บทที่ 1041 ป้าทำไม่เป็น

บทที่ 1041 ป้าทำไม่เป็น

ดูอย่างเสี่ยวเฉ่าสิ ชอบเรียนหนังสือ ตอนนี้ชีวิตดีกว่าพี่ชายทั้งสองคนอีกไม่ใช่หรือ?

เสียดายที่ลูกหลานที่บ้านเรียนไม่เก่ง

ก่อนหน้านี้ที่กลับจากเมืองหลวงตนคิดจะเปลี่ยนนิสัยหลานนะ

กับจางไฉ่อวิ๋นไม่มีปัญหาหรอก เธอสั่งสอนลูกตัวเองได้

แต่เถียนเสี่ยวเหอเอาแต่แหกปากโวยวายทำอย่างกับปู่มันจะฆ่าแกงหลานตัวเอง

เขาจึงรู้สึกเฉยชาขึ้นเรื่อย ๆ ไม่คิดจงเกลียดจงชังต่อ

ระหว่างกินข้าว เสี่ยวเถียนเพิ่งได้ข่าวเรื่องการแต่งงานของพี่สาม

“ลุงตั้งใจจะจัดงานแต่งให้เสี่ยวเฉ่าที่เมืองหลวง ไม่ได้กลับไปจัดที่บ้านนะ” เขาถอนหายใจ “แต่น้องใหญ่เซี่ยหนานไม่เห็นด้วย เธอบอกว่าลุงอุตส่าห์เลี้ยงเธอมาด้วยความลำบาก ทำไมไม่ไปจัดที่หมู่บ้านแทนล่ะ”

“น้องใหญ่เป็นคนสำนึกในบุญคุณนะ เสี่ยวเฉ่าเองก็เป็นเด็กที่กตัญญูด้วย” จูหลานฮวาว่า

เพราะกลัวมาตลอดว่าถ้าพูดออกไปจะสูญเสียลูกสาวไปหรือเปล่า

แต่ไม่คิดว่าหลังจากพูดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเฉ่ากลับบอกว่าจะดูแลเราตอนแก่เฒ่าเอง

เรามีลูกชายอยู่แล้วจะให้ลูกสาวมาดูแลได้ยังไง

ต่อให้เป็นลูกสาวแท้ ๆ ก็ทำไม่ได้

เสี่ยวเฉ่าเป็นลูกของน้องเซี่ยหนาน ส่วนเราเป็นคนเลี้ยงแทนน่ะ

เสี่ยวเถียนเข้าใจ หรือพี่เสี่ยวเฉ่าจะรู้เรื่องตัวเองแล้ว?

ไม่รู้เขาเสียใจหรือเปล่า

แต่พี่แกมีความกตัญญูจริง ๆ นะ

“พี่เสี่ยวเฉ่ารู้เรื่องแล้วหรือคะ?” เสี่ยวเถียนถาม

“รู้แล้วละ เจ้าเด็กโง่บอกว่าบุญคุณที่ให้กำเนิดไม่เท่าบุญคุณที่เลี้ยงจนโตน่ะ เขาบอกว่าจะดูแลเราเอง”

จูหลานฮวาเอ่ยทั้งน้ำตา

“พี่เสี่ยวเฉ่าพูดถูกนะคะ และหนูเชื่อว่าอาจารย์เซี่ยหนานจะต้องเห็นด้วย”

“ก็จริงนะ น้องใหญ่ยังบอกเลยว่าถ้าไม่มีเราป่านนี้คงไม่ได้เจอเสี่ยวเฉ่าแล้ว แถมยังบอกให้ฟังลูกด้วย ไว้อนาคตข้างหน้าค่อยย้ายไปอยู่ด้วยกัน”

ใช้ชีวิตด้วยกันมันเป็นไปไม่ได้ แต่จูหลานฮวามีความคิดอยู่แล้ว

ถ้าอยู่เมืองหลวงอาจจะช่วยงานที่ร้านอาหารซูหรือทำธุรกิจเป็นของตัวเองก็ได้ จะได้ใช้ชีวิตต่อไปได้

แต่ตาแก่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ไม่รู้จะลาออกได้หรือเปล่า

เสี่ยวเถียนคิดเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าพี่เสี่ยวเฉ่าแต่งงานกับพี่สาม อนาคตคงอยู่เมืองหลวงต่อ

แต่ถ้าลุงกับป้าอยู่หนานหลิ่ง เจ้าตัวก็ไม่วางใจอีก

พี่สะใภ้สองคนนั้นรับมือยากด้วย เรามาเมืองหลวงเองดีกว่าอีก

“คุณป้า อยากมาเมืองหลวงไหมคะ?” เสี่ยวเถียนถาม

“หนูคิดว่ายังไง?”

“ถ้าลุงกับป้าคิดเหมือนกันก็ลองมาอยู่ดูค่ะ อาจจะหางานทำก็ได้ ดีกว่าอยู่ที่หมู่บ้านหนานหลิ่งเยอะเลย”

เสี่ยวเถียนตั้งใจชวนจริง ๆ แต่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเป็นตำแหน่งที่น่าเคารพนับถือ เขาไม่มีทางลดศักดิ์ศรีเพื่อมาเป็นคนขายของหรอก

ซูฉางจิ่วลังเลนิดหน่อย

ฝ่ายจูหลานฮวาว่า “ก็จริงนะ ป้าก็คิดเหมือนกันจ้ะ”

เสี่ยวเถียนยิ้มสดใสกว่าเดิม

ตอนนี้เงินยังหาง่าย ขอแค่อดทนเอาไว้อนาคตไม่ได้ลำบากเกินไปแน่นอน

“แต่ว่า…”

“พ่อเฉ่าเอ๋อร์กลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันลองอยู่ที่นี่ก่อน ถ้าอยู่ได้คุณก็ค่อยตามมา แต่ถ้าไม่ไหวถือว่ามาพักผ่อนแล้วกัน”

“แล้วถ้าเราอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครนินทาหาว่าเราเกาะลูกกินใช่ไหม?”

ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ซูฉางจิ่วอยากรักษาหน้าตาเอาไว้

กลัวก็แต่คนอื่นจะพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า

แต่ฝ่ายภรรยาไม่ได้คิดอะไร ตั้งแต่เดินทางมาอยู่เมืองหลวงก็ได้รู้เรื่องของสองสามีภรรยาถานหาลู่ทางสร้างรายได้ แต่กับตนที่สาวกว่าดันไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีความสามารถขนาดนั้น

เธอเพิ่งจะสี่สิบปี จากที่คนในเมืองบอกต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะเกษียณ

“ฉันจะไปเกาะลูกกินได้ยังไง ฉันหาเลี้ยงตัวเองนะ”

ซูฉางจิ่วเข้าใจ

ภรรยาตั้งใจจะอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว

เขาเองก็เคยคิดนะ

“ตกลง แล้วตัดสินใจแล้วหรือว่าจะทำอะไร? ถ้าจะอยู่ก็ต้องหางานทำนะ จะรอพึ่งพาเสี่ยวเฉ่าไม่ได้หรอก”

“ให้เจ้าเสี่ยวซานดูแลพวกพี่แล้วกันค่ะ!” หวังเซียงฮวาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

และมันแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเป็นคนใจกว้างมาก

มีใครที่ไหนอยากให้ลูกชายไปดูแลคนอื่นตอนแก่ล่ะ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า?

เราอุตส่าห์เลี้ยงมันมา แล้วจะให้มันไปดูแลคนอื่นได้ยังไง?

ต่อให้เป็นพ่อแม่เมียก็ไม่ได้

ซึ่งหวังเซียงฮวาเอ่ยออกมาตรง ๆ ด้วยความจริงใจมาก

“ทำแบบนั้นได้ยังไงเล่า มีที่ไหนให้ลูกเขยมาดูแลเรา แถมซานกงยังเรียนอยู่เลย” ซูฉางจิ่วรีบโบกมือ

จูหลานฮวายังไม่เห็นด้วยเหมือนกัน

ถ้าจะอยู่ที่นี่ก็ต้องหาอะไรทำ

ถ้ารอพึ่งพาลูกสาวลูกเขยอาจจะตาย สู้กลับไปทำนาที่บ้านไม่ดีกว่าหรือ

“เสี่ยวเถียน ไหน ๆ หนูก็ฉลาด ช่วยป้าคิดทีสิว่าจะทำอะไรดี”

เด็กสาวขบคิด “เปิดร้านไหมคะ ทำเป็นธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่มก็ได้นะคะ อาจจะของว่างก็ดี อาหารจานด่วนก็ได้ ขอแค่อร่อย ถูกสุขอนามัยลูกค้ากลับมาอุดหนุนอีกแน่นอนค่ะ”

ธุรกิจขนมเริ่มต้นง่าย หาเงินไม่ลำบาก ที่ยากคือการเริ่มต้น

ยุคนี้ไม่เหมือนที่อนาคต หลาย ๆ คนไม่ยอมเสียหน้าเพื่อเป็นคนทำมาค้าขาย

เสี่ยวเถียนเคยใช้ชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง ธุรกิจของว่างไม่ได้หาเงินให้เป็นกอบกำได้ง่าย ๆ แต่มันไม่ได้ลำบากในการดูแลครอบครัวแน่นอน

ยิ่งถ้าทำได้ดีขยายขอบเขตออกไป พัฒนาให้เป็นร้านขนาดใหญ่เลย อนาคตจะต่างออกไปแน่นอน

ชาติที่แล้วคนรอบตัวสุขสบายมาจากธุรกิจนี้แหละ ซื้อได้ทั้งบ้าน ซื้อได้ทั้งรถ

“ได้จ้ะ ป้าจะลองดู ไว้กลับไปศึกษาดูว่าอาหารแบบไหนจะเรียกลูกค้าได้”

จูหลานฮวาเป็นคนใจกล้ามาก จึงเริ่มพูดเรื่องนี้ทันที

“ขายหมาล่าทั่ง*[1] ดีไหมคะ?”

เสี่ยวเถียนลองแนะนำ

เธอไม่ได้คิดอะไรยุ่งยาก รสชาติมันไม่ได้แย่แถมทำง่ายด้วย

ไม่ต้องตื่นเช้ามืด ง่ายกว่าทำธุรกิจอาหารเช้าอีก

ภรรยาฉางจิ่วงุนงน

หมาล่าทั่งคืออะไร?

ทำไมไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลยล่ะ

เมืองหลวงต่างจากชนบทจริง ๆ ด้วย

“เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีไหม? ป้าไม่เคยทำน่ะสิ ทำไม่เป็นหรอก!”

[1] หมาล่าทั่ง เป็นอาหารประเภทบะหมี่ เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวของไทย รสชาติเผ็ด ๆ ชา ๆ ตัวน้ำซุปปรุงด้วยถั่วลิสง บางร้านก็จะใส่แค่เส้น ผัก เต้าหู้มาให้ แต่บางร้านจะให้เราเลือกตักเองแล้วคิดราคาตามน้ำหนัก