บทที่ 1030 ข้อเสนอทางธุรกิจ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1030 ข้อเสนอทางธุรกิจ

บทที่ 1030 ข้อเสนอทางธุรกิจ

ทุกคนในโรงงานรู้ว่าตำแหน่งผู้อำนวยการคือการจ้างคนอื่นมาทำ ส่วนเจ้านายที่แท้จริงเป็นคนอื่น

เพราะเสี่ยวเถียนมาโรงงานไม่กี่ครั้งเอง แล้วก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้พบเธอ

คนงานส่วนใหญ่รู้แค่ว่าเจ้าของเป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่ไม่เคยได้เจอตัวจริงหรอก

ซึ่งไม่คิดว่าเจ้านายที่แท้จริงจะมาปรากฏตัว ทั้งยังอายุยังน้อยอีกต่างหาก

จะบอกว่าไม่ตกใจก็คงโกหก

พวกเขาคิดว่าคงจะมีผู้อาวุโสมากความสามารถสักคนในตระกูลมีฐานะอุ่นหนาฝาคั่งปล่อยให้เด็กมาเปิดโรงงานเล่น ๆ เสียอีก

กระทั่งไม่เคยนึกสักนิดว่าเสี่ยวเถียนจะทำทุกความสำเร็จได้ด้วยตนเอง

ใครที่ไหนเขาจะไปเชื่อล่ะ เด็กเสียขนาดนี้

เธอโตหรือยังก่อน?

ดูเผิน ๆ เหมือนเพิ่งสิบห้าหรือสิบหกปีเอง

ผู้ใหญ่แบบไหนกันนะที่ใจกว้างสร้างโรงงานให้สาวน้อยเอามาทำเล่น ๆ น่ะ?

แม้คนงานจะให้เกียรติเสี่ยวเถียน แต่ความเคารพและยำเกรงไม่มากพออย่างเห็นได้ชัด

และไม่มีใครมองไปทางเธอเลยด้วย

ถึงจะมีก็เป็นเพียงการสังเกตเงียบ ๆ แทน

ระหว่างมื้ออาหาร เสี่ยวเถียนเกิดข้อสงสัยในข้อมูลนิดหน่อยจึงเอ่ยถามเหลยเกาเชา

เหลยเกาเชาเป็นคนขยัน มีความรับผิดชอบ เวลาเสี่ยวเถียนถามอะไรจะตอบได้อย่างชัดเจนเสมอ

ที่จริงเขาติดใจอะไรนิดหน่อย

เพราะเนื้อหาที่อีกฝ่ายถามคือข้อมูลที่ได้อ่านมาแล้วทั้งสิ้น

แต่จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

ตนเพิ่งจะส่งให้เมื่อสามชั่วโมงที่แล้วเองนะ

คนคนหนึ่งจะอ่านข้อมูลได้ไวขนาดนั้นเลยหรือ?

ถ้าเป็นการอ่านหนังสือคงไม่แปลกใจหรอก แต่นี่เป็นข้อมูลที่ยากจะเข้าใจด้วยเนี่ยสิ

วันแรกที่ตนได้อ่าน แค่ข้อมูลส่วนเดียวยังไม่กระจ่างเลย

หรือเจ้านายจะมีความสามารถจริง ๆ?

แต่ความคิดนี้เป็นเพียงความคิดที่แวบเข้ามา และเหลยเกาเชาก็ไม่กล้าถามออกไป

แม้ผู้อำนวยการเช่นเขาจำต้องมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเจ้านายอย่างปฏิเสธไม่ได้

แต่ถึงความพยายามของเราจะสำคัญ ทว่าความไว้วางใจจากเจ้านายสำคัญยิ่งกว่า

หลังจากเสี่ยวเถียนได้ฟัง ก็เข้าใจข้อมูลทั้งหมดแจ่มแจ้งมากขึ้น

แน่นอนว่าตัวเหลยเกาเชาก็ยังพึงพอใจในตัวเองด้วยเช่นกัน

คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนที่เสี่ยวเถียนเลือกมาเอง ทุกคนจึงเป็นคนดีกันมาก

จะตัวผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ หรือตำแหน่งอื่น ๆ ล้วนดีกันทั้งนั้น

