ตอนที่ 2,379 : ‘ชิ้นส่วนความทรงจำ’ ชาติที่แล้วของเค่อเอ๋อ

ต้วนหลิงเทียนนั้นพึ่งย้อนกลับมายังภูมิภาคเบื้องบนหลังจากที่ไปอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างพักหนึ่ง และเขาก็ไม่เคยมีเรื่องราวใดๆกับเซียนอมตะเสเพลคนอื่นอีกแล้ว…

เช่นนั้นพอได้รับการติดต่อจากชิงหั่วที่ลัทธิบูชาไฟว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ทันที…

ชายหนุ่มลึกลับที่มาพร้อมชายวัยกลางคนผู้ติดตามที่พลังฝีมือสมควรเป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ขึ้นไป…สมควรเป็นคนของเผ่ามังกรที่คิดมาล้างแค้นให้หลี่ปิง!

ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาเป็นคนฆ่าหลี่ปิงก็ไม่น่าแปลกอะไร

เพราะตอนที่เขาสังงหารหลี่ปิง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอาคมยันต์กระจกเงาลูกได้ชัดเจน เขาจึงรู้ได้ทันทีว่า 9 ใน 10 ส่วนฉากที่เขาลงมือสังหารหลี่ปิงนั้น ได้ถูกส่งไปยังยันต์กระจกเงาแม่ในมือคนอื่นเรียบร้อยแล้ว

และ 9 ใน 10 ผู้ถือครองยันต์กระจกเงาแม่นั่น ก็สมควรเป็นคนของเผ่ามังกร

‘จากที่ซานเตาเคยบอกไว้…เหล่าเซียนอมตะเสเพลของ 3 ลัทธิที่ถูกเผ่ามังกรจับไปรับใช้ มีเพียงแต่ต้องหาคนหนุนหลังในเผ่ามังกรให้ได้เสียก่อนกระทั่งยังต้องได้รับความไว้วางใจในระดับหนึ่งแล้วเท่านั้น ถึงจะถูกส่งออกมาทำธุระนอกเผ่าเป็นบางครั้ง ไม่งั้นก็ได้แต่อยู่ในเผ่ามังกรตลอดชั่วชีวิตไม่ได้ออกไปไหน…’

‘หลี่ปิงนั่น…ไม่พ้นเป็นอย่างที่ซานเตาบอก มันสมควรถูกคนมีอำนาจในเผ่ามังกรส่งออกมาให้ทำธุระอะไรสักอย่าง จึงสามารถออกจากเผ่ามังกรได้ชั่วคราวแบบนี้’

‘ส่วนเรื่องที่มันมาประกาศศักดิ์ดาอะไรในลัทธิบูชาไฟ…สมควรเป็นเรื่องส่วนตัว โดยที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของมันก็คงไม่รู้’

‘เพราะสาเหตุนี้ต่อให้มันมีเรื่องมีราวจนถูกข้าฆ่าไป…แต่เผ่ามังกรก็ไม่อาจติดใจเอาความข้าได้ เพราะนี่ถือว่าเป็นข้อพิพาทส่วนบุคคลระหว่าง 7 ทวาราเที่ยงแท้กับ 3 ลัทธิ’

ด้วยได้ฟังเหตุผลนี้มาก่อน ทำให้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้

ไฉนเผ่ามังกรถึงมาตามหาเขาแบบนี้?

หรือเผ่ามังกรมันหลงลืมข้อตกลงที่ทำไว้ร่วมกันกับเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเมื่อปีนั้นแล้ว?

“เค่อเอ๋อเจ้าไม่ต้องห่วง…ข้าไม่มีวันปล่อยให้พี่สาวเจ้าถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องครั้งนี้แน่”

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับเค่อเอ๋อด้วยสีหน้าเป็นห่วง ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า “เอาล่ะข้ากับซานเตาจะไปจัดการเรื่องนี้เอง”

“พี่เทียน!”

ต้วนหลิงเทียนที่กล่าวจบคำและกำลังจะจากไป ทว่าอยู่ๆเค่อเอ๋อก็กล่าวเรียกเขาออกมา

“หือ?”

ต้วนหลิงเทียนหยุดและหันไปมองเค่อเอ๋อด้วยความสงสัย

“พี่เทียน…ผู้พิทักษ์ชิงหั่วก็กล่าวเตือนในหยกสื่อสารไว้แล้ว หากท่านมิมั่นใจ…อย่าได้กลับไปลัทธิบูชาไฟเลย!”

