บทที่ 1038 ตรงไปตรงมา

บทที่ 1038 ตรงไปตรงมา

หลังจากมาถึงศาลาว่าการ หลี่ซื่อพลันรู้สึกหวาดกลัวและเขินอายขึ้นมา กู้ซุ่นสีไม่ได้รับรู้ถึงความกลัวของหลี่ซื่อ แต่ครั้นเห็นว่าหากเขาไม่เข้าไป ก็จะไม่สามารถช่วยเฉาซินเหลียนที่อยู่ข้างในได้ ดังนั้นจึงรู้สึกพะว้าพะวังขึ้นมา และตะโกนขึ้นเสียงดัง

เมื่อหลี่ซือเห็นทุกสายตาจับต้องมายังตนเองจึงคิดหาวิธีหลบหนี แต่ดูเหมือนว่ามันจะช้าเกินไป ลวี่เทาเห็นเขาแล้ว เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านข้างจึงรีบจับตัวเขาไว้และพาเข้าไปยังห้องโถงด้านในทันที

เมื่อเฉาซินเหลียนเห็นหลี่ซื่อและกู้ซุ่นสีอยู่ที่นี่ก็รู้สึกประหลาดใจ

หลังจากที่กู้ซุ่นสีมาถึงโรงศาลก็เห็นเฉาซินเหลียนคุกเข่าอยู่บนพื้น จึงรีบวิ่งไปหามารดา และตะโกนอย่างเป็นทุกข์ “ท่านแม่… ท่านแม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

เฉาซินเหลียนไม่คาดคิดว่าหลี่ซื่อจะมาที่นี่ นางตระหนกตกใจและอยากจะเช็ดใบหน้าของตนเองอีกครั้ง นางกำผ้าเช็ดหน้าแน่นและหลุบตาลงไม่กล้าสบตาหลี่ซื่อ และแสร้งทำเป็นไม่เป็นรู้จักอีกฝ่าย

หลี่ซื่อจะกล้าทำเป็นรู้จักเฉาซินเหลียนได้อย่างไร ดวงตาของเขาล่องลอย และไม่กล้ามองไปที่หญิงสาว

หลี่ซื่อถูกกู้ซุ่นสีเรียกตัวให้มาช่วยเฉาซินเหลียน ครั้นเห็นว่าทั้งสองยังคงนิ่งเงียบก็รู้สึกเป็นกังวล “ท่านแม่ ข้าพาท่านอามาที่นี่ เขาจะช่วยท่านแม่เอง”

ท่านอาจะช่วยเฉาซินเหลียน

หลังจากที่ได้ยินเสียงเด็กพูด ทุกคนต่างก็มองคนทั้งสองที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากัน นับประสาอะไรกับการที่พวกเขาทั้งสองจะพูดคุยกัน

พวกเขาสองคนไม่คุ้นเคยกันหรือ อาจเป็นการปลอมตัว?

ทันทีที่เฉาซินเหลียนได้ยินคำพูดของกู้ซุ่นสี นางก็หยิกแขนเขาเพื่อส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูด

แต่กู้ซุ่นสีก็เป็นแค่เด็ก เขาจะไปรู้ความหมายเหล่านั้นได้อย่างไร แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักของเฉาซินเหลียน เขาคิดว่านางได้รับความคับข้องใจมากมาย ดังนั้นจึงหันไปพูดกับหลี่ซื่อ

“ท่านอา ได้โปรดช่วยท่านแม่ของข้าด้วย ท่านต้องช่วยแม่ข้านะ ท่านบอกข้าทุกวันไม่ใช่หรือว่าท่านมีอำนาจล้นฟ้า หากมีเรื่องอะไรก็ให้ไปหาท่าน คนพวกนี้โหดร้ายยิ่งนัก พวกเขาจับท่านแม่ข้ามา ข้าอยากจะพาท่านแม่กลับบ้าน ท่านอาช่วยพาท่านแม่ของข้ากลับบ้านได้หรือไม่ หากท่านแม่ของข้ากลับบ้านจะได้สามารถดื่มกับท่านอาได้ทุกคืน…”

ก่อนที่กู้ซุ่นสีจะพูดจบ เฉาซินเหลียนก็รีบปิดปากเขาทันที

แต่ประเด็นสำคัญถูกพูดออกไปแล้ว พูดอย่างตรงไหตรงมา และคำพูดของเขาชวนให้ทุกคนคิดตาม และไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมใด ๆ ที่จะช่วยแก้ไขเรื่องนี้ได้

คนพูดไม่คิด แต่คนฟังจำฝังใจ

เมื่อกู้ซุ่นสีพูดคำเหล่านี้ออกมา เสียงซุบซิบจอแจในห้องโถงพลันเงียบลงทันใด

สายตาของทุกคนเปลี่ยนไป และหันกลับไปกลับมามองเฉาซินเหลียนกับหลี่ซื่อ

เนื่องจากเฉาซินเหลียนไม่ได้อยู่ในเมืองหลิวเจียเป็นเวลานาน ทุกคนจึงยังไม่ค่อยรู้จักเฉาซินเหลียนมากนัก แต่หลี่ซื่อผู้นี้แตกต่างออกไป เขาเป็นชาวเมืองหลิวเจีย

