ตอนที่ 263-2 พี่ซิวลงมือ ความจริงของแผ่นดินไหว
หลังจากสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งออกจากห้องประชุมในปราสาทเฮ่อหลัน นางก็กลับตำหนักธิดาเทพทันที บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใดระหว่างทางกลับ นิ้วมือจึงเจ็บแปลบนิดๆ มาตลอด
หลังจากเข้ามาตำหนักด้านใน สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็เข้ามาต้อนรับอย่างเริงร่า แม้พวกนางไม่ได้ไปปราสาทเฮ่อหลันแต่ก็ได้ยินข่าวมาจากด้านนอก ยามนี้มีชาวเผ่าที่โกรธแค้นกลุ่มใหญ่ชุมนุมแน่นขนัดอยู่นอกปราสาทเฮ่อหลัน หนนี้เกรงว่าแม้แต่เทพเซียนก็ช่วยพวกนางไม่ได้แล้ว!
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามถามอย่างตื่นเต้นยินดี “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกผู้อาวุโสว่าอย่างไรบ้าง พวกผู้นำเล่าว่าอย่างไร”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งถอดผ้าคลุมกันลมส่งให้หญิงรับใช้ด้านข้าง หลังจากนั้นจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้อย่างอ้อยอิ่ง ความยินดีปรีดาล้นออกมาผ่านน้ำเสียงและสีหน้า “ยังจะพูดอะไรได้อีกเล่า อย่างแรกต้องหาต้นกำเนิดแผ่นดินไหวกับช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือรอเหอจั๋วร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้วค่อยหารือกัน”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สี่เอ่ยอย่างกังวล “ต้องรอเหอจั๋วฟื้นกลับมาแข็งแรงจริงหรือ หากว่าเหอจั๋วเขา…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งยิ้มหยัน “ผู้ใดบอกว่าจะต้องรอเขากลับมาแข็งแรงเล่า นี่ไม่ใช่เรื่องในครอบครัวของเหอจั๋วแล้ว เรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของผู้คนทั้งเกาะ เหอจั๋วจะออกคำสั่งหรือไม่ ช้าเร็วก็ต้องไล่สองแม่ลูกคู่นั้นออกไปอยู่ดี”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามกระหยิ่มยิ้มย่อง “ข้าจำได้ว่าหลายร้อยปีก่อน ตระกูลอวี่เหวินถูกขับออกจากตำแหน่งเหอจั๋วก็เพราะเข่นฆ่าประชาชนบนเกาะตามอำเภอใจจนทำให้ผู้คนทั้งเกาะโกรธเกรี้ยว ผู้นำแปดตระกูลกับสำนักผู้อาวุโสจึงเห็นพ้องต้องกันออกคำสั่งขับไล่ตระกูลอวี่เหวิน นับจากนั้นเป็นต้นมา ตระกูลเฮ่อหลันจึงขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าเผ่าภายใต้การผลักดันของตำหนักธิดาเทพของพวกเรา ยามนั้นปลดตระกูลอวี่เหวินออกจากตำแหน่งได้ วันนี้ก็ปลดตระกูลเฮ่อหลันออกจากตำแหน่งได้เหมือนกัน! ตำแหน่งเหอจั๋วเสมือนสายน้ำ ตำหนักธิดาเทพเสมือนเหล็กกล้า อำนาจในเผ่าถ่าน่า ช้าเร็วย่อมอยู่ในกำมือของพวกเรา!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สี่หัวเราะฮ่าๆ “แผ่นดินไหวหนนี้มาได้จังหวะเหลือเกิน พวกนางแม่ลูกล่วงเกินเทพเจ้า คนทั้งเกาะล้วนต้องการขับไล่พวกนางออกไป ตอนนี้สำนักผู้อาวุโสกับพวกผู้นำตระกูลยังบอกได้ไม่แน่ แต่ขอเพียงชาวเกาะกลุ่มนั้นก่อเรื่องให้เหลือจะทนสักหน่อย นิสัยอย่างเฮ่อหลันชิง พวกท่านว่านางจะกล้ำกลืนโทสะหนนี้ได้หรือไม่”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่ห้าพยักหน้า “ขอเพียงนางเปิดฉากเข่นฆ่าผู้คน พวกเราก็จะเรียกประชุมสำนักผู้อาวุโสกับผู้นำทั้งแปด บีบบังคับให้ปลดนางออกจากตำแหน่งจั๋วหม่าได้ทันที!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หกกลับครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ข้ากลัวก็แต่..นางจะไม่ลงมือ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามเสียดสี “นี่จะยากอะไรเล่า นางเป็นจั๋วหม่า เรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องให้นางลงแรงกระทำเองด้วยหรือ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หกหันไปมองนางอย่างไม่เข้าใจ “สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามหมายความว่า…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามจดจำความแค้นที่นางสังหารศิษย์สามสิบกว่าคนของตนอยู่ตลอด ความแค้นลุกโชนในดวงตา “ปลอมตัวเป็นองครักษ์สองสามคนจะยากอะไร เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง ศิษย์พี่ทั้งหลายวางใจเถิด หนนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่พลาดอีกแล้ว”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งพยักหน้า สายตากวาดมองรอบด้านแล้วถามขึ้นว่า “ชิงหงเล่า”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หกนึกทบทวนดู “หลังจากแผ่นดินไหวก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด”
