานถึงชื่อของกู้เสี่ยวหวานในอนาคต หากนางก่อกองไฟ เกรงว่าคงจะไม่มีผู้ใดกล้าผู้ถึง

เมื่อเห็นว่ากู้ฟางสี่บอกว่านางกำลังลอบมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เฉาซินเหลียนก็ไม่ได้หวาดกลัว

ตามคำกล่าวที่ว่า ‘จับโจรต้องเห็นของกลาง จับชู้ต้องเห็นคู่’ ใครจะโง่ยอมรับว่าตัวเองกำลังสวมหมวกเขียว ถ้าไม่ถูกจับได้คาหนังคาเขาบนเตียง

เมื่อเห็นว่าเฉาซินเหลียนต้องการไปรบกวนกู้เสี่ยวหวานด้วยเรื่องดังกล่าว นางจึงตะโกนโดยไม่คิด “เฉาซินเหลียน เจ้ามันไร้ยางอาย จะนำเรื่องสกปรกเช่นนี้ไปทำให้ดวงตาของเสี่ยวหวานแปดเปื้อนได้อย่างไร ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เสี่ยวหวานจะไม่ช่วยเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าคงไม่นึกสินะว่านางเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟัง”

ทันทีที่ชื่อของกู้เสี่ยวหวานออกมา เฉาซินเหลียนก็ตกใจหวาดกลัว

*[1] ผู้กระทำการล่วงประเวณีจะถูกล่ามโซ่และใส่ไว้ในกรงหมูซึ่งทำมาจากไม้ไผ่ แล้วโยนลงไปในน้ำ