เค่อเอ๋อมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวด้วยทีท่าน้ำเสียงจริงจัง

ถึงแม้นางจะห่วงความปลอดภัยของพี่สาวฝาแฝด หากแต่ยิ่งห่วงความปลอดภัยของบุรุษนางยิ่งกว่า

หากต้องให้นางเลือกช่วยชีวิตพี่สาวตัวเองแต่ต้องแลกมาด้วยชีวิตบุรุษของตัว มิสู้ให้นางตกตายลงตรงนี้ยังจะดีซะกว่า!

“ไม่ต้องคิดมากหรอก…ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง เห็นท่าไม่ดีข้าจะรีบหนีกลับมาทันทีดีหรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มพลางกล่าวปลอบเค่อเอ๋อ จากนั้นก็เดินออกจากศาลาไปพร้อมเฉินอี้หรูหรือเฉินซานเตาที่เป็นข้ารับใช้อย่างไม่รอช้า

คงเหลือเพียงเค่อเอ๋อยืนแน่นิ่งในศาลาอย่างเงียบงัน ด้วยสีหน้าแววตาทดท้อ

‘เป็นข้ามันอ่อนแอไร้พลัง เป็นข้ามันอ่อนแอไร้พลังจนทำอันใดมิได้สักอย่าง…’

เค่อเอ๋อนั้นท้อแท้กับพลังฝีมือตัวเองที่อ่อนด้อยเกินกว่าจะช่วยเหลืออะไรต้วนหลิงเทียนมานานแล้ว! ทุกคราที่นางฝึกปรือจนระดับพลังสูงขึ้น และคิดว่าพอจะช่วยเหลือบุรุษของตัวได้ แต่สุดท้ายก็ยังอ่อนแอเกินไปอยู่ดี…ครั้งนี้ก็เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างได้แต่ต้องให้บุรุษของนางแบกรับไว้เพียงคนเดียว!!

‘ครานั้นข้าลองวิธีนั้นได้เพียงแค่ครู่เดียว ข้าก็ทนรับมันไม่ไหว…คราวนี้ข้าต้องทนให้ได้นานขึ้น! ตราบใดที่ข้าทนรับมันได้พลังของข้าสมควรก้าวหน้าขึ้นอย่างมหาศาลในเวลาอันสั้น!’

ในใจของเค่อเอ๋อนั้น มีความลับประการหนึ่งที่มีเพียงตัวนางคนเดียวเท่านั้นที่ล่วงรู้

เพื่อไม่ให้บุรุษของนางอย่างต้วนหลิงเทียนหรือพี่สาวฝาแฝดอย่างก่านหรูเยี่ยนต้องเป็นกังวล นางจึงเก็บงำเอาไว้ไม่เคยบอกใครมาก่อนเลย

เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นตอนที่นางถูกจับคุมขังในลัทธิบูชาไฟโดยไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน กระทั่งลูกสาวที่พึ่งคลอดยังถูกพรากออกจากอก…ทั้งบุรุษของนางก็ถูกคำสั่งล่าสังหารจากลัทธิบูชาไฟ!

วันหนึ่งนางจึงฉุกคิดขึ้นมาอย่างท้อแท้โดยบังเอิญ แต่ทว่าความคิดดังกล่าวทำให้นางเสมือนตกนรกทั้งเป็น!

เป็นนางคิดว่าในเมื่อเกิดมาชะตาอาภัพแบบนี้…มิสู้เผาผลาญวิญญาณตัวเองให้มอดไหม้ตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด!

นางยังจดจำความเจ็บปวดนั้นได้ชัดเจน ความเจ็บปวดที่รุนแรงจนการถูกควักหัวใจออกไปทั้งเป็นเสมือนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยนั่น…ความเจ็บปวดจากการคิดผลาญวิญญาณตัวเอง!

ถึงแม้ตอนนั้นนางท้อจนคิดอยากผลาญวิญญาณตัวเองให้ตายไปให้พ้นๆ แต่นางก็ทำได้เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเพราะนางไม่อาจทนรับความเจ็บปวดได้ไหว..

แต่ทว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น มันเป็นอะไรที่พิสดารนัก!

