War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2366
ตอนที่ 2,366 : เทียนหวู่ หลิงเทียน…พบกันอีกครั้ง
‘ตอนนี้…พี่ใหญ่ต้วนสมควรอยู่ในลัทธิบูชาไฟใช่ไหม?’
คิดถึงจุดนี้เฟิ่งเทียนหวู่ก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป ร่างนางเหินข้ามฟ้าไปราวกับเปลวไฟ มุ่งหน้าสู่ลัทธิบูชาไฟด้วยความเร็วสูงสุด!
เดิมทีนางก็อยู่ในภาคตะวันตกอยู่แล้ว จึงใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนัก
‘แต่ไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่ต้วนจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว…’
นึกถึงเรื่องนี้เฟิ่งเทียนหวู่ก็อดทึ่งไปไม่ได้
ต้องทราบด้วยว่า…
พี่ใหญ่ต้วนของนางนั้น ไม่ได้เข้าสู่มหาค่ายกลเปลี่ยนชะตาเย้ยฟ้า 6 ทวารา เพื่อยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณและพลังบ่มเพาะ นั่นหมายความว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ล้วนเป็นต้วนหลิงเทียนพยายามด้วยตัวเองทั้งสิ้น!
เดิมทีนางคิดว่านางก้าวหน้ามากแล้วที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน
แต่คิดไม่ถึงจริงๆวว่าพี่ใหญ่ต้วนของนางยังก้าวล้ำเหนือนางมาก
แต่ในขณะที่ในใจเต็มไปด้วยความตะลึงทึ่ง รอยยิ้มสดใสพลันคลี่กางขึ้นมาบนใบหน้าเฟิ่งเทียนหวู่ นางมีความสุขออกมาจากก้นบึ้งของใจ ที่พี่ใหญ่ต้วนของนางประสบความสำเร็จขนาดนี้…
“ลัทธิบูชาไฟ!”
จากนั้นไม่นานนัก ร่างเฟิ่งเทียนหวู่ก็มาถึงชายขอบอาณาเขตของลัทธิบูชาไฟ สายตาของนางเต็มไปด้วยความวาดหวังอันล้นปรี่
หลายปีที่ผ่านนางได้แต่เฝ้าฝันอยู่ทุกคืนวันว่าจะได้พบเจอกับบุรุษผู้นั้นอีกครั้ง…
ซู่มม!
ครั้งสุดท้ายที่เฟิ่งเทียนหวู่มายังลัทธิบูชาไฟ พลังฝึกปรือของนางเป็นเพียงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเท่านั้น ทำให้นางกริ่งเกรงจะถูกถังซวนพบเจอนางจึงต้องระวังตัวอย่างถึงที่สุด ยังใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะแทรกซึมเข้าไปได้…
ทว่าตอนนี้พลังฝึกปรือของนางบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว กอปรกับการตายของถังซวน เช่นนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป
เพราะในลัทธิบูชาไฟตอนนี้ไม่มีใครที่แข็งแกร่งไปกว่านาง!
หากจะมีก็มีแต่พี่ใหญ่ต้วนของนางเท่านั้น!
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เฟิ่งเทียนหวู่เหินร่างเข้าสู่เขตแท่นบูชาจตุรลักษณ์ อันเป็นหน้าด่านก่อนจะเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนที่อาศัยในเกาะลอยส่วนตัวของจ้าวลัทธิ ก็สัมผัสได้ถึงการมาของเฟิ่งเทียนหวู่ทันที เพราะเขาได้แผ่สำนึกเทวะออกไปครอบคลุมทั่วลัทธิบูชาไฟแต่แรก…
แต่แน่นอนว่าเขายังไม่อาจระบุตัวได้ว่านั่นคือเฟิ่งเทียนหวู่
‘เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนงั้นเหรอ แต่ไม่ใช่หล่างเชียนจินอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬแน่นอน…หรือจะเป็นมหาปุโรหิตโม่เชวียนของลัทธิชะตาฟ้ากัน?’
ด้วยสำนึกเทวะที่แผ่ไปปกคลุมอาณาเขตกว้างใหญ่ทั้งลัทธิบูชาไฟ ทำให้ต้วนหลิงเทียนจับความเคลื่อนไหวและบอกพลังฝึกปรือของอีกฝ่ายได้จากกลิ่นอายพลัง และเขามั่นใจว่ากลิ่นอายพลังที่ว่าไม่ใช่กลิ่นอายพลังของหล่างเชียนจินอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬที่เขาเคยเจอมาก่อนแน่นอน!