ท่ามกลางสิบกว่าคนมีหนอนบ่อนไส้แค่ตัวเดียว

ถึงจะเสียใจ แต่ความสามารถในการมองคนของเธอเรียกได้ว่าน่าอวดสุด ๆ

“ผู้อำนวยการเหลย ลำบากคุณแล้ว โรงงานมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีนี้ ต้องขอบคุณความพยายามอย่างเต็มที่ของผู้อำนวยการเหลย”

เสี่ยวเถียนพูดอย่างจริงใจ หลังจากนั้น ตนเองในฐานะเจ้านายที่ไม่สนใจอะไรเลย การมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงงานของเธอจึงมีจำกัดจริง ๆ

แต่กลับเป็นเหลยเกาเชา ที่มีส่วนช่วยโรงงานมากจริง ๆ

เหลยเกาเชาได้ยินเสี่ยวเถียนพูดแบบนี้ ก็ถ่อมตนมาก เขาแย้มยิ้มอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “เจ้านายคุณเกรงใจเกินไปแล้ว นี่คืองานของผม”

ในฐานะผู้อำนวยการโรงงาน คุณค่าของการดำรงอยู่ของเขาคือการสร้างผลประโยชน์ให้กับโรงงาน และพัฒนาโรงงานให้ดี

เจ้านายให้สวัสดิการดีมากจริง ๆ ถ้าตามแนวโน้มการพัฒนาในปัจจุบัน ขอเพียงแต่เขาทำงานหนักต่อไป ในอนาคตก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่าผู้อื่นได้เช่นกัน

ในฐานะคนต่างถิ่นที่มาเรียนในเมืองหลวง คนที่ไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงได้ เขาพอใจ

ตอนนี้ได้พบคู่รักแล้ว แค่รอที่จะแต่งงานและสร้างครอบครัวที่เมืองหลวงในอนาคต

เหลยเกาเชาในเวลานี้ยังไม่รู้ ว่าการตัดสินใจในวันนี้ เพื่อลูกของตน แฝงไปด้วยความหมายอะไร

ถ้าไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องตอนนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จะให้ลูก ๆ มีทะเบียนบ้านในเมืองหลวงอันมีค่ามหาศาล?

“ฉันไม่ได้เกรงใจ ถ้าไม่มีผู้อำนวยการเหลยพยายามทำให้ดีจนถึงที่สุด โรงงานคงไม่ประสบผลสำเร็จดังวันนี้ ผู้อำนวยการเหลยมีความดีความชอบ ฉันจำได้ทั้งหมด”

“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในฐานะเจ้านาย ฉันไม่ได้คิดมากเท่ากับผู้อำนวยการเหลย ผู้อำนวยการเหลยคุณวางใจเถอะ ฉันจะพิจารณารางวัลสร้างแรงจูงใจอีกครั้ง ให้พวกคุณที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อโรงงานจะได้มีอนาคตที่ดี”

“ขอบคุณเจ้านาย ผมจะทำงานหนักขึ้น ทั้งยังเชื่อถ้าคนอื่นรู้ถึงเจตนาดีของเจ้านายก็จะทำงานหนักขึ้น”

เสี่ยวเถียนพยักหน้า ก่อนบทสนทนาจะเปลี่ยนไป “แต่ฉันก็ยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเร็วของการพัฒนาในปัจจุบันอยู่นิดหน่อยค่ะ”

พอได้ยินเสี่ยวเถียนพูดว่ามีข้อสงสัยเล็กน้อย เหลยเกาเชาก็ไม่กินอาหารต่อ แม้จะยุ่งแต่ก็ตั้งใจฟังคำพูดของเสี่ยวเถียน

เสี่ยวเถียนยิ้มและพูดว่า “ผู้อำนวยการเหลยไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ พวกเราคุยไปด้วยกินข้าวไปด้วยเถอะ”

ผู้อำนวยการเหลยฟังเสี่ยวเถียนพูดอย่างสบายใจ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ดูจากท่าทางของเจ้านาย ไม่น่าจะเป็นพวกเจ้ายศเจ้าอย่างมาก