นอกประตู ศิษย์หญิงนางหนึ่งรายงานว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับลำดับหนึ่ง ศิษย์พี่ชิงหงกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่งจึงบอกว่า “ให้นางเข้ามา”
อี้เชียนอินเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย เขามองสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กันเต็มห้อง หนังตากระตุกอย่างรุนแรง นางปีศาจเฒ่ามากมายเช่นนี้ มิน่าถึงได้กลิ่นปีศาจโชยมาตั้งแต่อยู่นอกประตู!
“เมื่อครู่เจ้าไปที่ใดมา” สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งถามเสียงเข้ม
อี้เชียนอินประสานมือคารวะ “ตอบท่านอาจารย์ เมื่อครู่ข้าไปค้นหานายน้อยตระกูลจีเจ้าค่ะ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “หอศิลาถล่มลงมา ไม่แน่เขาอาจถูกทับตายอยู่ด้านใน ไม่จำเป็นต้องตามหาเขาแล้ว ยามนี้เกิดแผ่นดินไหว ไม่จำเป็นต้องใช้เขาข่มขู่จั๋วหม่าน้อยอีกต่อไป”
อี้เชียนอินตอบรับ “เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”
เจ้าสิถูกทับตายอยู่ด้านใน! ทั้งครอบครัวของเจ้าถูกทับตายอยู่ด้านในกันหมด!
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งถอนหายใจ “สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามจะพาคนปลอมตัวเป็นองครักษ์ของเฮ่อหลันชิง ข้าไม่วางใจอยู่บ้าง เจ้าไปด้วยกันกับนางเถิด อาจารย์อาสามของเจ้าคนนี้คุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ อย่าปล่อยให้นางก่อเรื่องอะไรขึ้นมา”
นางแก่หนังเหนียว คิดจะปลอมตัวเป็นองครักษ์ของพี่เฮ่อหลัน! ทำไมเจ้าไม่ลอยขึ้นฟ้าไปเลยเล่า
รอข้าก่อนเถอะ คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!
อี้เชียนอินตอบรับอย่างหนักแน่น “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ข้าจะคอยจับตาดูอาจารย์อาสามไว้ให้ดี!”
“อืม” สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งสั่งสั้นๆ อีกสองสามประโยคก็ให้นางรีบไป
อี้เชียนอินไล่ตามพวกสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามไป สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามทราบว่าเขาเป็น ‘ผู้ช่วย’ ที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่งส่งมา ปากไม่กล่าวอันใด แต่ในใจไม่พอใจนัก สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่งไม่ใช่ว่ากลัวคนของนางไม่พอ แต่กลัวว่านางจะคุมอารมณ์ไม่ได้จนทำให้เสียเรื่อง
ในสายตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่ง ศิษย์น้องคนนี้ยังพึ่งได้ไม่เท่าศิษย์รุ่นหลังคนหนึ่ง!
อี้เชียนอินเห็นสีหน้าบึ้งตึงของนางก็ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “อาจารย์อา ท่านอย่าถือโทษอาจารย์ของข้าเลย ผู้ใดให้ท่านล่วงเกินท่านอาจารย์เล่า”
“ข้าล่วงเกินนางอย่างไร” สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
อี้เชียนอินตอบว่า “ท่านเอายาที่จะใช้กับจั๋วหม่าน้อยไปวางยานาง เรื่องนี้นางยังไม่เรียกท่านไปลงโทษเลยนี่!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย”
อี้เชียนอินตอบอย่างจนปัญญา “แต่อาจารย์ของข้าไม่คิดเช่นนั้นน่ะสิ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามมุ่นคิ้ว “นาง…นางสงสัยว่าข้าจงใจหรือ”
อี้เชียนอินยิ้มอย่างลำบากใจ
นางแก่หนังเหนียว ข้าจะให้พวกเจ้าสองคนทะเลาะกันเอง!
