War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2396
ตอนที่ 2,396 : เผ่าปีศาจ บุกภูมิภาคเบื้องบน!

“พะ…พี่สาวเค่อเอ๋อ ไฉนรวดเร็วนักเล่า! แม้แต่เงาข้ายังมองไม่เห็นเลยนะ!!”

หานเฉวี่ยไน่โพล่งออกมาอย่างตะลึงหลังดังสติกลับมาได้สำเร็จ

“อะไรนะ? เฉวี่ยไน่…กระทั่งเจ้ายังมิอาจมองตามความเร็วนางได้ทันอีกรึ!?”

และพอได้ยินคำของหานเฉวี่ยไน่ ผู้เฒ่าพยากรณ์ที่พึ่งฟื้นสติกลับมาข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งถามด้วยความตกใจ

มันยังกังวลใจอยู่เลย ว่าเค่อเอ๋อในฐานะภรรยาผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ อาจต้องประสบเภทภัยหลังเข้าไปในแดนลับเซียนกระบี่!

เพราะสุดท้ายแล้วในสายตาของมัน พลังฝึกปรือของเค่อเอ๋อก็ไม่น่าจะร้ายกาจอะไรมากมาย ต่อให้จะมิใช่ชั่วแต่อย่างไรก็ไม่น่าจะเกินเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยน!

ทว่าตอนนี้ดูเหมือนมันจะผิดแล้ว!

หานเฉวี่ยไน่ ผู้สืบทอดธุลีแดงอย่างไรก็มีพลังฝึกปรือถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน! แต่กระทั่งนางยังไม่อาจเห็นแม้แต่เงาของฮูหยินผู้นำ!!

เรื่องนี้หมายความว่าอะไร?

ต้องทราบด้ววยว่าต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนผู้แตกฉานจนสำนึกรู้ฟ้าดินถึงขีดจำกัด ความเร็วในการเคลื่อนไหวก็ยังไม่ถึงขั้นอันตรธานหายไปจากสายตาของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้อย่างไร้ร่องรอย!

‘เว้นเสียแต่…นางจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว!!’

จังหวะนี้ร่างชราของผู้เฒ่าพยากรณ์อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

เพราะมีเพียงแต่ตัวตนทรงพลังตั้งแต่ขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะมีความเร็วสูงพอจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตาเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!

“ข้าเอง ก็มิอาจจับการเคลื่อนไหวของพี่สาวเค่อเอ๋อได้เลย…”

และในขณะที่ผู้เฒ่าพยากรณ์กำลังตกตะลึงด้วยคิดว่าพลังฝึกปรือของเค่อเอ๋อสมควรบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้นเอง เฟิ่งเทียนหวู่ก็กล่าวออกมาอีกคน

จังหวะนี้ผู้เฒ่าพยากรณ์จึงกลับกลายเป็นไม่รู้เหนือใต้แล้ว!

ต้องทราบด้วยว่าใน 7 ทวาราเที่ยงแท้ตอนนี้ นอกจากต้วนหลิงเทียนที่พลังฝีมือกล้าแข็งสูงสุด ผู้ที่มีพลังรองลงมาก็คือศิษย์ส่วนตัวผู้สืบทอดความลับสวรรค์ของมัน กับเฟิ่งเทียนหวู่!

พลังฝึกปรือของทั้งคู่ ล้วนทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว!

ทว่าตอนนี้กระทั่งเฟิ่งเทียนหวู่ยังกล่าวออกมาอีกคน ว่าแม้แต่นางก็ไม่อาจจับการเคลื่อนไหวของ เค่อเอ๋อ ภรรยาต้วนหลิงเทียนผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ได้ทัน?

“บะ..บ้าน่า! บ้าไปแล้ว!!”

ครู่ต่อมาผู้เฒ่าพยากรณ์คล้ายสติเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ

“ความเร็วของนางสูงเกินไป แม้แต่ข้าเองก็จับการกระเพื่อมของฟ้าดินมิได้…กล่าวได้ว่าความเร็วในการเคลื่อนไหวของนาง อย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ กระทั่งอาจจะเหนือกว่านั้น!!”