“ในช่วงสองปี ประเทศมีนโยบายพิเศษมากมาย ฉันคิดว่าพวกเราควรคว้าโอกาสนี้ไว้ และพัฒนาอย่างเฉียบขาด”

ในช่วงสองปีนี้ ประเทศให้การสนับสนุนอย่างดีแก่ธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก หากไม่คว้าโอกาสที่จะพัฒนา ก็พูดได้เลยว่าอาจจะพลาดโอกาส

ในสองปีที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนมาก เหลยเกาเชาในฐานะผู้อำนวยการโรงงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ก็รู้เช่นกัน

แต่อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เติบโตมา ทำให้เขาขาดความกล้าไปบ้าง ไม่กล้าพัฒนาอย่างเฉียบขาด

“เจ้านาย สิ่งที่คุณพูดคือ…” เหลยเกาเชาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบทันที

“พรุ่งนี้ตอนบ่าย พวกเราจะมีประชุม พวกคุณลองคิดดูว่าโรงงานจะพัฒนาไปอย่างไรในอนาคตได้บ้างนะคะ”

เสี่ยวเถียนคิดอยู่พักหนึ่ง ขณะอ่านข้อมูลทั้งหมดด้วยตนเอง คงจะต้องยังใช้เวลาอีกวัน แล้วก็นัดประชุมบ่ายพรุ่งนี้

แค่หวังว่าคนเหล่านี้ที่ตนเลือกจะสามารถเสนอแผนการที่ทำให้ตนรู้สึกสะดุดตาได้

แต่คำเหล่านี้ เสี่ยวเถียนไม่ได้พูดออกมา ถ้าพูดออกมา ก็ไม่น่าสนใจแล้ว

เหลยเกาเชาอาจเข้าใจว่าเสี่ยวเถียนกำลังคิดอะไรอยู่

ในฐานะผู้อำนวยการโรงงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เหลยเกาเชาก็มีความคิดขึ้นมาทันที

แต่ไหนแต่ไร โอกาสและความท้าทายอยู่ร่วมกัน

ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่คว้าโอกาสนี้ไว้ได้

ในฐานะผู้อำนวยการโรงงาน เหลยเกาเชาไม่กลัวว่าจะมีใครมาแย่งคุณงามความดีของเขาไป ดังนั้นเขาจึงไม่มีความตั้งใจที่จะซ่อนความคิดนี้จากผู้อำนวยการระดับกลางและผู้อำนวยการโรงงานคนอื่น ๆ รวมถึงเจ้านายด้วย

แต่เขาไม่สนใจว่าจะถูกจับได้หรือไม่

“เจ้านาย คุณวางใจเถอะ ผมจะกำชับกับคนอื่น ๆ ว่าคุณหมายถึงอะไร พรุ่งนี้ตอนบ่าย พวกเราจะพยายามคิดแผนที่เหมาะสมมานำเสนอนะครับ” เหลยเกาเชาพูดด้วยความจริงใจในท่าทีที่เคารพนอบน้อมมาก

เสี่ยวเถียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

จ้าวหงเหมยและต่งเยี่ยนอันที่อยู่ด้านข้างกำลังทานอาหารอย่างจริงจัง ไม่คาดคิดว่าตนจะได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเถียนกับผู้อำนวยการโรงงานเหลยเกาเชาพูดกันอยู่

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเสี่ยวเถียนสองสามครั้ง

ตอนนี้พวกเธอรู้สึกอย่างไรน่ะหรือ? รู้สึกว่าเสี่ยวเถียนแตกต่างกับซูเสี่ยวเถียนตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยอย่างสิ้นเชิงเลย

ที่มหาวิทยาลัย เสี่ยวเถียนก็คือเด็กหญิงน่ารักไร้เดียงสา แต่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า กลับมีท่วงท่าของผู้ประสบความสำเร็จที่เฉียบขาดในฉับพลัน

เสี่ยวเถียนที่เป็นเช่นนี้ พวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อน

น่าแปลกมาก

แต่แปลกประหลาดมากกว่า ที่พวกเขาก็รู้สึก เสี่ยวเถียนแต่เดิมก็ควรเป็นเช่นนี้