ส่วนจะเป็นใครนั้นเขาเองก็ยังบอกไม่ได้
‘จะว่าไปก็ไม่น่าจะใช่โม่เชวียนมหาปุโรหิตของลัทธิชะตาฟ้า…ถึงตอนนี้มันจะไม่พอใจกับคำแถลงของก่านหรูเยี่ยนเรื่องรอมชอมกับข้าแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีวันกล้าบุกเข้ามาลัทธิบูชาไฟโง่ๆ!’
‘เพราะยังไงมันก็น่าจะเดาออกได้ไม่ยากว่าข้ายังอยู่ในลัทธิบูชาไฟ…’
‘เว้นแต่มันจะเบื่อชีวิตคิดอยากตายแล้วจริงๆ…ไม่งั้นมันไม่มีทางมาลัทธิบูชาไฟตอนนี้แน่’
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ส่ายหัวไปมา เพราะผู้มายากจะเป็นหล่างเชียนจินกับโม่เชวียนไปได้…
‘แล้วถ้าหากไม่ใช่โม่เชวียนกับหล่างเชียนจิน…ที่มาจะเป็นใครได้อีก?’
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย หลังจากเคาะนิ้วกับโต๊ะหินอ่อนในลานไม่กี่ครั้ง ร่างเขาก็อันตรธานหายไป ราวกับไม่เคยนั่งอยู่ตรงนั้นมาก่อน
ส่วนอีกด้านนั้น…
เฟิ่งเทียนหวู่ที่กำลังจะเหินข้ามเขตแท่นบูชาจตุรลักษณ์และล่วงล้ำเข้าไปในเขตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในหู
“ไม่ทราบที่มาเป็นยอดคนท่านใด…”
เสียงนี้เรียกว่าอยู่ๆก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน หากแต่ทันทีที่ดังถึงหูเฟิ่งเทียนหวู่ ร่างบางก็สะท้านไปทันใดจากนั้นก็หยุดนิ่งลงกลางฟ้าหันหน้าไปมาราวกับจะหาว่าต้นตอของเสียงดังขึ้นจากที่ใด
เสียงนี้ช่างคุ้นหูนางนัก
จากนั้นภายใต้สายตาของเฟิ่งเทียนหวู่ ในความว่างเปล่าก็ปรากฏร่างหนึ่งที่วูบมาฉับไวดั่งเงาเลือน ไม่นานร่างที่ว่ายิ่งมาก็ยิ่งชัดเจนในสายตาของนาง
‘ท่าน…ไม่เปลี่ยนไปเลย…’
ช่วงเวลาที่เห็นร่างชายหนุ่มชุดม่วงผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ใจเฟิ่งเทียนหวู่ก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านสั่นไหว สองตากลับกลายเป็นพร่ามัว พวงพักตร์พิลาศเริ่มฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดี
ตอนนี้นางเรียกว่าเสียอาการแล้วจริงๆ
ในขณะเดียวกันกับที่ใจเฟิ่งเทียนหวู่สะท้านสั่นไหวจนเต้นไปไม่เป็นจังหวะ ร่างผู้มาใหม่ก็อดตกตะลึงไปไม่ได้
เมื่อได้เห็นร่างบางตรงหน้า ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งมาถึงยังอดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว…
สตรีเบื้องหน้ายังคงสวยสง่าอย่างไร้ที่ติ ชุดที่สวมใส่ก็ยังคงมีเฉดสีแดงเพลิงดั่งในวันวาน…
ผิวของนางขาวผ่องราวหิมะแรกเหมันต์
เส้นผมดำขลับปานน้ำหมึก
เพียงร่างบางลอยล่องอยู่ตรงนั้น กลับให้ความรู้สึกเสมือนเทพธิดาอัคคีจุติลงมาแดนมนุษย์ สรรพสิ่งโดยรอบคล้ายจะหม่นหมองลงถนัดตา
‘นาง…ไม่เปลี่ยนไปเลย…’
ตอนนี้ไม่เพียงใจต้วนหลิงเทียนจะสั่นสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะเหมือนเฟิ่งเทียนหวู่ สิ่งแรกที่ทั้งคู่นึกคิดยังเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีลอยร่างมองกันกลางฟ้าอย่างเงียบงันไร้สำเนียง
สายตาทั้งคู่มองสบตากันเนิ่นนานหากแต่ไม่มีใครคิดกล่าวใดออกมา ราวกับต่างหวาดกลัวว่าเกิดส่งเสียงออกมาแล้ว ฉากเรื่องราวที่เป็นดั่งความฝันเบื้องหน้าจะจางหายไป…
ห้วงเวลานี้หมื่นพันคำมิสู้เงียบงัน
“เทียนหวู่…”
หากแต่สุดท้ายก็เป็นต้วนหลิงเทียนที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน เมื่อเสียงทำลายความเงียบงันดังขึ้น ร่างก็เหินทะยานเข้าไปหาเฟิ่งเทียนหวู่ทันที
“พี่ใหญ่ต้วน!”
หลังเสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้น เฟิ่งเทียนหวู่คล้ายตระหนักได้แล้วว่าฉากเรื่องราวตรงหน้าไม่ใช่ภาพฝันอย่างที่เคย เรียกหาต้วนหลิงเทียนออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างบางยังโผสวนเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า
ครู่ต่อมาสองร่างก็โอบกอดกันกลางฟ้าแนบแน่น
เฟิ่งเทียนหวู่กระชับวงแขนไว้แน่นหนา ศีรษะเล็กๆพิงแนบไปกับแผ่นอกแกร่งของต้วนหลิงเทียน หูสดับฟังเสียงของหัวใจต้วนหลิงเทียนที่เต้นระรัวถี่ยิบ คล้ายหวาดกลัวร่างเบื้องหน้าจะอันตรธานหายไปอีกครั้ง
ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ในสายตาก็มีแต่เรือนผมทั้งร่างบางของเทียนหวู่ ยังกระชับอ้อมแขนกอดนางเอาไว้แนบแน่นเช่นกัน
สตรีนางนี้เพื่อเขาแล้ว นางยินดีสละซึ่งชีวิต!
ครั้งนั้นนางแทบสิ้นใจไปแล้ว…
ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าจะไม่ทำให้นางต้องผิดหวัง…
สองร่างกอดกันราวกับโลกทั้งใบเหลือกันอยู่เพียงสองคน ไม่สนใจสิ่งใดกระทั่งใครก็ตามที่พึ่งทยอยกันมาถึง
แน่นอนว่าเพราะผู้มาไร้เจตนาร้าย หาไม่แล้วเขาต้องรู้ตัวทันทีแน่
“นาง…นางเป็นผู้ใดกัน?”
เสียงที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกก่อนหน้าว่า ‘ไม่ทราบที่มาเป็นยอดคนท่านใด’ ไม่เพียงแต่ดึงดูดความสนใจของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟเท่านั้น ยังดึงความสนใจของก่านหรูเยี่ยนจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่อีกด้วย
และพอเห็นต้วนหลิงเทียนกำลังกอดกับสตรีแปลกหน้า แววตานางก็ฉายชัดออกมาถึงความเหลือเชื่อ
นางไม่ได้โกรธที่ต้วนหลิงเทียนไปกอดกับสตรีอื่น หรือแม้แต่นอกใจน้องสาวนางอะไรทั้งนั้น
ตอนนี้ในใจของนางมีเพียงแต่ความตกใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ
หลายปีที่ผ่านแม้นางจะไม่กล้าพูดว่าตัวนางรู้จักต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างดี แต่อย่างน้อยๆนางก็พอรู้วว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนเจ้าชู้…
ทว่าตอนนี้ นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่นางเห็นต้วนหลิงเทียนปฏิบัติกับสตรีคนที่ 2 นอกจากน้องสาวฝาแฝดของนางอย่างอ่อนโยน
‘หรือว่านางก็คือลี่เฟย?’
ก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะคาดเดาในใจ
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
จากนั้นไม่นานนักร่างรองจ้าวลัทธิบูชาไฟทั้ง 2 ก็มาถึง กระทั่งด้านหลังยังมีเหล่าอาวุโสลาดตระเวนอีกกลุ่ม
อย่างไรก็ตามทันทีที่พวกมันมาถึงก็ถูกผู้พิทักษ์ทั้ง 4พุ่งเข้ามาขวางทั้งยกมือห้ามไม่ให้พวกมันพูดอะไรออกมา ด้วยกลัวว่าจะไปรบกวนช่วงเวลาดีๆของต้วนหลิงเทียน จนทำให้ต้วนหลิงเทียนขุ่นเคืองใจ
ตอนนี้พวกมันรู้ซึ้งกันดีว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจทั้งน่ากลัวขนาดไหน!
ฟุ่บ!
หลังจากที่ระดับสูงของลัทธิบูชาไฟมาถึงกันแล้ว ไม่นานก็ปรากฏร่างบางหนึ่งเหินมาหยุดลอยข้างๆก่านหรูเยี่ยน ยังเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามไม่ต่างอะไรจากก่านหรูเยี่ยนแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกที่แตกต่างกัน
เป็น เค่อเอ๋อ น้องสาวฝาแฝดของก่านหรูเยี่ยน!
