ตอนที่ 1052 ความกล้าหาญ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1052 ความกล้าหาญ

เซียวหรงเหยี่ยนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างละเอียด…

วันนั้นมู่หรงลี่คุกเข่าลงตรงหน้าเซียวหรงเหยี่ยน กล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนว่า

“บัดนี้พี่สาวไป๋ตั้งครรภ์บุตรของท่านอาเก้า เด็กคนนั้นคือสายเลือดของราชวงศ์ต้าโจวและต้าเยี่ยน! คือสายเลือดของท่านอาเก้า ท่านอาเก้าเป็นคนมอบบัลลังก์นี้ให้อาลี่ อาลี่คิดมาโดยตลอดว่าจะคืนบัลลังก์นี้ให้แก่ทายาทของท่านอาเก้า ทว่า อาลี่ทราบดีว่าท่านอาเก้ารักพี่สาวไป๋มาก แต่พี่สาวไป๋มีทายาทได้ยาก อาลี่กังวลเรื่องนี้อยู่นานเลยขอรับ”

ในสายตาของมู่หรงลี่ เสด็จพ่อของเขายกบัลลังก์นี้ให้แก่ท่านอาเก้า ทว่า ท่านอาเก้ากลับยกบัลลังก์นี้ต่อให้เขา อีกทั้งยอมเป็นคนเลวในสายตาของคนต้าเยี่ยนเพื่อให้เขาได้เป็นจักรพรรดิที่ดี ท่านอาเก้าเสียสละทุกอย่างเพื่อแคว้นต้าเยี่ยน มู่หรงลี่ที่มีหัวใจบริสุทธิ์ผู้นี้ยินยอมแคว้นต้าเยี่ยนที่แข็งแกร่งแคว้นนี้คืนให้แก่ทายาทของอาเก้าของเขา

“อาลี่คิดว่าการที่พี่สาวไป๋ตั้งครรภ์ในตอนนี้เป็นเพราะสวรรค์กำลังชี้ทางสว่างให้พวกเราทั้งสองแคว้น ดังนั้นอาลี่เห็นด้วยกับวิธีการรวบรวมสองแคว้นให้เป็นของหนึ่งพี่สาวไป๋ที่นางบอกกับท่านอาเก้า วันหน้าทายาทของพี่สาวไป๋และท่านอาเก้าจะได้ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์นั้นแทนขอรับ”

แม้อาลี่จะอายุยังน้อย ทว่า ความใจกว้างของเขามากกว่าเซียวหรงเหยี่ยนมากนัก

มู่หรงลี่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวถูกต้อง ตระกูลมู่หรงไม่ได้เป็นคนของราชวงศ์มาตั้งแต่แรก พวกเขาแย่งบัลลังก์นี้มาจากผู้อื่นอีกทอดเช่นเดียวกัน

แม้ต้าเยี่ยนในตอนนี้อยากขึ้นเป็นใหญ่เหนือทุกแคว้นเพื่อสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ทว่า พวกเขาอยากเห็นใต้หล้าสงบสุข ชาวบ้านมีแต่สันติสุขเช่นเดียวกัน

สายตาบริสุทธิ์ของมู่หรงลี่มองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง

“หากสองแคว้นสามารถตัดสินแพ้ชนะกันได้ด้วยระบอบการปกครอง สองแคว้นรวมเป็นหนึ่งได้โดยที่ชาวบ้านไม่ต้องเดือดร้อนเพราะสงคราม สิ่งนี้จะเป็นที่กล่าวขานไปอีกนานนับพันปีขอรับ ไม่เคยมีจักรพรรดิองค์ใดมีใจกว้างขวางและเมตตาเช่นนี้มาก่อน หากต้าโจวและต้าเยี่ยนเริ่มต้นเป็นคนแรก วันหน้าต้องได้รับความชื่นชมจากคนรุ่นหลัง ตระกูลมู่หรงจะถูกจดจำเพราะความกล้าหาญในครั้งนี้ขอรับ!”

