บทที่ 1063 อย่าทำให้กู้เสี่ยวหวานขุ่นเคือง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1063 อย่าทำให้กู้เสี่ยวหวานขุ่นเคือง

บทที่ 1063 อย่าทำให้กู้เสี่ยวหวานขุ่นเคือง

นับตั้งแต่ฮูหยินจ้าวรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานได้รับการแต่งตั้งเป็นเสี้ยนจู่ นางกระวนกระวายนอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน

กินก็กินไม่ได้ นอนก็นอนไม่หลับ

ทำไมกันนะ…

เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานกลายเป็นเสี้ยนจู่ หากเวลานั้นนางทำเรื่องการแต่งงานสำเร็จ ตระกูลจ้าวในเมืองหลิวเจียก็จะกลายเป็นตระกูลยิ่งใหญ่

แต่น่าเสียดายที่นางทำไม่สำเร็จ

เมื่อเห็นท่าทางเหมือนคนหวาดกลัวของจ้าวจื่อชง ฮูหยินจ้าวไม่แม้แต่จะต้องเอ่ยถาม เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเขาจะต้องทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน

“ท่านแม่ คนพวกนั้นบอกว่าจะตัดศีรษะข้าเพราะข้าใส่ร้ายชื่อเสียงของเสี้ยนจู่” จ้าวจื้อชงกำลังจะตายด้วยความตกใจ เขาเอามือกุมศีรษะเพราะกลัวว่าศีรษะจะไม่อยู่บนบ่า

เมื่อพบเจอความผิดหวัง ฮูหยินจ้าวก็รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา

กู้เสี่ยวหวานนั้นน่ารำคาญเกินไป

ทำให้คนอื่นหวาดกลัวไปเพื่ออะไร

“เมื่อท่านพ่อของเจ้ากลับมา ข้าจะถามท่านพ่อของเจ้า” ฮูหยินจ้าวเริ่มอดรนทนไม่ไหว และนางก็คาดหวังให้ลูกชายของนางสร้างความประทับใจที่ดีต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน

คราวนี้อย่าว่าแต่ความประทับใจเลย ผู้หญิงคนไหนจะชอบเสียงร้องห่มร้องไห้แบบนี้บ้าง?

ฮูหยินจ้าวถอนหายใจ และในที่สุด จ้าวสวิ่นก็กลับมาในตอนเย็น

ในช่วงเวลานี้ จ้าวสวิ่นจะมาที่บ้านตระกูลจ้าวเกือบทุกวัน ในอดีตเขาจะมาและจากไป และจะจากไปหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน

เนื่องจากฮูหยินจ้าวขอให้ตัวเองไปหากู้เสี่ยวหวานเพื่อคุยเรื่องแต่งงานเป็นครั้งสุดท้าย และนางก็ได้รู้ว่าสำหรับจ้าวสวิ่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังอยู่กับตระกูลจ้าว สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือตนเอง

ดังนั้นนางจึงปฏิบัติตามคำพูดของมามาเหอ ปฏิบัติตนเป็นภรรยาและแม่ที่ดี และไม่พูดในสิ่งที่จ้าวสวิ่นไม่ชอบ

การทำให้คนอื่นพอใจไม่ใช่ว่านางจะทำไม่ได้ ฮูหยินจ้าวทำได้อย่างราบรื่น และนางก็ค้นพบประโยชน์ในนั้นด้วย

จ้าวสวิ่นปฏิบัติต่อนางด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทั้งสองดูเหมือนจะรักกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บัดนี้ สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานคู่นี้กำลังแสดงความรักต่อกัน

ตัวติดกันทั้งวัน…

ฮูหยินจ้าวดูเหมือนจะฟื้นคืนชีวิตใหม่ และใบหน้าของนางก็เปล่งปลั่งสดใส

ก่อนหน้านี้ที่เคยมีแต่ความขมขื่น หลังจากลิ้มรสประโยชน์ของคำพูดแบบนี้ นางก็กลายเป็นคนอ่อนโยนและเชื่อฟังมากขึ้น

นางดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม

เมื่อก่อนจ้าวสวิ่นมักจะอยู่กับหงซื่อทุกวัน แต่ตอนนี้เขาเริ่มเบื่อหน่ายแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากเรื่องของกู้เสี่ยวหวาน เขากับหงซื่อทะเลาะกันครั้งใหญ่ และเกิดการทะเลาะกันขึ้นทุกวัน ซึ่งมันทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้า

ผู้หญิงคนนี้ไม่ควรจะเอาตัวเข้าไปสนิทสนมด้วย ไม่เช่นนั้นนางก็คิดว่านางมีปีกและสามารถโบยบินไปทั่วท้องฟ้าได้

ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการอยู่ในห้องด้านนอกอีกต่อไป และมาอยู่ข้างกายของฮูหยินจ้าวทุกวัน

ครั้นได้ยินฮูหยินจ้าวบ่นว่าลูกชายของนางถูกคุกคามในตอนบ่าย จ้าวสวิ่นก็ตกตะลึง “ไม่มีสิ่งนี้ในกฎของอาณาจักรต้าชิง”