อยู่ๆระดับพลังฝึกปรือของนางก็ก้าวหน้าขึ้นไปหลายระดับอย่างอัศจรรย์!

วินาทีนั้นนางตระหนักรู้ได้อย่างประหลาด ว่าการเผาผลาญวิญญาณของตัวเองจะทำให้พลังฝึกปรือของนางก้าวหน้าขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างที่นางเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะอะไร

ต่อมามีหลายครั้งที่นางคิดอยากจะทดลองกระทำดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยลองมันอีกเลย

เพราะความรู้สึกเจ็บปวดเสมือนวิญญาณถูกแผดเผาจนมอดไหม้ มันเจ็บปวดเกินกว่าที่นางจะทานทนรับไหว อีกทั้งนางยังไร้ซึ่งความกล้าที่จะลองกระทำเช่นนั้น

ทว่าวันนี้นางคิดจะลองมันอีกครั้ง ผลาญวิญญาณ! เพื่อยกระดับพลังฝึกปรือของนางให้ก้าวหน้าขึ้นในเวลาอันสั้น!!

ให้เจ็บปวดเพียงใดคราวนี้นางจะยอมรับมัน! เพราะการเจ็บปวดเจียนตายยังประเสริฐกว่าทำได้แค่ยืนมองเหล่าคนที่นางห่วงใยได้แต่เกิดเรื่องโดยที่นางไม่มีปัญญาทำอะไรได้…!!

‘ยามนั้นตอนที่วิญญาณข้าเจ็บปวดทรมาณปานถูกเพลิงผลาญ แต่ทว่าดูเหมือนมันจักมิได้มีแค่ความเจ็บปวดอย่างเดียวเท่านั้น ยังคล้ายมีเศษเสี้ยวความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นในใจของข้าด้วย…และความทรงจำเหล่านั้นเป็นอะไรที่ข้ามิเคยพบเจอมาก่อนแน่นอน…’

เมื่อนึกถึงเศษเสี้ยวความทรงจำที่ผุดขึ้นในใจในขณะที่ผลาญวิญญาณตัวเอง เค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปประการหนึ่ง…

‘บางทีสมควรเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าเป็น ‘เทพธิดากลับชาติมาเกิด’ อย่างที่ถังซวนมันว่า!’

เค่อเอ๋อยังจำได้ดี วันนั้นจ้าวลัทธิบูชาไฟได้สาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว ก่อนที่จะกล่าวยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่านางคือเทพธิดากลับชาติมาเกิดจริงๆ

ทำให้ต่อให้เค่อเอ๋อไม่อยากจะเชื่อเพียงไหน แต่ก็ทำได้แค่ต้องเชื่อ

‘บางทีหากเข้าเผาผลาญวิญญาณตัวเองไปถึงระดับหนึ่ง…ข้าอาจฟื้นความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วได้อย่างสมบูรณ์’

เมื่อได้รับคำยืนยันแล้วว่าตัวเองเป็นเทพธิดากลับชาติมาเกิดจริงๆ เค่อเอ๋อย่อมบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย…

ว่าชาติที่แล้วนางเป็นผู้ใดกันแน่! แล้วไฉนนางถึงได้เลือกที่จะตายตกลงแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ในโลกใบนี้!!

แล้วบุรุษที่อ้างตัวว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางผู้นั้น ต้องการจะทำอะไรกันแน่!?

ทันทีที่บังเกิดความคิดนี้ขึ้น ในใจของเค่อเอ๋อก็เสมือนได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยเอาไว้ ยิ่งนานมันยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งนางก็ไม่อาจควบคุมมันได้อีกต่อไป…

‘คราวนี้ข้าต้องทนให้ได้นานกว่าครั้งก่อน…ไม่เพียงแต่พลังฝึกปรือข้าจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้ายังสามารถกู้คืนความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วได้มากขึ้น’

สองตาเค่อเอ๋อฉายประกายหนักแน่นยิ่งกว่าครั้งใด สุดท้ายนางก็เดินออกจากศาลาแล้วกลับไปยังห้องบ่มเพาะของนางทันที

‘มิว่าความทรงจำในชาติที่แล้วจะหวนคืนมาจนข้าอาจเปลี่ยนไป…แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็คือเค่อเอ๋อภรรยาของพี่เทียนและเป็นแม่ของซือหลิงอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!!’