และในขณะที่หนังศีรษะของผู้เฒ่าพยากรณ์คล้ายชาด้าน เสียงมู่อีอีผู้สืบทอดความลับสววรรค์ต่อจากมันก็ดังขึ้นในหูอย่างประจวบเหมาะ

เรียกว่าหนังศีรษะที่ชาด้าน บัดนี้กลายเป็นอาการหนักกว่าเดิม

ต้องทราบด้วยว่าศิษย์ส่วนตัวของมันคนนี้ พลังฝึกปรือของนางห่างอีกไม่ไกลก็จะถึงจุดที่สามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้แล้ว…

ทว่ากระทั่งศิษย์ส่วนตัวของมันกลับบอกว่ามองไม่ทัน กระทั่งจับการกระเพื่อมของฟ้าดินไม่ได้!?

“หะ…ให้ตายเถอะ ฮูหยินผู้นำ…ที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่!?”

ไม่นานผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ได้แต่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม

“ดูเหมือนว่าเรื่องที่ถังซวนกล่าวไว้ในยามนั้นจักเป็นความจริง…ธิดาเทพ สมควรเป็นเทพธิดากลับชาติมาเกิดจริงๆ! หากมิใช่พราะเรื่องนี้ ไหนเลยในเวลาอันสั้นพลังฝึกปรือของนางถึงได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด จนมีความเร็วเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์!”

ชิงหั่วเองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจหลังได้ยินวาจาไม่อยากจะเชื่อของผู้เฒ่าพยากรณ์

“เค่อเอ๋อ…”

พอได้รับทราบพลังฝีมือในปัจจุบันของน้องสาวฝาแฝด ก่านหรูเยี่ยนก็ตกใจไม่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี เพราะมีความสุขกับน้องสาวจากใจ

ในอดีตยามอยู่กับต้วนหลิงเทียน น้องสาวของนางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขนาดไหน นางรู้ดีกว่าใคร

น้องสาวนางมักโทษตัวเองกระทั่งรังเกียจตัวเองที่พลังอ่อนด้อยเสมอ เนื่องเพราะไม่เพียงไม่อาจแบ่งเบาภาระบุรุษของตัว ยังลากถ่วงบุรุษของตัว…

มาตอนนี้ถึงแม้นางเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่นางก็ตระหนักได้

น้องสาวของนาง บัดนนี้อย่างน้อยๆก็มีพลังฝีมือทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์!

“ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์หรือ!?”

“ฮ้า!! ที่แท้ท่านแม่ร้ายกาจยิ่ง!!”

ต้วนซือหลิงที่พึ่งฟื้นคืนจากอาการตะลึง ก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าท่าทีกลายเป็นคึกคักอักโขหลังได้ยินคำยืนยันของมู่อีอี เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่บิดาเท่านั้น…

ซือหลิงยังยกมารดาเป็นแบบอย่างของนางอีกด้วย!

“เทพธิดากลับชาติมาเกิด…พี่สาวเค่อเอ๋อช่างน่าทึ่ง!”

เฟิ่งเทียนหวู่เองก็เคยได้ยินเรื่องเทพธิดากลับชาติมาเกิดของเค่อเอ๋อมาแล้ว พอตระหนักได้ถึงพลังอันร้ายกาจที่เค่อเอ๋อครอบครองอยู่ นางก็เผยยิ้มยินดีออกมาจากใจเช่นกัน

มู่อีอีเป็นเพียงคนเดียวที่แววตากลับกลายเป็นซับซ้อน…

เดิมทีนางคิดว่าทุกคนในที่นี้ คงมีแต่ผู้นำอย่างต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่มีพลังอำนาจเหนือชั้นครอบงำนาง แต่นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่ากระทั่งภรรยาของต้วนหลิงเทียนก็ยังร้ายกาจกว่านาง!

“ท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าไปก่อน…”

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มู่อีอีหันไปกล่าวบอกผู้เฒ่าพยากรณ์ ก่อนที่จะพุ่งร่างหายเข้าไปในหลุมดำ ราวกับไม่เคยดำรงอยู่มาก่อน

“อาจารย์ลุง ข้าเองก็เข้าไปก่อน”

เฟิ่งเทียนหวู่ก็เหินตามเข้าไป

“อาจารย์ลุงพยากรณ์ ถ้าข้าไม่รอดชีวิตกลับมา…ฝากท่านช่วยจุดธูปคารวะท่านอาจารย์แทนข้าด้วยเล่า…”

หานเฉวี่ยไน่พลันกล่าววาจาประโยคนี้ออกมาในขณะที่กำลังจะเข้าไป

“ยาโถวน้อยโง่งม เจ้ากล่าวเหลวไหลอะไร!”