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ข้าติดตามนางมาหลายปี นางกลับสงสัยข้าเพราะความผิดพลาดเล็กน้อยเท่านี้หรือ”
อี้เชียนอินลูบจมูก “ใช่แล้ว กล่าวตามตรง หนนี้แม้แต่ข้าก็รู้สึกว่าท่านอาจารย์ทำเกินไปแล้ว ทั้งตำหนักผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าอาจารย์อาสามนิสัยดีที่สุด เที่ยงตรงที่สุด ประจบประแจงไม่เป็นที่สุด!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามถูกชมจนตัวจะลอย “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ผู้ใดจะประจบเก่งอย่างอาจารย์อาสี่กับอาจารย์อาห้าของเจ้าเล่า”
อี้เชียนอินฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “คนที่ข้านับถือที่สุด นอกจากอาจารย์ของข้าก็คืออาจารย์อาสาม อาจารย์อาสามรูปโฉมงดงาม วรยุทธ์ล้ำเลิศ นิสัยก็เที่ยงตรง ทั้งยังปกป้องดูแลเหล่าศิษย์ ไม่เหมือนท่านอาจารย์ของข้าส่งพวกเราไปเผชิญลมเผชิญฝน เสร็จเรื่องก็ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยชมสักคำ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามลูบดวงหน้างามปานบุปผาของตนแล้วยิ้มจางๆ “อาจารย์ของเจ้าชอบติชอบติง แล้วยังขี้ระแวงอย่างยิ่ง”
อี้เชียนอินตอบอย่างเห็นด้วยยิ่งนัก “อาจารย์อาท่านกล่าวถูกต้องอย่างยิ่ง! บางครั้งข้าก็อยากให้ท่านเป็นอาจารย์ของข้าเสียจริง!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามถูกชมจนเหมือนมีดอกไม้บานในหัวใจ นางยิ้มอย่างลำพอง ตอบว่า “ตอนที่เจ้าเพิ่งมา ข้าก็ถูกใจเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว แต่อาจารย์ของเจ้าก็ถูกใจเจ้าเหมือนกัน ข้าไม่สะดวกจะแย่งชิงคนกับนางถึงปล่อยเจ้าให้นางไป ไม่เช่นนั้นพรสวรรค์อย่างเจ้า…ข้าไม่ได้โม้หรอกนะ คนผู้หนึ่งจะสั่งสอนวรยุทธ์ได้ดีหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าวรยุทธ์ของตัวนางเองสูงส่งหรือไม่เสมอไป แม้วรยุทธ์ของข้าจะสูงส่งสู้อาจารย์ของเจ้าไม่ได้ แต่เรื่องการสั่งสอนศิษย์ ข้าก็มีเคล็ดลับของตัวข้าเอง หากเจ้าติดตามข้า รับรองว่าต้องประสบความสำเร็จมากกว่ายามนี้แน่”
“นั่นน่ะสิ อาจารย์อา! ท่านว่าเหตุใดท่านจึงไม่ใช่อาจารย์ของข้ากันนะ” อี้เชียนอินจับแขนเสื้อของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามแล้วออดอ้อน
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามยิ้มปากไม่หุบ “เจ้าเด็กคนนี้ ปากหวานนัก! พอแล้ว วันหน้าหากว่างก็มานั่งเล่นที่ห้องของข้า ข้าจะสั่งสอนวิชาเจ้าสักสองสามกระบวนท่า อย่าให้อาจารย์ของเจ้ารู้ก็พอ”
อี้เชียนอินดวงตาเป็นประกาย “ท่านอย่ารอวันหลังเลย ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก ท่านสอนข้าตอนนี้เลยเถิด!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สาม “ตอนนี้หรือ ไม่ได้ ตอนนี้กำลังทำเรื่องสำคัญอยู่”
“ไม่ล่าช้าหรอกเจ้าค่ะ ท่านเดินไปพลางก็สอนไปด้วย ข้าจะคอยฟัง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามไม่ถูกคนชมเช่นนี้มานานแล้ว แล้วคนที่ชมนางยังเป็นศิษย์เอกของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งอีก จะบอกว่าไม่รู้สึกลำพองก็คงโกหกแล้ว คนเราเวลาลำพองมักจะลืมตัวได้ง่าย ดวงตางามของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามกลอกไปมาแล้วโยนกระบี่ให้ศิษย์ที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าคอยดู ข้าจะสาธิตให้ดูเพียงรอบเดียว”