“ไม่มีจริง ๆ หรือ?” ฮูหยินจ้าวก็ตะลึงเช่นกัน

“ไม่มีอย่างแน่นอน” ตระกูลจ้าวยังมีกิจการของครอบครัวที่มีอายุนับร้อยปี ตระกูลจ้าวจะรวบรวมกฎทั้งหมดที่ประกาศใช้โดยอาณาจักรต้าชิง และพวกเขาจะนำออกมาดูเป็นครั้งคราว แน่นอนว่าเขาไม่เห็นกฎข้อนั้น

หลังจากได้ยินคำยืนยันของจ้าวสวิ่น ฮูหยินจ้าวก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

ฮูหยินจ้าวรู้สึกไม่พอใจกู้เสี่ยวหวาน “เสี้ยนจู่คนนี้ไม่ได้กำลังล้อชงเอ๋อร์เล่นอยู่หรอกหรือ”

เมื่อนึกถึงจ้าวจื่อชงที่กลับมาด้วยความตกใจ ฮูหยินจ้าวก็ถอนหายใจอย่างไม่สบายใจ

เมื่อเห็นฮูหยินจ้าวโกรธเคือง จ้าวสวิ่นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและปลอบโยนนาง “ฮูหยินไม่ต้องเสียใจไป ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นเสี้ยนจู่ นิสัยของนางก็จะยิ่งโอ้อวดกว่าเดิม เราทำได้เพียงอย่าตามน้ำ เราต้องเกลี้ยกล่อมนาง ถึงอย่างไรนางก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น”

เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวสวิ่นพูด ฮูหยินจ้าวก็คร่ำครวญ “นายท่าน ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่กู้เสี่ยวหวานคนนี้เป็นคนมีทิฐิสูงมาโดยตลอด และข้าก็เคยใช้อำนาจของตระกูลจ้าวเพื่อกดดันนาง แต่นางไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เราไม่สามารถจะใช้สถานะของเรากดขี่นางได้อีกต่อไป ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เห็นตระกูลจ้าวของเราอยู่ในสายตาเลย”

จ้าวสวิ่นหัวเราะเบา ๆ เขาตบหลังมือของฮูหยินจ้าวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยิน ปัญหาทุกอย่างมีทางออกและความหวังจะปรากฏขึ้น กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่ไม่ไว้หน้าแค่พวกเรา นางเองก็ไม่เห็นตระกูลเจียงอยู่ในสายตาเช่นกัน”

จากนั้นเขาแอบบอกฮูหยินจ้าวเกี่ยวกับข่าวที่กำลังแพร่อย่างลับ ๆ ในช่วงเวลานี้

เมื่อฮูหยินจ้าวได้ยินสิ่งนี้ นางอ้าปากค้างเป็นเวลานาน “นายท่าน เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ”

สีหน้าของนางดูไม่เชื่อ

ฮูหยินเจียงเปลือยกายต่อหน้าทุกคนอย่างคุมสติไม่อยู่

เมื่อมองไปที่ท่าทางที่มั่นใจของจ้าวสวิ่น ฮูหยินจ้าวก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ผิดแน่ แต่ฮูหยินเจียงคุมสติไม่อยู่แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับกู้เสี่ยวหวานกัน?

“จะไม่มีความเกี่ยวข้องได้อย่างไร ข้าได้ยินมาว่า เดิมทีกลอุบายนี้ถูกใช้กับกู้เสี่ยวหวาน นางต้องการทำให้กู้เสี่ยวหวานอับอายต่อหน้าทุกคน จากนั้นจึงจะให้กู้เสี่ยวหวานแต่งงานเข้าตระกูลเจียง” จ้าวสวิ่นถอนหายใจ

ตระกูลเจียงทำทุกอย่างที่ทำได้จริง ๆ

แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเจียง ดังนั้นฮูหยินเจียงจึงใช้วิธีน่าอายนี้เพื่อข่มเหงนาง

โชคดีที่เสี้ยนจู่ฉลาดพอที่จะมองทะลุแผนของพวกนาง ดังนั้นจึงไม่ตกหลุมพลาง

ฮูหยินจ้าวถอนหายใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลเจียงดำเนินไปอย่างราบรื่นและพวกเขาก็หยิ่งยโสเกินไป ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาทำสิ่งนี้ คนชั่วย่อมได้รับผลกรรมชั่ว”

“อย่าดูถูกเสี้ยนจู่ไป ผู้คนรอบตัวนางล้วนมีฝีมือดี” จ้าวสวิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเป็นการดีกว่าที่จะเตือนฮูหยินจ้าว “เจ้าอย่าคิดแสดงเล่ห์เหลี่ยมากเกินไป เกรงว่าเมื่อถึงเวลา ตระกูลจ้าวของเราจะไม่สามารถรับมือได้”

เมื่อเห็นความจริงจังของจ้าวสวิ่น ฮูหยินจ้าวก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย เดิมทีนางทีแผนการในใจ แต่หลังจากคิดดูแล้ว นางก็ระงับมันและไม่กล้าคิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป

กู้เสี่ยวหวานมีความสำคัญ แต่ตระกูลจ้าวสำคัญยิ่งกว่า

ถ้าไม่สามารถไต่ขึ้นระดับที่สูงขึ้นได้ แต่เพียงสามารถปกป้องตระกูลจ้าวในปัจจุบันได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว

หลังจากข่มขู่จนจ้าวจื่อชงออกไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พาอาจั่วกลับบ้าน

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานพาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมา ทุกคนต่างเกิดความสงสัยเล็กน้อย