บทที่ 1066 ความชั่วร้ายครอบงำฟ้าบุพกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1066 ความชั่วร้ายครอบงำฟ้าบุพกาล

‘นับว่าพอใช้ได้’

หานเจวี๋ยมองเก้าเทวดาราพลางคิดเช่นนี้

เขาเริ่มตรวจดูจดหมาย พบว่าช่วงสิบล้านปีมานี้คนที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดไม่ใช่หานฮวง ไม่ใช่หวงจุนเทียนแต่เป็นจ้าวซวงเฉวียน

สหายมากมายล้วนกำลังปิดล้อมโจมตีเขา แจ้งเตือนการถูกโจมตีของเขาทับถมสุมอยู่ในกล่องจดหมาย

จุ๊ๆ นี่กำลังเจริญรอยตามหานฮวงหรือ

ดูเหมือนสรรพสิ่งทั้งมวลต่างมีเป้าหมายอยากยืนบนจุดสูงสุดเหนือเหล่าบุตรแห่งสวรรค์

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าจ้าวซวงเฉวียนต่อตั้งสำนักเลิศนพวิถีขึ้น หรือว่านี่จะเป็นเจตนาของเจ้านวฟ้าบุพกาล!

น่าสนใจ!

ภายภาคหน้าหากเก้าเทวดาราประชันกับเลิศนพวิถีขึ้นมา จะไม่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้หรือ?

อื้ม!

ตามนี้แล้วกัน!

เป้าหมายที่หานเจวี๋ยวางไว้ให้เก้าเทวดาราคือยกระดับจนต่อกรกับเก้าฟ้าบุพกาลได้

แบบนี้ถึงจะน่าสนใจ!

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา ไม่พูดมากอีก

เขาเริ่มตรวจสอบข่าวคราวของหวงจุนเทียน ถึงแม้จะเผชิญการโจมตี การผนึกและสะท้อนกลับอยู่เป็นครั้งคราว แต่หวงจุนเทียนก็ยังอยู่รอดมาตลอด

‘เหตุใดสื่อหยวนหงเหมิงถึงไม่มา หรือเป็นเพราะฝีมือของหานฮวงที่แสดงออกไปก่อนหน้านี้’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ นี่กลับมิใช่เรื่องดีเลย ยิ่งสื่อหยวนหงเหมิงถ่วงเวลาไปนานแค่ไหน หวงจุนเทียนจะได้รับความทุกข์ทรมานยิ่งขึ้นเท่านั้น

เขาเคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตเต๋าหลักอย่างเงียบเชียบ นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งสื่อหยวนหงเหมิง

ทว่าคำสาปแช่งของเขากลับไร้ผล ไม่สามารถสาปแช่งได้

แม้ว่าหนังสือแห่งความโชคร้ายจะเป็นสุดยอดสมบัติแล้ว แต่กลับสาวไปถึงโลกอนธการดึกดำบรรพ์ไม่ได้ บ่วงกรรมของมันไม่สามารถเชื่อมโยงกับโลกอนธการดึกดำบรรพ์ได้

เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมาก เหมาะสำหรับเก็บตัวบำเพ็ญไปตลอด

หานเจวี๋ยทอดถอนใจ

แต่ในเมื่อนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเก็บกลับไปโดยไม่ใช้เลย

เช่นนั้นก็ให้เจ้านวฟ้าบุพกาลรับเคราะห์แทนสื่อหยวนหงเหมิงไปแล้วกัน!

หานเจวี๋ยเริ่มสาปแช่งเจ้านวฟ้าบุพกาล

ห้าวันต่อมาอายุขัยของเขาเริ่มลดลง

ระยะนี้ดวงชะตาฟ้าบุพกาลเพิ่มขึ้นเร็วยิ่ง ครั้งนี้หานเจวี๋ยจะผลาญอายุขัยมากขึ้นอีกหน่อย ป้องกันไม่ให้เจ้านวฟ้าบุพกาลจับผลัดจับผลูฝ่าทะลวงได้

อายุขัยร้อยล้านปี!

อายุขัยพันล้านปี!

อายุขัยแสนล้านปี!

พันล้านล้านปี!

แสนล้านล้านปี!

หนึ่งล้านล้านล้านปี!

พันล้านล้านล้านปี!