อี้เชียนอินจ้องไม่กะพริบตา “อาจารย์อาสามเชิญ!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามใช้วิชาฝ่ามืออันงดงามชุดหนึ่งออกมา วิชาฝ่ามือทั้งชุดมีเพียงสามกระบวนท่า สองกระบวนท่าแรกคือการป้องกัน กระบวนท่าสุดท้ายคือการโจมตี ดูอ่อนช้อยดุจกิ่งหลิว ทว่าความจริงแข็งกร้าว จัดเป็นสุดยอดวิชาใช้อ่อนสยบแข็ง
อี้เชียนอินนึกถึงตอนที่เฉียวเวยผู้มีพละกำลังมหาศาลถูกศิษย์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามพัวพันจนไม่มีช่องว่างให้สวนกลับ ที่แท้ก็ใช้วิชาฝ่ามือชนิดนี้นี่เอง
“เข้าใจหรือไม่” สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามถาม
ลูกตาของอี้เชียนอินขยับ “เร็วเกินไปแล้ว สาธิตอีกรอบได้หรือไม่”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามรับกระบี่เล่มงามกลับมา นางหัวเราะ “อยากเรียนหรือ วันหน้าก็แล้วกัน”
วันหน้าบ้านเจ้าสิ!
คนทั้งกลุ่มควบอาชาออกจากเมืองถ่าน่า อี้เชียนอินนั่งอยู่บนหลังม้า มองสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามผู้ควบอาชาเร็วดั่งลมกรด แล้วตะโกนเสียงดัง “อาจารย์อาสาม นี่ท่านตั้งใจจะไปที่ใด”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามสะบัดแส้ม้า “เดี๋ยวเจ้าก็รู้!”
คนทั้งขบวนมาหยุดที่โรงตีเหล็กขนาดเล็กแห่งหนึ่งนอกเมือง โรงตีเหล็กไม่ได้เปิดกิจการอะไรอยู่ ศิษย์คนหนึ่งบุกเข้าไปด้านในแล้วหิ้วสัมภาระห่อใหญ่สองห่อออกมา อี้เชียนอินเปิดออกดู มันคือชุดเกราะสีดำสนิท ในเผ่าถ่าน่ามีเพียงทหารม้าเหล็กของเฮ่อหลันถึงจะสวมชุดเกราะสีนี้ แม้วัสดุจะด้อยกว่ากันมาก สัญลักษณ์ก็แตกต่างกัน แต่ใช้หลอกลวงชาวบ้านบนเกาะเหล่านั้นย่อมเพียงพอแล้ว
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามมองอี้เชียนอิน “ชักช้าทำอะไร รีบเปลี่ยนชุดสิ!”
อีกด้านหนึ่ง ศิษย์ทั้งหลายสวมชุดเกราะเสร็จเรียบร้อย หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมแล้ว
อี้เชียนอินสวมหมวกเกราะอย่างละล้าละลัง เอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์อาสาม พวกเราทำเช่นนี้ไม่ค่อยดีหรือไม่ หากถูกคนจับได้ พวกเราก็ถูกเปิดโปงกันพอดี!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามตอบอย่างไม่ใส่ใจ “จะถูกคนจับได้ได้อย่างไรเล่า ที่นี่อยู่พ้นอาณาเขตของเฮ่อหลันชิงแล้ว อีกทั้งพวกเราไม่ได้ไปสู้ซึ่งหน้ากับกองทหาร ผู้ใดจะจับพวกเราได้”
อี้เชียนอินถามอย่างลังเล “สังหารคนบริสุทธิ์เหล่านั้นจะดีจริงหรือ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามสวมหน้ากาก “ได้สละชีวิตเพื่อการใหญ่ของตำหนักธิดาเทพเป็นเกียรติยศของพวกเขา”
ถุย!
อี้เชียนอินกวาดสายตามองนางอย่างเย็นชา รีๆ รอๆ ไม่ยอมใส่ชุดเกราะ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นอะไร”
“ข้า…ข้าปวดท้อง!” อี้เชียนอินกุมท้อง ทำหน้าเจ็บปวด “เหมือนกินอะไรเข้าไปแล้วท้องเสีย อาจารย์อากับศิษย์น้องทั้งหลาย รอข้าหน่อยได้หรือไม่ ข้าไปถ่ายท้องสักครู่!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ไปเถิดๆ!”
