ตอนที่ 2,377 : แดนลับเซียนกระบี่!

“ว่ามา!”

ชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดหรูหราที่นั่งอยู่ภายในศาลาไม้สะบัดมือคราหนึ่ง กู่เจิงที่ลอยล่องอยู่เบื้องหน้าก็อันตรธานหายไปในอากาศ

“ขอรับ”

ชายที่คุกเข่าอยู่กล่าวขานด้วยเคารพ “หลี่ปิงได้ย้อนกลับไปยังลัทธิบูชาไฟ ซึ่งเป็นการกระทำนอกเหนือหน้าที่ๆได้รับมอบหมายจากใต้เท้าตี้เฉินอย่างเห็นได้ชัด…ไม่พ้นมันคงคิดจัดการจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่และปรับเปลี่ยนคำแถลงที่เคยออกประกาศไว้ก่อนหน้า…”

“เพราะก่อนหน้าจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่ ได้ออกมาประกาศว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป ลัทธิบูชาไฟจไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้อีก…ทำให้หลี่ปิงดูเหมือนจะไม่พอใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก”

“จากนั้นมันไม่เพียงแต่จะกระทำนอกเหนือคำสั่งที่ใต้เท้าตี้เฉินมอบให้ ยังได้เปิดเผยตัวตนโดยมิสนข้อห้ามและสู้กับผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ผู้สืบทอดนามหมอกพิรุณในยุคนี้ ต้วนหลิงเทียน! สาเหตุของเรื่องนี้ข้าน้อยคิดว่า…มันคงอยากได้ความดีความชอบและกลับมาอวดโอ่เซียนอมตะเสเพลของลัทธิอารามทมิฬและลัทธิชะตาฟ้าในพื้นที่กักกัน”

“กล่าวได้ว่าคราวนี้หลี่ปิงกระทำงามหน้านัก! สวรรค์มีทางไม่ยอมเดิน นรกไร้ประตูดันทุรังมุดมา สารเลวหลี่ปิงนั่นสมควรตาย!!”

กล่าวรายงานถึงจุดนี้ชายวัยกลางคนก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยม

“สมควรตายแล้วจริงๆ!”

ชายหนุ่มในชุดหรูหราที่นั่งในศาลาไม้ ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือตี้เฉินที่เป็นคนมอบหมายภารกิจให้หวังชงและหลี่ปิงออกไปทำนอกเผ่ามังกร หลังได้ฟังรายงานสองตามันก็หดเล็กลงน้ำเสียงยังเย็นชามากล้นไปด้วยความไม่พอใจ พาลให้ผู้ที่คุกเข่ารายงานนอกศาลารู้สึกเสมือนฤดูหนาวมาเยือน

“อย่างไรเสียแม้ความผิดมันจะสมควรตาย แต่อย่างไรมันก็คือคนของข้าตี้เฉินผู้นี้!”

ชายหนุ่มนามตี้เฉินกล่าวออกพร้อมสองตาทอประกายเรืองวูบ “มีคำกล่าวที่ว่า ‘คิดตีสุนัขต้องดูนาย’ เจ้านั่นมันกล้าฆ่าคนของข้าตี้เฉิน…ข้าไม่อาจไม่ไปขอคำอธิบายจากมัน!”

กล่าวจบคำร่างตี้เฉินก็อันตรธานหายไปจากศาลาไม้ ก่อนที่จะไปปรากฏตัวบนน่านฟ้าเหนือหุบเขา

“ตามข้าไปลัทธิบูชาไฟ!”

