บทที่ 1037 เหมือนจะลืมอะไรสักอย่าง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1037 เหมือนจะลืมอะไรสักอย่าง

บทที่ 1037 เหมือนจะลืมอะไรสักอย่าง

เสี่ยวเถียนมองพวกลูกน้องที่ทำท่าทำทางอย่างกับคนไร้ประสบการณ์ พลางนึกสงสัยว่าเธอทำหน้าที่เจ้านายไม่ดีหรือ?

หรือชวนไปกินข้าวที่หออีหมิงดีกว่า

เพราะแม่ใหญ่ทำอาหารไม่อร่อยน่ะ

ถึงคุณย่าจะสอนลูกสะใภ้เองกับมือแต่ทุก ๆ คนมีพรสวรรค์ต่างกัน

อย่างวิธีการทำหมูตุ๋นจานนี้ทำตามสัดส่วนของย่าเลยนะ

มันคล้ายที่ท่านทำแปดในสิบส่วน แต่ก็ยังขาดรสชาติไปอยู่ดี

แต่พอเห็นท่าทางดีใจของแม่ใหญ่ เธอก็พลอยดีใจตามไปด้วย

อย่างน้อยฝีมือท่านก็ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น จะตื่นเต้นก็ไม่แปลก

หลังจากส่งแขกกลับ เสี่ยวเถียนมาช่วยหวังเซียงฮวาล้างจาน

“ไม่ต้องทำหรอกเสี่ยวเถียน ไปวิ่งเล่นเถอะ เดี๋ยวแม่ทำเอง”

เสี่ยวเถียนได้ยินประโยคนี้มาแต่เด็ก

ต่งเยี่ยนอันได้แต่อิจฉา ต่อให้ที่บ้านดีต่อเธอแต่ไม่ได้ดีเท่าเพื่อนเลยสักนิด

เรื่องแบบนี้อิจฉาไม่ได้จริง ๆ

แต่เชื่อว่าด้วยความพยายามของตนจะทำให้ที่บ้านภาคภูมิใจในตัวเองได้

“ไม่เป็นไรค่ะ มาช่วยกันเถอะ จะได้เสร็จไว ๆ”

แค่ตอนเด็กก็พอแล้ว ตอนนี้เสี่ยวเถียนโตขึ้นจะให้ที่บ้านดูแลเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้

หวังเซียงฮวาหัวเราะ

เสี่ยวเถียนมองบรรดาจานบนโต๊ะพลางขบคิด ‘อาหารพวกนี้ไม่ถือว่าเป็นอาหารของชาวเกษตรกรด้วยซ้ำ มีเนื้อสองจานล้วน ๆ ไร้เครื่องเคียง ของจริงไม่ใจป้ำขนาดนี้หรอกนะ’

ตอนบอกให้แม่ทำแป้งทอดไส้กุยช่าย บอกท่านว่าให้ใส่เนื้อสับลงไปเยอะ ๆ รสชาติจึงอร่อยขึ้น

สำหรับยุคนี้เนื้อสัตว์ถือเป็นของดึงดูดใจ

“ทีแรกคิดว่าพวกเขาได้กินของอร่อยในโรงงานกัน ไม่นึกว่าจะชอบอาหารแบบเรา ๆ ด้วย” หวังเซียงฮวาเอ่ยด้วยภาคภูมิใจ

“เหนื่อยหน่อยนะคะวันนี้” เสี่ยวเถียนว่า “ที่จริงแม่ใหญ่ก็ทำเหมือนกันอร่อยน้า!”

คนเป็นแม่มอง “ยัยเด็กคนนี้ ทำตัวห่างเหินเชียวนะ? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน! แค่หนูบอกแม่ทำอาหารอร่อยแค่นี้ก็ดีใจแล้ว”

เสี่ยวเถียนหัวเราะ

ก็จริงนะ ครอบครัวเดียวกันนี่นา…

ต่งเยี่ยนอันนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเธอกับลุงรอง ใจนึกอิจฉาขึ้นมา

แม้จะไม่รู้ความสัมพันธ์ของบ้านซู แต่จากปากเพื่อนเหมือนว่าทั้งสามครอบครัวในตระกูลซูจะสนิทกันมากเลย

เด็กสาวนึกได้ว่าแม่เอาแต่ดูแลแขกอาจจะยังไม่ได้กินข้าวถึงเอ่ยทัก

“แม่ยังไม่ได้กินข้าวเลย มีเหลือไหมคะ? ไม่งั้นมาทำเพิ่มสักหน่อยไหม?”