ผู้ชายคนนี้ภายนอกดูเหมือนลูกของตระกูลสูงศักดิ์ ด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ เขาสามารถหลอกลวงหญิงสาวได้มากมาย เมื่อก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งพูดถึงการแต่งงานจนถึงการแลกเปลี่ยนเกิงเถี่ย*[1] กับเขาเรียบร้อย แต่ต่อมาหลี่ซื่อคนนี้ทำให้ผู้หญิงในหอนางโลมคนหนึ่งตั้งครรภ์ ดังนั้นนางจึงวิ่งไปที่บ้านคู่หมั้นของหลี่ซื่อ และบอกว่านางจะติดตามหลี่ซื่อไปตลอดชีวิตของนาง แม้ว่านางจะต้องเป็นคนรับใช้ก็ตาม

เด็กสาวผู้ไร้เดียงสาจะทนรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร นางตั้งใจจะแขวนคอตายเพื่อปลิดชีพของตนเอง หากครอบครัวของนางไม่มาพบเข้า นางอาจจะตายไปแล้ว

ดังนั้นการแต่งงานจึงถูกล่ม และผู้คนในเมืองหลิวเจียต่างรู้ดีว่าหลี่ซื่อคนนี้มีคุณธรรมอย่างไร และไม่มีครอบครัวใดยินดีมอบลูกสาวให้แต่งงานกับหลี่ซื่อ หลี่ซื่อในวัยยี่สิบปีเป็นชายโสด ซึ่งเขาก็สมควรได้รับมันแล้ว

ทุกคนรู้ว่าหลี่ซื่อมักจะไปที่หอนางโลมเพื่อดื่มเหล้าเคล้านารี นั่นต่างเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี

ดังนั้นเมื่อซุ่นสีบอกว่าหลี่ซื่อไปที่บ้านของเฉาซินเหลียนในยามค่ำคืน และบอกให้เฉาซินเหลียนดื่มกับเขา ความคิดอกุศลจึงเกิดขึ้น

ทุกคนรู้ว่าหลี่ซื่อเป็นคนอย่างไร

แต่เฉาซินเหลียนคนนี้เป็นคนอย่างไร ไม่มีผู้ใดล่วงรู้

แต่อย่างที่ทุกคนเห็น ผู้หญิงวัยสามสิบปีที่ให้กำเนิดลูกสองคนยังคงแต่งตัวงดงามเช่นนี้ แต่กลับไม่เคยเห็นสามีของนางในที่สาธารณะมาก่อน และไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ใด

ทว่าเมื่อมองเช่นนี้ เฉาซินเหลียนอาจไม่ใช่คนที่จัดการได้ยาก

ทุกคนลอบถอนหายใจ เมื่อมองไปที่เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อ ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความหมายมากมาย

เฉาซินเหลียนไม่คาดคิดว่ากู้ซุ่นสีจะเล่าเรื่องของนางและหลี่ซื่อในที่สาธารณะ ดังนั้นหากพูดออกไปจะเป็นการทำร้ายตนเอง

แม้ว่าการขโมยจะน่าตื่นเต้น แต่ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้ การกระทำผิดศีลธรรมจะถูกจับถ่วงน้ำ

เฉาซินเหลียนรู้สึกกลัวจึงรีบปิดปากกู้ซุ่นสีแน่นเพื่อไม่ให้เขาพล่ามเรื่องไร้สาระออกมาอีก และข่มขู่ว่า “ซุ่นสีเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร”

หลี่ซื่อที่อยู่ด้านข้างเองก็พูดขึ้น “ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร”

ทั้งคู่แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จักกันโดยปริยาย แต่กู้ซุ่นสียังเด็ก เขาจะรู้มากอย่างนั้นได้อย่างไร

ครั้นเห็นว่าหลี่ซื่อและเฉาซินเหลียนต่างบอกว่าตนเองกำลังพูดเรื่องไร้สาระ จึงรู้สึกเสียใจขึ้นมา เขาพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากมารดา และร้องไห้ออกมา “ท่านแม่ ข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ ท่านกับท่านอาดื่มเหล้าด้วยกัน เขาดื่มเหล้าจากปากท่านแม่ อีกทั้งยังเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรงท่านด้วย ข้าเห็นมันทั้งหมด ท่านพี่บอกว่านี่เป็นเรื่องน่าอายไม่สามารถพูดถึงได้ และไม่สามารถบอกท่านพ่อได้เช่นกัน ท่านพี่บอกว่ามันเป็นสิ่งที่คนคุ้นเคยกันถึงจะทำได้ เห็นได้ชัดว่าพวกท่านคุ้นเคยกัน ทำไมพวกท่านยังบอกว่าข้าพูดไร้สาระอีกล่ะ”

สิ่งที่กู้ซุ่นสีพูดทำให้หลี่ซื่อและเฉาซินเหลียนตกตะลึงทันที และจ้องมองกู้ซุ่นสีที่กำลังร้องไห้โวยวาย

เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วจะมีอะไรอธิบายอีก

ฝูงชนรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา แล้วพวกเขาจะไม่รู้จักกันได้อย่างไร

ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ไม่ค่อยได้ยินเรื่องแบบนี้เป็นเวลาหลายปีแล้ว ครั้งนี้เมื่อได้ยินมาว่ามีคนที่รู้จักแอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว มันจึงทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

*[1] ใบที่บันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้น