ขณะเดียวกันตี้เฉินก็ไม่ลืมกล่าวเรียกผู้ที่คุกเข่ารายงานเรื่องราวหน้าศาลาชมบุปผา

คนที่มารายงานเรื่องราวนี้ ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลของลัทธิอารามทมิฬและลัทธิชะตาฟ้าที่อยู่ในพื้นที่กักกันของเผ่ามังกรแต่อย่างใด ทว่าเป็นคนของเผ่ามังกรเหมือนตี้เฉิน ร่างที่แท้จริงของมันย่อมเป็นมังกรเทพยดาหากแต่จำแลงกายมาอยู่ในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคน

“ใต้เท้าตี้เฉินขอรับ…”

ชายวัยกลางคนลุกขึ้นก่อนที่จะพุ่งร่างต้ามตี้เฉินขึ้นไปบนฟ้า หากทว่าเมื่อขึ้นมาถึงมันก็อดขมวดคิ้วกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “พวกเราเผ่ามังกร…ได้ทำข้อตกลงกับเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเอาไว้…”

“ว่าตราบใดที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้มิได้ลงมือถึงขั้นส่งผลกระทบต่อรากฐานของ 3 ลัทธิ เผ่ามังกรของพวกเราจักไม่เข้าไปแทรกแซงข้อพิพาทระหว่าง 7 ทวาราเที่ยงแท้กับ 3 ลัทธิ…”

“ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้รุ่นนี้ ต้วนหลิงเทียน เพียงสังหารจ้าวลัทธิบูชาไฟกับหลี่ปิงเท่านั้น กล่าวไปนี่เป็นเพียงเรื่องพิพาทเล็กๆระหว่างตัวบุคคล…หากใต้เท้าตี้เฉินคิดลงมือ ข้าน้อยเกรงว่าอาจจะไม่เหมาะสม”

“หากท่านผู้อาวุโสสูงสุดและอาวุโสคนอื่นๆทราบเรื่องนี้…ข้าน้อยเกรงว่าใต้เท้าตี้เฉินอาจพบปัญหายุ่งยากได้นะขอรับ”

ชายวัยกลางคนพยายามกล่าวเตือนตี้เฉินออกมา

อย่างไรก็ตามได้ยินคำเตือนจากชายวัยกลางคน ตี้เฉินได้แต่สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ ค่อยกล่าวออกเสียงดังปานตะคอก “เหลวไหล! หากเจ้าไม่ไปรายงานสักคนแล้วใครมันจะรู้! อีกทั้งที่ข้าออกไปครานี้เพียงแค่คิดพบหน้าผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้และให้มันมอบคำอธิบายให้ข้าเท่านั้น! ขอเพียงมันคุกเข่าขอขมาข้าจากใจ ข้าจักลงโทษมันสถานเบา คราวนี้ต่อให้เรื่องแดงก็มิมีผู้ใดต่อว่าข้าได้!”

ขณะกล่าวหว่างคิ้วตี้เฉินเผยความหยิ่งผยองถือดีเป็นที่สุด

‘คุกเข่าขอขมา?’

ได้ยินคำของตี้เฉินชายวัยกลางคนได้แต่ยิ้มแหยๆออกมา

นั่นมันผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำแห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ กระทั่งยังเป็นถึงผู้สืบทอดของเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง…

เพียงท่านออกหน้าคิดหรือว่าอีกฝ่ายจะยินยอมคุกเข่าขอขมาแต่โดยดี?

“ใต้เท้าตี้เฉิน เรื่องนี้ข้าว่า…”

ในขณะที่ชายวัยกลางคนพยายามจะเกลี้ยกล่อมตี้เฉินอีกรอบ ตี้เฉินก็ตะคอกขัดคำมันออกมาทันที “ยังจะพล่ามวุ่นวายอะไรหุบปากไปเสียประเสริฐกว่า! ตามข้าไปลัทธิบูชาไฟดีๆ แล้วอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าเอาเรื่องนี้ไปรายงานผู้ใด หาไม่แล้วข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!!”

กล่าวจบคำ ตี้เฉินก็สะบัดมือคราหนึ่ง

ครืนนน! ซู่มม! ซู่มมม!!!

เสียงกระหึ่มปานฟ้าคำรามดังขึ้นก่อนจะบังเกิดเสียงแหวกฝ่าอากาศอย่างแรงจนก่อให้เกิดเสียงอากาศแตกระเบิด เป็นตี้เฉินใช้พลังไร้สภาพกักร่างชายวัยกลางคนและหอบหิ้วอีกฝ่ายออกจากกหุบเขาเงียบสงบ ยังออกจากอาณาเขตของเผ่ามังกรไปในชั่วพริบตา!