หลังกลับมาถึงห้องบ่มเพาะเค่อเอ๋อก็เตรียมพร้อมจะเผาผลาญวิญญาณตัวเองและทานทนรับความเจ็บปวดเหนือคำบรรยายนั่นอีกครั้ง! ขณะเดียวกันเค่อเอ๋อยังย้ำความคิดนี้ไว้ในใจอย่างแน่วแน่เพื่อไม่ให้นางเสียความเป็นตัวของตัวเองไป!!

และสาเหตุที่นางต้องกระทำแบบนี้…

เพราะนางกังวลว่าเมื่อยามที่ความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วหวนคืนกลับมา นางจะสูญเสียความทรงจำในชีวิตนี้ไป…

เค่อเอ๋อขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงก่อนที่จะค่อยๆหลับตาลง

ตอนแรกใบหน้าที่งดงามของนางก็ยังคงความสงบ ร่างบางนั่งขัดสมาธิแน่นิ่งไม่ไหวติง

ทว่าไม่นานร่างบางของนางก็เริ่มสั่นสะท้าน!

แก้มงามเริ่มกระตุกเกร็ง แถมความถี่ในการกระตุกยังมากขึ้นทุกขณะ ครู่ต่อมาเม็ดเหงื่อก็ผุดซึมออกมาอย่างทะลักทลาย!!

กรอด! กรอด!!

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้กรามบนล่างของเค่อเอ๋อได้ขบกันอย่างแรง จนบังเกิดเสียงดังกรอดๆราวกับจะแตกหักได้ทุกเวลา!

ไม่ทันไรมุมปากเค่อเอ๋อเริ่มปรากฏโลหิตไหลออกมาเป็นสาย!

ทั้งหมดนี้เป็นแค่อาการผิวเผินเท่านั้น

ทว่าภายใน เค่อเอ๋อรู้สึกเสมือนยามนี้วิญญาณของนางกำลังมอดไหม้อย่างสมบูรณ์! บ่อยครั้งที่สติของนางพร่าเลือนและคล้ายจะพังทลายหายไปเต็มที หากทว่านางยังคงขบฟันแน่นและอดทนรับมันต่อไป…

และในระหว่างกระบวนการผลาญวิญญาณดังกล่าว ความทรงจำมากกมายก็เริ่มผุดขึ้นในใจของเค่อเอ๋อ

ในบรรดาชิ้นส่วนความทรงจำทั้งหลาย ปรากฏร่างสตรีงามพิลาศล้ำเหนือใดในแดนดิน มิว่าย่างเท้าไปที่ใดน้อยนักที่บุรุษสตรีทั้งหลายจะไม่เหลียวมองอย่างตะลึงลาน…

นางประหนึ่งดารากระจ่างที่ส่องแสงสว่างกลางฟ้ามืดในยามค่ำคืน โดดเด่นเฉิดฉายเหนือใดตลอดเวลา!

นอกจากนี้โฉมงามพิลาศนางนั้น ยังมิใช่บุปผาในแจกัน!

พลังอำนาจของนางนั้น คำ ‘พลิกภูผามหานที บัญชาสรรพสิ่ง ลิขิตฟ้าดินได้ดั่งใจ’ มิว่าคำใดล้วนไม่เกินเลย…!

เพียงเศษเสี้ยวพลังเล็กน้อยที่มือเล็กๆงามหมดจดสะบัดออกไปส่งๆ พลานุภาพร้ายกาจถึงขั้นตะวันจันทราหม่นแสง! สรรพสิ่งมิว่าขุนเขาพงไพรใดๆในอาณาบริเวณกินรัศมีนับแสนๆลี้ กลับกลายเป็นหลุมมหึมาลึกนับพันหมื่นลี้ในชั่วพริบตา!!

‘นิ…นี่คือตัวข้าเมื่อชาติที่แล้วหรือ?!’

เค่อเอ๋อตื่นตระหนกตกใจไม่น้อยเมื่อได้เห็นชิ้นส่วนความทรงจำเหล่านี้

โฉมงามอันมีพลังอำนาจไร้คู่เปรียบในชิ้นส่วนความทรงจำ ช่างทรงพลังทั้งยิ่งใหญ่สุดที่นางจะคิดคาดจินตนาการได้ออกจริงๆ!

‘ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ทรงพลังที่สุดในระนาบโลกียะ…เกรงว่าจะไม่มีพลังอำนาจเทียบนางได้แม้แต่เศษเสี้ยว…นี่มันพลังอำนาจอันใดกันแน่?!’