“ท่านอาเก้า ใต้หล้าแห่งนี้ไม่ใช่ของผู้ใดเพียงตระกูลเดียว พวกเราจะทราบได้อย่างไรขอรับว่าวันหน้าจะไม่มีผู้อื่นเข้าแทนที่ตระกูลมู่หรงของเรา” มู่หรงลี่มองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยสีหน้าจริงจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทว่า หากสองแคว้นยอมรวมเป็นหนึ่งเพื่อความมั่งคั่งของชาวบ้าน สถาปนาแคว้นใหม่ร่วมกันขึ้นมา ใหทายาทของท่านอาเก้าและจักรพรรดินีแห่งต้าโจวขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ แคว้นได้รับการปกป้องจากชาวบ้านทั้งหลาย แคว้นต้องไปได้ไกลกว่าเดิม สันติสุขจะคงอยู่สืบไป ชาวบ้านจะจดจำได้ว่าจักรพรรดิของสองแคว้นยอมรวมเป็นหนึ่งเพื่อชาวบ้านขอรับ”

เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนได้ยินคำกล่าวของมู่หรงลี่ เขาจึงมองหลานชายคนนี้ของตัวเองใหม่

แม้มู่หรงลี่จะอายุยังน้อย ทว่า เขามีความใจกว้างและสายตาที่กว้างไกลยิ่งกว่าเขาในตอนนี้มากนักดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

บางที่อาจเป็นเพราะเซียวหรงเหยี่ยนแบกภาระคำว่า ‘ต้าเยี่ยน’ ไว้บนบ่าหนักเกินไป ชายหนุ่มเป็นต้าเยี่ยนเป็นดั่งครอบครัว เขาให้ความสำคัญกับมันมากจนไม่อาจสูญเสียไปได้

ทว่า มู่หรงลี่ใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงมาโดยตลอด มู่หรงลี่ได้รับอิทธิพลจากบันทึกของจีโฮ่วมากกว่าเซียวหรงเหยี่ยน เขาเห็นความลำบากของชาวบ้านแคว้นต้าเยี่ยนมาตั้งแต่เล็ก แม้เป็นองค์ชาย ทว่า เขาเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวบ้านมาก่อน เขาเคยเห็นว่าชาวบ้านต้าเยี่ยนต้องสูญเสียสิ่งใดไปบ้างเพื่อให้ต้าเยี่ยนดำรงอยู่ต่อไป ชาวบ้านเหล่านั้นเชื่อว่าต้าเยี่ยนจะให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้แก่พวกเขาได้!

มู่หรงลี่ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่เล็กว่าเขาจะทำให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนไม่กล่าวสิ่งใด มู่หรงลี่จึงกล่าวต่อ

“ท่านอาเก้า อาลี่มีความเชื่อมั่นว่าระบอบการปกครองของตระกูลมู่หรงแห่งต้าเยี่ยนของเราจะเอาชนะพี่สาวไป๋ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานได้แน่ขอรับ”

สายตาของมู่หรงลี่หนักแน่น

“ดังนั้นอาลี่ยินดีพนันกับพี่สาวไป๋ขอรับ”

หากต้าเยี่ยนชนะ เช่นนั้นวันหน้าต้าโจวจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของต้าเยี่ยน บัลลังก์แห่งนี้จะตกเป็นของทายาทของท่านอาเก้าและอาสะใภ้เก้า เช่นนี้ขุนนางของต้าโจวคงไม่คัดค้านแน่นอน

เซียวหรงเหยี่ยนเห็นท่าทีมั่นใจของมู่หรงลี่จึงกล่าวขึ้น

“อาลี่ การมีความมั่นใจคือเรื่องที่ดี ทว่า เพราะไป๋ชิงเหยียนเพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ดังนั้นนางจึงตั้งใจมากกว่าผู้ใดทั้งหมด ที่สำคัญใจที่รักและปกป้องชาวบ้านของคนตระกูลไป๋ฝังลึกอยู่ในกระดูกของพวกเขา ระบอบการปกครองใหม่ของต้าโจวจะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวบ้านเป็นหลัก เจ้าเข้าใจเรื่องนี้ใช่หรือไม่”

“ข้าเข้าใจดีขอรับ เข้าใจในคุณธรรมของตระกูลไป๋ ยิ่งเข้าใจดีว่าพี่สาวไป๋…”

น้ำเสียงของมู่หรงลี่ชะงักไปเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยนจากนั้นกล่าวแก้คำยิ้มๆ

