บทที่ 1069 กระหน่ำตีหลิวเทียนฉือ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1069 กระหน่ำตีหลิวเทียนฉือ

บทที่ 1069 กระหน่ำตีหลิวเทียนฉือ

หลิวฉงหร่านไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นว่าบุตรสาวคนเดียวของเขาสวยวันสวยคืน ในใจก็เริ่มมีความหมายอื่น

เขาพยายามจะบอกฮูหยินหลิว เมื่อฮูหยินหลิวได้ยิน แน่นอนว่านางย่อมไม่เห็นด้วย ทำไมนางถึงต้องยกบุตรสาวของอนุภรรยาขึ้นมาอยู่ภายใต้ชื่อของนางให้เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด

เลี้ยงมาแบบนี้จริง ๆ ถ้าแม่ผู้ให้กำเนิดก็อยู่ที่นี่ แล้วแม่ที่เลี้ยงหลิวเทียนฉือมาอย่างนางจะทำอย่างไร

ฮูหยินหลิวไม่ยอม

แม้ว่าหลิวฉงหร่านจะชอบหญิงคนนั้น แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าความสำเร็จของเขาเป็นไปได้ด้วยการสนับสนุนของฮูหยินหลิวเท่านั้น เขาไม่กล้าที่จะรุกรานตระกูลเหมาหรือฮูหยินหลิว ดังนั้นเขาจึงปล่อยเรื่องนี้ไป

คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งปี สุขภาพของมารดาของหลิวเทียนฉือก็แย่ลงเรื่อย ๆ

ใบหน้าของนางค่อย ๆ เหี่ยวลงและร่างกายก็ทรุดโทรม ความสนใจของหลิวฉงหร่านจึงเบนกลับไปหาฮูหยินหลิว และมีเพียงความรักใคร่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยให้หญิงคนนั้น

กินดี อยู่ดี มียาดี แต่สุดท้ายร่างกายของนางก็ไม่ดีขึ้น และอีกหนึ่งปีให้หลังนางก็จากไป

เมื่อหญิงคนนั้นสิ้นลม หลิวเทียนฉือจึงกำพร้าแม่ จึงต้องได้รับการเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของฮูหยินหลิว

ตอนนี้ฮูหยินหลิวไม่สามารถพูดอะไรได้ และทำได้เพียงยอมรับ

ตั้งแต่นั้นมา หลิวเทียนฉือผู้นี้ได้กลายเป็นบุตรสาวที่สง่างามของตระกูลหลิว และนางยังติดตามฮูหยินหลิวไปในสถานที่ต่าง ๆ

ด้วยท่าทางที่น่าสมเพชในตอนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าหลิวฉงหร่านจะทำกับหลิวเทียนฉืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าเป็นบุตรสาวคนเดียวของท่าน” หลิวเทียนฉือร้องไห้และตะโกน โดยหวังว่าจะได้รับการให้อภัยจากหลิวฉงหร่าน

หลิวฉงหร่านเห็นความลำบากใจของลูกสาวผู้นี้จึงเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย แต่คิดว่าลูกสาวผู้นี้โง่มากที่เขียนหลักฐานเกี่ยวกับตระกูลเจียงและส่งไปที่กรมคลัง โดยไม่คิดว่าหลิวฉงหร่านจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

หลิวฉงหร่านก้มศีรษะลง จากนั้นโน้มตัวและยื่นมือออกไปบีบคอของหลิวเทียนฉือ เขาคำรามอย่างดุร้าย “บอกมาว่าเจ้าเขียนอะไรลงไปในจดหมาย”

ความรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างกะทันหันทำให้ดวงตาที่อึดอัดของหลิวเทียนฉือมีหยดน้ำตา นางเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่ความเจ็บปวดที่คอของนางนั้นไม่มีอะไรเทียบได้กับความกลัวและความตื่นตระหนกที่ตามมา “ข้า ข้า…แค่ก แค่ก”

นางไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้ ใบหน้าของนางเปลี่ยนสีเนื่องจากหายใจลำบาก

เสี่ยวเถานอนอยู่บนพื้นโดยไม่ส่งเสียง นางได้สติแล้ว แต่หญิงที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งที่ประสบอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หญิงที่นางต้องปกป้องอย่างสุดใจอีกต่อไป

รับใช้มาสิบปีแต่ก็ยังไม่ได้ใจนาง มันก็แค่นั้น

หลิวเทียนฉือถูกบีบคอด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล นางไม่สามารถพูดอะไรได้

หลิวฉงหร่านปล่อยมือแล้วผลักนางไปด้านหลัง หลิวเทียนฉือจึงล้มลงกับพื้น

“บอกข้ามาว่าเจ้าเขียนอะไรลงไป ถ้าวันนี้เจ้าไม่พูด ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีบุตรสาวมาก่อน” หลิวฉงหร่านไม่ได้ล้อเล่น