“เค่อเอ๋อ…นางคือลี่เฟยหรือ?”
ก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามเสียงเบา เมื่อเห็นเค่อเอ๋อปรากฏตัว
นางกระทั่งไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงตัวเองด้วยซ้ำ ว่าขณะถามออกไปเมื่อครู่น้ำเสียงของนางฟังดูเศร้าลงเล็กน้อย
“ไม่…”
เค่เอ๋อส่ายหัวไปมาเบาๆ
เนื่องจากความสนใจของเค่อเอ๋อเองก็ยังอยู่บนร่างสตรีที่กำลังกอดกับต้วนหลิงเทียน นางจึงไม่ทันได้ยินความเศร้าที่แฝงไว้ในน้ำเสียงของพี่สาวอย่างก่านหรูเยี่ยน
อย่างไรก็ตามกลับมีคนได้ยินความเศร้าในน้ำเสียงของก่านหรูเยี่ยนชัดถนัดหู…
‘อาภัพ…ช่างอาภัพนัก…พบเจอบุรุษในฝัน แต่กลับไกลเกินเอื้อม…’
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอาจารย์ของก่านหรูเยี่ยน 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ ชิงหั่ว
ในฐานะอาจารย์ของก่านหรูเยี่ยน มันย่อมรู้จักก่านหรูเยี่ยนดี
เช่นนั้นทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเศร้าๆของก่านหรูเยี่ยน มันย่อมตระหนักถึงความรู้สึกของก่านหรูเยี่ยนที่มีต่อต้วนหลิงเทียนได้ทันที
“ไม่ใช่ลี่เฟยหรือ แล้วนางเป็นใครกัน?”
ก่านหรูเยี่ยนกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
“น่าจักเป็นน้องสาวเทียนหวู่…”
เค่อเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“น้องสาวเทียนหวู่? เฟิ่งเทียนหวู่ สตรีที่เกือบตายคนนั้น?”
ได้ยินคำของเค่อเอ๋อ สองตาก่านหรูเยี่ยนหดเล็กลงทันที
ในฐานะพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ ตอนที่นางว่างสนทนาเรื่องราวกับเค่อเอ๋อ นางย่อมได้ยินเรื่องเล่าอะไรมากมาย ยังได้ยินชื่อ เฟิ่งเทียนหวู่ มากกว่าหนึ่งครั้ง จึงรู้ดีว่านั่นเป็นนามของสตรีนางหนึ่ง
เป็นสตรีที่เคยสละชีวิตเพื่อต้วนหลิงเทียน!
ในตอนแรกที่นางได้ยินเค่อเอ่อเล่าเรื่องที่เฟิ่งเทียนหวู่ยอมสละชีวิตช่วยต้วนหลิงเทียนนั้น นางยังคิดอยู่เลยว่าเฟิ่งเทียนหวู่ช่างโง่งมนัก ถึงได้ยินยอมสละชีวิตอันมีค่าของตัวเองเพื่อบุรุษคนหนึ่ง!
ทว่ามาตอนนี้นางกลับอิจฉาเฟิ่งเทียนหวู่นัก!
อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็เป็นเหมือนน้องสาวฝาแฝดของนาง…ใด้ใจบุรุษเบื้องหน้าผู้นั้น
และนั่นเป็นสิ่งที่นางใฝ่ฝันว่าจะมีสักวันที่นางได้บ้าง แต่เกรงว่าคงยากที่นางจะได้รับมัน…
หากเป็นไปได้นางกระทั่งอยากละทิ้งตำแหน่งจ้าวลัทธิบูชาไฟอันยิ่งใหญ่ที่เคยนางใฝ่ฝัน แล้วกลายเป็นสตรีตัวเล็กๆที่คอยติดสอยห้อยตามอยู่ข้างชายผู้นั้นอย่างเงียบงัน
อนิจจานางรู้ดีว่าเรื่องแบบนั้นถูกกำหนดไว้ให้เป็นได้แค่ฝันเฟื่อง…
“เทียนหวู่…หลายปีมานี้เจ้าอยู่ดีหรือไม่…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาขณะคลายอ้อมกอดลงเล็กน้อย
“ข้าสบายดีพี่ใหญ่ต้วน แต่ท่าน…หลายปีที่ผ่านท่านคงลำบากมิน้อย”
เฟิ่งเทียนหวู่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แก้มงามไร้ที่ติฉาบไว้ด้วยความกังวล ขณะกล่าวถามแววตายังฉายชัดถึงความปวดปร่าใจให้เห็น