“เข้าใจดีว่าท่านอาสะใภ้เก้ารักและห่วงใยชาวบ้านมากเพียงใด ทว่า จากที่ข้าอ่านบันทึกที่ท่านย่าทิ้งไว้ ข้าเห็นด้วยว่าบันทึกของท่านย่าล้ำหน้าเกินกว่ายุคสมัยนี้ มันไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้ในตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับต้าเยี่ยนขอรับ”

“ดังนั้นหากการปกครองระบอบใหม่ของต้าโจวทำให้ชาวบ้านมั่งคั่งและแคว้นแข็งแกร่งขึ้นมาจริงๆ จึงถือเป็นเรื่องดีสำหรับชาวบ้านแคว้นต้าเยี่ยนและต้าโจว” มู่หรงลี่กล่าวอย่างจริงใจ “อาลี่ยอมแพ้อย่างเต็มใจขอรับ ไม่ว่าอย่างไรผู้ที่ได้ประโยชน์ล้วนเป็นชาวบ้านอยู่ดีขอรับ”

ตั้งแต่ที่คุยกับมู่หรงลี่ในวันนั้น เซียวหรงเหยี่ยนไตร่ตรองเรื่องนี้มาโดยตลอด ชายหนุ่มมาต้าโจวในครั้งนี้เพราะต้องการสนทนาเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียนอย่างลึกซึ้ง

ไป๋ชิงเหยียนมองมู่หรงลี่ผิดไป นางไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิที่อายุน้อยและเกิดในราชวงศ์อย่างมู่หรงลี่จะยอมยุติสงครามเพื่อความสงบสุขของชาวบ้านเช่นนี้

ไป๋ชิงเหยียนก้มมองดูท้องของตัวเอง จากนั้นเอ่ยถามเซียวหรงเหยี่ยน “ท่านมาที่นี่เพื่อต้องการคุยเรื่องนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ”

เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า “เสี่ยวอาลี่มั่นใจในการปกครองของต้าเยี่ยน อักทั้งเป็นห่วงชาวบ้าน…”

อีกเหตุผลก็คือวันหน้ามู่หรงลี่ต้องการยกบัลลังก์คืนให้ทายาทของเซียวหรงเหยี่ยน

“ดังนั้นข้าจึงคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ อาเป่าลองฟังดู…”

เซียวหรงเหยี่ยนนั่งลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน มือที่กุมหญิงสาวไว้บีบมือของหญิงสาวเบาๆ

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

“ต้าโจวและต้าเยี่ยนหาวันเจรจาทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน จักรพรรดินีแห่งต้าโจวพาขุนนางคนสำคัญของราชสำนักร่วมหารือกับขุนนางที่จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพาไป กำหนดระยะเวลาการแข่งขันว่าภายในกี่ปีแคว้นใดจะทำให้ชาวบ้านมั่งคั่งและแคว้นแข็งแกร่งได้ก่อนกัน” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างจริงจัง

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเช่นนี้ ใจของหญิงสาวจึงเต้นรัวขึ้นอย่างคุมไม่อยู่ นางไม่คิดเลยว่ามู่หรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่จะตัดสินใจเช่นนี้

“ทว่า ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ของต้าเยี่ยนจะเห็นด้วยหรือ เมื่อเสนอเรื่องนี้ออกไป ขุนนางราชสำนักต้าเยี่ยนต้องคัดค้านอย่างหนักแน่ บางทีอาจทำให้แคว้นต้าเยี่ยนสั่นคลอน ต้าโจวก็เช่นเดียวกัน!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ตอนแรกไป๋ชิงเหยียนตั้งใจว่าเมื่อสถานการณ์ของทั้งสองแคว้นมั่นคงแล้ว ค่อยเจรจาเรื่องนี้กัน ทว่า ความหมายของเซียวหรงเหยี่ยนคือต้องการกำหนดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจในสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนเป็นกังวล

“ดังนั้นพวกเราจึงต้องแสดงละครร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นต้าเยี่ยนหรือต้าโจว หากสามารถยึดครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่อีกแคว้นได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ จักรพรรดิย่อมหวั่นไหวกับข้อเสนอนี้แน่นอน”