เมื่อเทียบกับชีวิตการงานในอนาคตและบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยยา เขายอมเสียสละบุตรสาวคนนี้ดีกว่าปล่อยให้ความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้น

ในอดีต หลิวฉงหร่านเป็นเพียงบัณฑิตที่ยากจน เขาพยายามดิ้นรนมาทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มายืนในจุดสูงสุดอย่างทุกวันนี้

คนในบ้านเกิดไม่ได้ภูมิใจในตัวเขา

ทุกครั้งที่กลับบ้านไปก็เหมือนกับว่านั่นไม่ใช่บ้าน

ตระกูลหลิวได้กลายเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาตระกูลทั้งหมด

นี่คือสิ่งที่เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเขาเอง และเขาไม่สามารถรับความเสี่ยงนี้ได้

หลิวฉงหร่านจ้องมองลูกสาวที่ไร้ยางอายตรงหน้าเขาอย่างเดือดดาล เขาเคยคิดว่านางฉลาดและมีเหตุผล แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะคิดอะไรตื้น ๆ

หลิวเทียนฉือนะหลิวเทียนฉือ ทำไมเจ้าโง่เช่นนี้ ข้าตั้งความหวังกับเจ้าไว้สูงและหวังว่าการพึ่งพาเจ้าเพื่อให้เกี่ยวดองกับตระกูลเจียง ข้ากับตระกูลเจียงต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน แต่เจ้าก็ดันทำทั้งหมดพัง

หลิวเทียนฉือขัดขวางแผนการทั้งหมดของหลิวฉงหร่าน

หัวของเขาจะระเบิด

เขาเคยไม่ชอบบุตรสาวคนนี้เพราะว่านางไม่ได้เกิดมาเป็นบุตรชาย แต่ภายหลังเห็นว่านางโตมาดูดีก็เลยจำใจยอมรับ

ตอนนี้นางถูกเลี้ยงดูมาจนโตแล้ว นางยังคงเป็นบุตรสาวของเขาอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลิวเทียนฉือได้ทำสิ่งที่เป็นกบฏแล้ว หลิวฉงหร่านก็มีใจที่จะฆ่านาง

หลิวเทียนฉือเวียนหัวจากการถูกหลิวฉงหร่านทุบตีจนเกือบจะเป็นลมหมดสติ

แต่หลิวฉงหร่านจะไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ เขาเตะเพื่อเรียกสติของหลิวเทียนฉืออีกครั้ง

หลิวฉงหร่านคำราม

“เจ้าหาสาวใช้ต่ำต้อยผู้นั้นเจอหรือยัง” หลิวฉงหร่านถามพลางกัดฟัน

“ยังหาไม่เจอ คนใช้และสาวใช้ทั้งหมดในบ้านหลิวออกไปตามหามันแล้ว” ฮูหยินหลิวกังวลเช่นกันหากหาเสี่ยวเหอไม่พบ

เกรงว่าตระกูลหลิว…

เขาเสียใจมากกับสิ่งกีดขวางตรงหน้านี้

“เจ้าเขียนอะไรในจดหมาย” เมื่อเห็นว่าไม่พบสาวใช้ หลิวฉงหร่านจึงถามหลิวเทียนฉืออีกครั้ง

เขาจ้องมองที่หลิวเทียนฉืออย่างชั่วร้าย

หลิวเทียนฉือรู้สึกหวาดกลัวที่จะถูกทุบตีในตอนนี้ นางรู้ว่าหากครั้งนี้ไม่พูดอะไร หลิวฉงหร่านอาจจะทำร้ายนางอีกครั้ง นางรีบพูดด้วยเสียงสั่น “ข้าเพิ่งเขียนบางสิ่งเกี่ยวกับตระกูลเจียง”

“เกิดอะไรขึ้น” ดวงตาของหลิวฉงหร่านเบิกกว้าง

“แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” หลิวเทียนฉือไม่กล้าบอกความจริงและนางวางแผนว่าจะหนี

แต่ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง คนข้างนอกก็ตะโกนว่า “นายท่าน นายท่าน พบเสี่ยวเหอแล้ว”

จากนั้นก็เห็นคนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจากข้างนอก ถือบางอย่างไว้ในมือและยื่นให้หลิวฉงหร่านทันที “นายท่าน ข้าพบสิ่งนี้ในตัวของเสี่ยวเหอ”

“นางไปที่กรมคลังหรือไม่” หลิวฉงหร่านตัวสั่นด้วยความกลัว

“ไม่ เราพบนางอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”

ทันทีที่เขาได้ยินว่าจดหมายไม่ได้ถูกส่งไปยังกรมคลัง หลิวฉงหร่านก็ผ่อนคลายเหมือนได้รับการปลดปล่อย เขาโบกมือแล้วพูดว่า “พวกเจ้าลงไปก่อน”

——————————————————————–