เมื่อเห็นภาพโฉมงามพร้อมพลังอำนาจปานเทพอสูรในชิ้นส่วนความทรงจำ เค่อเอ๋อก็ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย ในใจจึงอดบังเกิดความคิดเช่นนั้นขึ้นมาไม่ได้

‘ทนไว้ ข้าต้องทนมันให้ได้!’

‘ตราบใดที่ข้าสามารถทนทานรับไหว ขอแค่มีพลังเพียงหนึ่งในหมื่นของนาง…ในระนาบโลกียะแห่งนี้จักมิมีผู้ใดสามารถคุกคามพี่เทียนได้อีก มิมีผู้ใดคุกคามครอบครัวของข้าได้อีก!’

ในขณะที่สำนึกสติของเค่อเอ๋อประหนึ่งเปลววเทียนกลางพายุที่เจียนจะดับแหล่มิดับแหล่ เจตจำนงอันกล้าแข็งของนางเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้นางทานทนฝ่ามรสุมนั่นมาได้…เจตจำนงที่ถวิลหาความแข็งแกร่งอันแน่วแน่!!

ต้วนหลิงเทียนนั้นย่อมไม่รู้เลยว่าตอนนี้เค่อเอ๋อกำลังทำอะไร ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเค่อเอ๋อกำลังทรมานถึงขนาดไหน

และยิ่งไม่อาจล่วงรู้ได้แม้แต่น้อย…ว่าตอนนี้กระทั่งสำนึกสติของเค่อก็เจียนแตกดับลงทุกเวลา เสี่ยงกับการที่นางอาจจะต้องตกตายไปได้ทุกเมื่อ!!

หาไม่แล้วต่อให้ต้องแลกด้ววยชีวิต เขาก็ต้องหยุดนางเอาไว้ให้ได้!

“นายท่าน เท่าที่ข้าทราบคนของเผ่ามังกรเองก็รักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับอาวุโสเซียนกระบี่ฟงชิงหยางมานานนับหมื่นปี…และเผ่ามังกรขึ้นชื่อว่าเชื่อฟังบรรพบุรุษและยึดถือเกียรติเป็นที่สุด พวกมันมิมีทางละเมิดคำสั่งบรรพชนแน่! ถึงท่านจะฆ่าหลี่ปิงไป พวกมันก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น มิกล้าลงมือทำอะไรแบบนี้ออกหน้าออกตาแน่นอน!”

หลังได้รับรู้เรื่องราวจากนายท่านอย่างต้วนหลิงเทียน เฉินอี้หรูพำลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อย่างไรก็ตามสมควรเป็นอย่างที่นายท่านคาดไว้…ชายหนุ่มกับผู้ติดตามลึกลับนั่นสมครมาจากเผ่ามังกรจริงๆ!”

เฉินอี้หรูกล่าวสืบต่อ

“อ้อ แล้วเจ้าคิดว่า…พวกเราควรทำอย่างไรเล่า?”

ต้วนหลิงเทียนถามด้วยรอยยิ้มเยียบเย็นมีเลศนัย

“ไปลัทธิบูชาไฟและหยุดมัน…แล้วให้มันไสหัวกลับเผ่ามังกร!”

สองตาเฉินอี้หรูก็ทอประกายเยียบเย็นออกมาเช่นกัน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “เรื่องที่หลี่ปิงถูกนายท่านฆ่าสมควรแพร่ออกไปทั่วทั้งแดนดินแล้ว! หากเผ่ามังกรมันมาเพื่อล้างแค้นให้หลี่ปิงจริงๆล่ะก็…ทันทีที่เรื่องนี้แพร่ออกไป เผ่ามังกรได้กลายเป็นตัวตลกในแดนดินแน่! เกียรติที่พวกมันยึดถือเป็นที่สุดต้องเน่าเหม็นไปนับพันๆปี!!”

“ดังนั้นข้าเชื่อว่าการที่เผ่ามังกรมาล้างแค้นให้หลี่ปิงครานี้ มันไม่กล้ากระทำอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน! เว้นแต่มันจะมั่นใจว่าสามารถปกปิดข่าวเอาไว้ได้อย่างมิดชิด!!”

เฉินอี้หรูกล่าวออกอีกครั้ง