มองไกลๆเสมือนมีเส้นแสงหนึ่งลากผ่านไปอีกฝั่งของท้องฟ้า มันไวประหนึ่งดาวตกลัดฟ้าในยามค่ำคืนก็ไม่ปาน พริบตาก็พ้นอาณาเขต มหาภูผาสิบหมื่นในภาคตะวันออกของภูมิภาคเบื้องบน บึ่งทะยานไปทางภาคตะวันตก…

ทั้งหมดที่ว่ามานั้น ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย

นั่นเพราะเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่เขาสังหารหลี่ปิงทิ้งไป เขาก็ได้ร่ำลาจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างก่านหรูเยี่ยน ก่อนที่จะพาเค่อเอ๋อและลูกสาวพร้อมด้วยเฟิ่งเทียนหวู่เดินทางออกจากลัทธิบูชาไฟทันที มุ่งหน้าไปยังภาคเหนืออันเป็นฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้

แน่นอนว่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์อย่างเฉินอี้หรูก็ติดสอยห้อยตามเขามาเช่นกัน

สำหรับอดีตข้ารับใช้วัยกลางคนทั้ง 2 ของเฉินอี้หรูนั้น ในเมื่อพวกมันกล่าวคำสาบานจะรับใช้ก่านหรูเยี่ยนแล้ว เช่นนั้นพวกมันจึงยังรั้งอยู่ในลัทธิบูชาไฟ คอยปกป้องคุ้มครองและช่วยเหลือก่านหรูเยี่ยน…

ภาคเหนือนั้นเต็มไปด้วยหิมะตกหนักตลอดทั้งปี

ณ บนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยม่านขาวเย็นหนาเตอะ ปรากฏอาคารปลูกสร้างดั่งพระราชวังสวยงามหลังหนึ่งตั้งตระหง่านท้าลมหนาว

ในตำหนักหลังหนึ่งของเขตพระราชวังดังกล่าว ปรากฏร่าง 2 ร่างกำลังนั่งอยู่ด้วยอริยาบถผ่อนคลาย…

หนึ่งในนั้นคือต้วนหลิงเทียน

ส่วนอีกคนนั้นคือผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์รุ่นที่แล้ว ผู้เฒ่าพยากรณ์!

“อาจารย์ลุงพยากรณ์ ท่านมาหาข้าวันนี้ถึงที่นี่ได้มีเรื่องอะไรหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนมองช้ายชราตรงหน้าพลางถามด้วยสงสัย

ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว ที่ต้วนหลิงเทียนมาอาศัยอยู่ในฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือ

ตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา ภายใต้การแนะนำของเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนจึงได้ทำความรู้จักกับอดีตผู้สืบทอดความลับสวรรค์รุ่นก่อน ชายชราเบื้องหน้า ‘ผู้เฒ่าพยากรณ์’ คนนี้เรียบร้อย…

สำหรับผู้สืบทอดความลับสวรรค์รุ่นก่อนนั้น มีศักดิ์ฐานะเป็นศิษย์พี่ของอาจารย์หานเฉวี่ยไน่ที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่

ต้วนหลิงเทียนย่อมให้ความเคารพอีกฝ่ายในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่ง และไม่ได้ดูหมิ่นอีกฝ่ายที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าแต่อย่างไร ถึงแม้ตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายรวมถึงมีฐานะเป็นผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ก็ตาม

และในตลอดเวลาเกือบเดือนที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนยังได้รับทราบเรื่องราวมากมายจากผู้เฒ่าพยากรณ์

ที่แท้เป็นชายชราอันเป็นผู้เฒ่าพยากรณ์คนนี้นี่เอง ที่ลอบส่งผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 4 เงาทมิฬ อย่างเยว่อู๋หยิ่งไปยังภูมิภาคเบื้องล่าง กระทั่งเข้าร่วมตำหนักเมฆาครามเพื่อคอยช่วยเหลือบิดาเขาอย่างลับๆ…

นอกจากนั้นยังได้รับทราบอีกว่า ที่แท้ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงลำดับที่ 6 อย่างคนคู่ ก็เป็นชายชราจงใจเลือกคู่แฝดหนานกงเพราะเห็นแก่หน้าของเขา!