หานเจวี๋ยมองเห็นจดหมายแจ้งว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลได้รับบาดเจ็บ ทว่ากลับไม่ปรากฏอาการบาดเจ็บใหม่ขึ้นเลย เขาจึงตัดสินใจสาปแช่งต่อไป

หลังจากผลาญอายุขัยไปหนึ่งหมื่นสามพันล้านล้านล้านปี หานเจวี๋ยก็รามือเพราะมีจดหมายฉบับหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

[เจ้านวฟ้าบุพกาลสหายของท่านมรรคจิตแตกสลาย เข้ารีตมารเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]

ขนาดผู้สร้างมรรคาก็ยังเข้ารีตมารได้อย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยไม่กล้าสาปแช่งต่อแล้ว กลัวว่าหากเจ้านวฟ้าบุพกาลบ้าคลั่งขึ้นมาจะล้างสังหารผู้บริสุทธิ์

เขาเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย สอดส่องดูฟ้าบุพกาลต่อ

เป็นอย่างที่คิด ปรากฏเหตุการณ์พังทลายของระเบียบแห่งฟ้าบุพกาล บริเวณชายขอบดูดซับไอพยาบาทไว้นับไม่ถ้วน มารร้ายถือกำเนิด น่าจะเป็นเพราะการเข้ารีตมารของเจ้านวฟ้าบุพกาล ดูดุร้ายน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

แต่ฟ้าบุพกาลมีผู้แข็งแกร่งมากมาย มารร้ายเหล่านี้ยังไม่อาจคุกคามรากฐานของฟ้าบุพกาลได้

หานเจวี๋ยกลับมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม จากนั้นก็ไปเยี่ยมโม่จู๋

อีกด้านหนึ่ง

ภายในห้วงมิติมืดมิดลึกลับแห่งหนึ่ง เงาร่างที่แผ่แสงเทพเจิดจ้าสองร่างมาพบกันที่นี่ หนึ่งในนั้นเป็นศีรษะขนาดใหญ่มโหฬารศีรษะหนึ่ง มีแปดดวงเนตร ดูมืดมนน่าหวาดกลัว ส่วนอีกร่างดูคล้ายมนุษย์แต่มองไม่เห็นรูปร่างที่แท้จริง

เป็นเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาพ้นนิวรณ์!

“รับรู้ได้แล้วกระมัง” เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลถาม

มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตอบว่า “อืม กฎเกณฑ์ฟ้าบุพกาลปั่นป่วนขึ้นมาอีกแล้ว ดูเหมือนเขาจะพบอุปสรรคระหว่างฝึกบำเพ็ญ คิดจะก้าวข้ามผู้สร้างมรรคาไปหาได้ง่ายดายปานนั้นไม่”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “มารร้ายในฟ้าบุพกาลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถทำนายถึงต้นตอได้ เกรงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา นี่มิใช่เรื่องดีเลย”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เงียบไป

“ถึงแม้เขาจะเผด็จการ แต่ตอนนี้ท่าทีที่เขามีต่อพวกเรานับว่าโอนอ่อนลงแล้ว หากเปลี่ยนพวกเราไปอยู่ในจุดเดียวกันคงใจกว้างได้ไม่เท่าเขา หากว่าเขาเข้ารีตมารไปเช่นนั้นก็ไม่ธรรมดาแล้ว”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยต่อไป น้ำเสียงค่อนข้างซับซ้อน

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยถาม “แต่หากว่าเขาเข้ารีตมาร สาเหตุต้นตอจะมาจากไหนเล่า”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “บางทีมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญอาจจะรู้”

เพิ่งเอ่ยจบ เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ เงาร่างของเขาใหญ่โตมโหฬารกว่ามหาเทวาพ้นนิวรณ์มากนัก ราวกับเนินเขาลูกน้อยที่ริอาจเทียบเคียงเขาไท่ซาน

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญกล่าวว่า “ข้าทราบว่าเพราะเหตุใด”

“เพราะเหตุใด”

“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!”

“อะไรนะ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือ”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลค่อนข้างตกใจ เขาคือผู้สร้างมรรคารายแรกที่ให้ความสนใจกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

ในอดีตกาลนานมาแล้ว เขาคิดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอันตรายยิ่ง แต่ในฟ้าบุพกาลมีสิ่งมีชีวิตมากมายสมอ้างเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการและมีสิ่งมีชีวิตมากมายที่มีโอกาสจะเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ถึงอย่างไรฟ้าบุพกาลก็มิใช่ของเขา เขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามสังหาร

“ถูกต้อง เขาสั่งให้ข้าและอริยะสวรรค์เกรียงไกรสืบหาตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ” มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยตอบ

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “จะว่าไปเจ้าแดนต้องห้ามอันธการและอริยะสวรรค์เกรียงไกรผงาดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นผู้อื่น จึงสิ้นข้อสงสัยในตัวเขา”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “อริยะสวรรค์เกรียงไกรก็เคยถูกสาปแช่งเช่นกัน คาดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะเป็นศัตรูกัน แต่การผงาดรุ่งโรจน์ขึ้นมาของอริยะสวรรค์เกรียงไกรก็น่าเหลือเชื่อเช่นกัน บางทีเขาน่าจะใช้ประโยชน์จากมหาโชคบางอย่าง ซึ่งมหาโชคชนิดนี้อาจจะส่งผลให้เกิดขั้วตรงกันข้ามขึ้นได้”

ผู้สร้างมรรคาทั้งสองเงียบไป ต่างคนต่างใคร่ครวญอยู่

“เลือนพิสุทธิ์เล่า เขาจะมาถึงเมื่อไร” เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลถาม

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญตอบว่า “ติดต่อไม่ได้ น่าจะยังอยู่ระหว่างปิดด่าน”

จู่ๆ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลก็ถามขึ้นว่า “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะใช่เขาหรือไม่ เขาจะมีความเกี่ยวข้องกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรหรือไม่”

ผู้สร้างมรรคาอีกสองรายเงียบลงอีกครั้ง

ผู้สร้างมรรคาไม่อาจทำนายถึงกันและกันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหวาดระแวงกันเองเป็นอย่างยิ่ง

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “เอาล่ะ เดาไปก็เท่านั้นแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงผู้สร้างมรรคาที่กำลังจะโดนผนึกเท่านั้น แทนที่จะคิดเรื่องพวกนี้มิสู้มาคิดกันดีกว่าว่าจะรับมืออย่างไรดี หากเรื่องราวเกิดเป็นไปตามที่พวกเราคาดเดาขึ้นมา พวกเราควรจะจัดการอย่างไร”

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญกล่าวว่า “ผู้สร้างมรรคาต้องร่วมมือกัน แต่หากทำเช่นนี้จะถูกสังเกตเห็นได้ง่ายๆ”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยว่า “มารวมตัวกันที่นี่เถอะ ตามผู้สร้างมรรคาอีกสองรายมาด้วย ถือว่ามาเปิดอกคุยกัน นับเป็นการเสี่ยงเดิมพันอย่างหนึ่ง”

ผู้สร้างมรรคาอีกสองรายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้ารับ

….

ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม ภายในอารามเต๋า

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ พลันมีแจ้งเตือนหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า

[เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

หานเจวี๋ยเมินไปทันที ยังไม่ครบกำหนดช่วงเวลาที่เขาปิดด่าน ไหนเลยจะยอมให้ถูกก่อกวนได้

หลายพันปีต่อมา

[มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

ไม่สน!

น่ารำคาญจริงๆ!

หานเจวี๋ยหงุดหงิดอยู่ในใจ

ผ่านไปอีกหลายล้านปี มีคนขอเข้าฝันอีกแล้ว

[มหาเทวาพ้นนิวรณ์ต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

แห่มากันเช่นนี้ หรือจะเกิดเรื่องขึ้นกับฟ้าบุพกาลกัน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ทอดมองออกไปในฟ้าบุพกาล ทุกอย่างสงบสุขดี สหายของเขาล้วนยังอยู่ดี

คาดว่าคงมีแผนการอยู่กระมัง

เขาหลับตาลงอีกครั้ง

รอจนเขาครบกำหนดปิดด่านสิบล้านปี เขาถึงได้ลืมตาขึ้นอีกครา

หานเจวี๋ยที่มีอายุหนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านปีแล้ว เขาใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนเลือกเข้าฝันมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ

แดนความฝันคือดินแดนเวิ้งว้าง

หานเจวี๋ยมองมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญแล้วเอ่ยถาม “มีเรื่องใด ไยต้องมาเข้าฝัน”

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ถามกลับไปว่า “ไยจึงไม่ยอมรับการเข้าฝัน”

“ข้าฝึกบำเพ็ญอยู่ ไม่ใช่แค่ท่านเท่านั้น อีกสองคนที่เหลือก็โดนปฏิเสธเช่นกัน พวกท่านมีเรื่องใดกันแน่”

หานเจวี๋ยถามด้วยความฉงน ท่าทีของเขาทำให้ความคลางแคลงของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญหมดสิ้นไป