“ขอบคุณอาจารย์อา!”
อี้เชียนอินค้อมกาย เดินโซเซเข้าไปในโรงตีเหล็ก
พวกสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามรออยู่ด้านนอกหนึ่งเค่อก็ไม่เห็นอี้เชียนอินออกมา จึงสั่งศิษย์คนหนึ่งด้านข้างว่า “เจ้าไปดูซิ”
“เจ้าค่ะ!” ศิษย์หญิงพลิกกายลงจากม้าเดินเข้าไปในโรงตีเหล็ก
ไม่นานภายในโรงตีเหล็กก็มีเสียงศิษย์หญิงกรีดร้อง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
ศิษย์อีกสองคนเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ พวกเราจะไปดูเอง!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามโบกมือให้ทั้งสองคนไป
ศิษย์ทั้งสองคนลงจากม้าแล้วเดินเข้าไปในโรงตีเหล็ก หนนี้กลับไม่มีเสียงกรีดร้องดังออกมา ไม่มีเสียงอื่นๆ ออกมาด้วย
มือของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามกุมกระบี่คู่กายตรงข้างเอว ข้างกายนางเหลือศิษย์คนสุดท้ายแล้ว ศิษย์ผู้นั้นคิดจะเข้าไปดูให้รู้ชัด แต่ถูกนางห้ามไว้ “เจ้ารออยู่ตรงนี้”
“เจ้าค่ะ! ท่านอาจารย์!”
ศิษย์คนสุดท้ายขานรับ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามชักกระบี่ เดินเข้าไปในโรงตีเหล็กอย่างระมัดระวัง เถ้าแก่ของโรงตีเหล็กสลบอยู่บนพื้น นางเดินเข้าไปที่เรือนด้านหลังอย่างช้าๆ ในลานเรือนศิษย์หญิงสามนางฟุบอยู่บนพุ่มไม้ ไม่ได้สติ อี้เชียนอินนั่งอยู่บนพื้นหลังพิงพุ่มไม้ หน้าอกมีมีดสั้นเล่มหนึ่งปักอยู่ โลหิตแดงฉานไหลย้อมเสื้อผ้าของเขา ปากกระอักโลหิตคำใหญ่ออกมาคำแล้วคำเล่า
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามสาวเท้าเข้าไปนั่งยองๆ ประคองอี้เชียนอิน “ชิงหง! ชิงหงเจ้าเป็นอะไรไป”
อี้เชียนอินกระอักเลือดสีดำคำโตออกมาดังอ๊อกอีกคำ แล้วยกมืออันสั่นเทาชี้ไปด้านหลังของนาง “ระ…ระ…วัง…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามแววตาวูบไหว นางลุกพรวดหันหลังกลับมาเหวี่ยงกระบี่ฟัน ทว่าด้านหลังนางไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น นางตระหนักได้ถึงความผิดปกติในทันที สองหูได้ยินเสียงขยับ ร่างกายจึงเบี่ยงหลบ!
มีดสั้นของอี้เชียนอินวาดเฉียดหัวไหล่ของนางไป ปลายคมกรีดเสื้อผ้าของนางจนขาด ผิวขาวผ่องของนางถูกบาดเป็นแผลสีแดงสดเส้นหนึ่ง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามมองบาดแผลบนไหล่ของตนเอง แล้วหันไปมองอี้เชียนอิน “เจ้าไม่ใช่ชิงหง!”
นางปีศาจเฒ่า รู้ตัวเร็วเช่นนี้เชียว!
อี้เชียนอินไม่โต้เถียงกับนาง เขาเหวี่ยงกระบี่ในมือฟันอีกฝ่าย!
หลังจากกินผลสองภพเข้าไป กำลังภายในของเขาก็เพิ่มพุนขึ้นมาก เขาจัดการศิษย์ของตำหนักธิดาเทพได้อย่างไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อย แต่เขาประเมินพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายต่ำเกินไป วรยุทธ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามแข็งแกร่งกว่าชิงหงมากกว่าสองเท่า อี้เชียนอินจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้อย่างไรเล่า
สู้กันได้สิบกว่ากระบวนท่า อี้เชียนอินก็เริ่มรับมือไม่ไหว