ทว่าสำหรับกู่ลี่และเฟิ่งเทียนหวู่นั้น ชายชรามิได้จงใจเลือกทั้งคู่มาเป็นผู้สืบทอดแต่อย่างไร ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญล้วนๆ!

อีกทั้ง หานเฉวี่ยไน่ ก็ได้ถูกศิษย์น้องหญิงของอีกฝ่ายอันเป็นผู้สืบทอดธุลีแดงรุ่นก่อนเลือกไว้แต่แรก จึงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้เฒ่าพยากรณ์เลย

นอกจากนั้นทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ในภาคเหนือแห่งนี้ ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็เป็นคนไปติดต่อเครือข่ายข่าวสารของธุลีแดงที่อาจารย์ของหานเฉวี่ยไน่สร้างขึ้นทันที

ทั้งหมดเพื่อให้เครือข่ายเร่งติดต่อกับทวาราเที่ยงแท้อีก 5 คนให้หวนกลับมาที่นี่

กล่าวได้ว่า วันที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้จะมารวมตัวกันพร้อมหน้าอีกครั้งอยู่ไม่นานแล้ว

“เจ้าก็มาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้ว…คงพักผ่อนเต็มที่แล้วใช่หรือไม่?”

ผู้เฒ่าพยากรณ์มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอ่อนโยน พลางถาม

“ก็นะ”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสบายๆ

“วันนี้ข้าคิดมาบอกเจ้าเรื่องแดนลับเซียนที่ท่านบรรพชนฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้ให้เจ้า!”

ผู้เฒ่าพยากรณ์ค่อยๆกล่าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

และเมื่อเห็นว่าสองตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลง ก็กล่าวสืบต่อออกมาทันทีว่า “แม่หนูเทียนหวู่คงบอกเจ้าคร่าวๆแล้วกระมังว่าแดนลับเซียนกระบี่คืออันใด แต่นางก็มิได้รู้อะไรมาก…วันนี้ข้าจึงมาแนะนำให้เจ้าได้รู้กับแดนลับเซียนกระบี่ที่ว่าอย่างละเอียด”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทันที ขณะเดียวกันก็ตั้งใจฟังคำของผู้เฒ่าพยากรณ์อย่างใจจดจ่อด้วยกลัวว่าจะตกหล่นอะไรไป

อันที่จริง

ก่อนหน้านี้ตอนเดินทางออกจากลัทธิบูชาไฟ เฟิ่งเทียนหวู่ก็มีบอกเขาระหว่างทางแล้วว่าแดนลับเซียนกระบี่คืออะไร

วันนั้นเขาเลยได้รู้ ว่าที่แท้ผู้อาวุโสฟงชิงหยางไม่ได้เหลือเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ไว้ให้เขาเป็นมรดกตกทอดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…

อาวุโสฟงชิงหยางยังทิ้งมรดกส่วนหลักไว้ให้เขาในแดนลับเซียนกระบี่! ส่วนที่เขาจะได้รับมันหรือไม่ ทั้งหมดก็สุดแล้วแต่โชควาสนาและความพยายามของเขาเอง!!

“พี่ใหญ่ต้วน อาจารย์ลุงพยากรณ์เคยบอกข้าไว้ว่า…ขอเพียงท่านได้เข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่ ตราบใดที่โชควาสนาของท่านมิเลวร้ายเกินไป และสามารถได้รับสืบทอดมรดกของผู้อาวุโสฟงชิงหยาง ต่อให้พลังฝีมือท่านมิอาจเทียบอาวุโสได้แต่ก็มิน่าจะด้อยกว่ากันมาก…”

วันนั้นคำพูดประโยคด้านบนของเฟิ่งเทียนหวู่ ได้กระตุ้นให้เขาบังเกิดความรู้สึกสนใจใน ‘แดนลับเซียนกระบี่’ ที่ว่าอย่างถึงที่สุด!