“มี ๆ แม่เก็บไว้ครึ่งหนึ่ง หอมเชียว ไว้แบ่งคนละครึ่งกับพ่อใหญ่เขา แล้วก็มีหมูตุ๋นอีก แตงกวาก็มีหั่นเพิ่มอีกหน่อยก็พอ”

อุตส่าห์ทำอาหารด้วยความเหน็ดเหนื่อย จะไม่เก็บไว้ให้ตัวเองได้ยังไงล่ะ

เสี่ยวเถียนโล่งใจ

ไม่ว่ายุคสมัยไหน จะเอาแต่ดูแลญาติมิตรจนลืมตัวเองไม่ได้นะ

“แม่ได้กลิ่นคากิรสเผ็ดแล้วรู้สึกว่าอร่อยกว่าหมูตุ๋นที่เรากินบ่อย ๆ นะ อย่าบอกนะว่าเยี่ยนอันทำน่ะ? เก่งจังเลยจ้ะ!”

แววตาหวังเซียงฮวาเป็นประกาย เสี่ยวเถียนรู้สึกแปลก ๆ

เธอคิดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดแต่เรื่องรสชาติแทน

“หนูว่ารสชาติที่เยี่ยนอันพัฒนาถือครองตลาดได้นะคะ ถ้าขนาดโรงงานเราขยายกว่านี้ฟาร์มก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้วค่ะ”

แม้การจัดหาวัตถุดิบจากภายนอกเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่เสี่ยวเถียนไม่คิดจะทำเช่นนั้นเพราะไม่มั่นใจในคุณภาพ

ถ้าไม่ระวังอาจเป็นการทำลายชื่อเสียงเราได้

กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

เป็นว่าต่งเยี่ยนอันที่ตื่นเต้นแทน

“จริงหรือเสี่ยวเถียน?”

หญิงสาวดีใจมากจนหน้าเห่อแดง

ถ้าเสี่ยวเถียนบอกว่าดีแสดงว่ามันดีจริง ๆ

“อร่อยนะ ไว้กลับไปค่อยปรับแก้อีกนิดหน่อยถึงจะขายออกตลาดได้ แต่รสเผ็ดไม่เหมาะกับเนื้อชิ้นใหญ่ ๆ น่ะสิ ฉันเลยคิดว่าอาจจะเอามาทำเป็นขาหมู หูหมู หมูสามชั้น หรือหนังหมูได้น่ะ”

ต่งเยี่ยนอันเห็นด้วย

“ก็จริงนะ”

“เสี่ยวเถียน เพื่อนหนูมีคู่หรือยัง?” หวังเซียวฮวารั้งแขนหลาน

เรื่องการผลิตอะไรนั่นไม่สำคัญแล้ว ตนนี้สิ่งสำคัญคือซูซานกงยังไม่มีคู่

และคิดว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะมาก อนาคตจะช่วยเสี่ยวเถียนได้แน่นอน

เด็กสาวรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้นในใจ

รู้แล้วว่าอะไรที่แปลก

เหมือนเราจะลืมบอกบ้านพ่อใหญ่แม่ใหญ่ไปเลยว่า พี่สามกับพี่เสี่ยวเฉ่าคบกัน

พี่สามก็ไม่บอกหรือ

“แม่ใหญ่อย่าพูดซี้ซั้วสิคะ พี่สามมีคนรักแล้ว” เสี่ยวเถียนกระซิบ

หวังเซียงฮวาตกใจ ไอ้ลูกชายที่บ้านมันมีคู่แล้วหรือ?

ทำไมไม่รู้?

เด็กนั่นที่เอาแต่นอนกอดต้นข้าวต้นหญ้าเนี่ยนะ หาคู่กับเขาด้วยหรือ?

“อย่ามาหลอกแม่เลย ทำไมไม่เห็นรู้เลยล่ะ?”

“เรื่องจริงนะ ไว้หนูเล่าให้ฟังค่ะ” เพื่อนอยู่ด้วยเลยพูดลำบากน่ะ

เสี่ยวเถียนนึกด่าพี่ชายในใจ ไม่บอกเรื่องสำคัญกับพ่อแม่ได้ยังไง

เหอะ มาดูกันว่าพ่อใหญ่แม่ใหญ่จะกลับไปจัดการหรือเปล่า!

———————