ต่อมาหลังจากที่เดินทางมาถึงฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ในแดนเหนือแห่งนี้ และได้พบกับผู้เฒ่าพยากรณ์ ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้บอกกล่าวอะไรแก่เขาเลย…

ทำให้เขาเองหลังจากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กับภรรยาและลูกสาวมาเกือบทั้งเดือนชักทนความอยากรู้ไม่ค่อยไหว ยังคิดว่าจะลองถามอีกฝ่ายเรื่องนี้ดูในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้

แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นผู้เฒ่าพยากกรณ์ที่เป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน และนำเรื่องนี้มาบอกต่อเขาด้วยตัวเอง

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนจึงตั้งอกตั้งใจรอฟังเรื่องที่ชายชราจะกล่าวนัก

“แดนลับเซียนกระบี่ที่ว่าก็คือ…”

หลังจากนั้นผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวที่ตัวเองได้รับทราบจากบันทึกเกี่ยวกับแดนลับเซียนกระบี่ ที่ฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้ให้ต้วนหลิงเทียนฟัง…

ขณะกล่าวผู้เฒ่าพยากรณ์ยังพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง ราวกับกำลังเปิดเผยความลับสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น

ในขณะเดียวกับที่ผู้เฒ่าพยากรณ์กำลังเล่าเรื่องราวของแดนลับเซียนกระบี่ให้ต้วนหลิงเทียนฟังนั้น…

ลัทธิบูชาไฟในภาคตะวันตก กลับไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกต่อไป…

“ข้าจะรอต้วนหลิงเทียนนั่นแค่ 10 วันเท่านั้น…หากครบกำหนดแล้วมันยังไม่โผล่หัวมา ข้าจะฆ่าเจ้า!!”

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีร่องรอยอิดโรยจากการเดินทางไกลเล็กน้อย มองกล่าวกับจ้าวลัทธิบูชาไฟคนปัจจุบันอย่างก่านหรูเยี่ยนที่อยู่ท่ามกลางอาวุโสระดับสูงของลัทธิบูชาไฟออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หน้ามันเชิดขึ้นไม่คิดมองหน้าผู้ใด

แต่ต้นจนจบมันไม่ได้รู้สึกเห็นใจสตรีเบื้องหน้าที่มีรูปโฉมงดงามปานล่มเมืองแม้แต่น้อย ทำให้ทุกผู้คนรู้สึกเสมือนมันเป็น สัตว์เลือดเย็นตัวหนึ่ง…อำมหิตไร้ใจ!

หลังกล่าวจบคำทีท่าของมันก็หยิ่งยะโสเป็นที่สุด คล้ายไม่ได้เห็นหัวผู้ใดในที่นี้แม้แต่น้อย และเมื่อกล่าวจบคำมันก็เหินร่างนำชายวัยกลางคนที่ลอยติดตามอยู่ด้านหลังไปยังสถานที่บ่มเพาะของก่านหรูเยี่ยนที่ตั้งอยู่บนเกาะลอยสูงสุดเหนือใดในน่านฟ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

มันเข้าไปเลือกที่อยู่อาศัยอย่างไม่เกรงใจ ทำราวกับที่นี่เป็นบ้านของมันเอง…

แต่ต้นจนจบก่านหรูเยี่ยนและอาวุโสคนอื่นๆไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง!

เนื่องเพราะชายวัยกลางคนที่ติดตามชายหนุ่มผู้นี้นั้น เพียงแค่สะบัดมือส่งๆราวกับปัดแมลงวัน ทว่าเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอย่างชายวัยกลางคนร่างผอมสูงปานลำไผ่ที่ติดตามรับใช้ก่านหรูเยี่ยนอยู่…ถึงกับตกตายลงในพริบตา!