ผู้เฒ่าพยากรณ์พอได้ยินก็อดขมวดคิ้วกล่าวตำหนิออกมาไม่ได้ “หลังเข้าไปแล้วเจ้าระวังให้มาก…อาจารย์ผู้ใดก็ต้องให้ผู้นั้นมาคารวะ กลับออกมาก็ไปจุดธูปด้วยตัวเองเสีย!”

“อะไรเล่า ข้าก็แค่กล่าวเผื่อไว้เอง…”

หานเฉวี่ยไน่เผยยิ้มขื่นขม เพราะในบรรดาเหล่าสตรีที่เข้าไปมีแต่นางเท่านั้นที่พลังฝึกปรือยังอยู่แค่ เซียนสววรรค์ 8 เปลี่ยน แม้พลังฝีมือนางจะเหนือกว่าคู่แฝดหนานกง แต่เรื่องที่เข้าไปแล้วจะรอดชีวิตกลับออกมาหรือไม่นางก็ไม่อาจมั่นใจใดๆได้เลย

“ไม่มีเผื่ออันใด เจ้าต้องกลับมาให้ได้!”

ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวกำชับเสียงเข้ม

หานเฉวี่ยไน่แลบลิ้นพร้อมยิ้มแห้งๆพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเหินร่างหายเข้าไปในหลุมดำเช่นกัน

ตอนนี้ก็เหลือแต่ ผู้เฒ่าพยากรณ์ ชิงหั่ว ก่านหรูเยี่ยนและต้วนซือหลิงเท่านั้นที่ถูกทิ้งอยู่ด้านนอก

“กลับกันเถอะ…สถานที่แห่งนี้ถูกธรรมชาติปิดซ่อนไว้มิดชิดยิ่ง ยากที่จะมีผู้ใดค้นพบได้…”

หลังต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเข้าไปกันหมดแล้ว ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ชักชวนทั้งหมดกลับ

ต่อมาร่างทั้ง 4 ก็เหินร่างออกจากหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้ หวนกลับไปยังยอดเขาหิมะไร้นามอันเป็นฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้

ในเวลาเดียวกัน ทางด้านตี้ฮ่วน ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรฝ่ายใน ก็ยังคงเหินร่างเวียนวนปานแมลงวันตามหาต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หมายลากคอต้วนหลิงเทียนกลับไปประหารต่อหน้าลูกชายของตัวเองให้จงได้…

อนิจจาฟ้าลิขิตให้มันต้องคว้าน้ำเหลว…

ชั่วพริบตากาลเวลาก็ได้ล่วงเลยผ้านพ้นไป 3เดือน…

ในที่สุด หายนะทัณฑ์สวรรค์ของเซียนอมตะเสเพลรอบที่ 6 ของตี้เฉินก็มาถึง…

อนิจจาด้วยใจมันรู้ดีว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่ มารในใจจึงไม่อาจสลาย ยามเผชิญหน้ากับหายนะ เมื่อถูกหายนะสวรรค์ขยายมารในใจสุดท้ายมันก็แพ้ภัยตัวเอง มิอาจรอดพ้นอัสนีสวรรค์ไปได้…

กล่าวได้ว่าต่อหน้าอัสนีทัณฑ์รอบนี้ มันไม่มีพลังจะต่อกรใดๆได้เลย…

หายนะทัณฑ์สวรรค์ของเซียนอมตะเสเพลทั้งหลาย ที่ร้ายกาจที่สุดคือหายนะจิตใจ!

หายนะจิตใจนี้ มุ่งเป้าไปยังจิตใจของผู้ฝึกตนโดยเฉพาะ หากผู้ใดมีปมในใจหรือเรื่องยึดติดที่ไม่อาจคลี่คลายจนกลายกลายเป็นมารในใจนั้น มารในใจดังกล่าวก็จะถูกหายนะจิตใจขยายจนส่งผลต่อการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพล

โดยทั่วไปแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ที่ถูกผลกระทบจากหายนะจิตใจขยายมารในใจจะรอดชีวิตจากการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลได้

เช่นนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลรอบที่ 6 ตี้เฉินที่มารในใจถูกขยายไปอย่างไร้สิ้นสุด สุดท้ายก็ล้มเหลวในการข้ามหายนะเซียนอมตะเสเพล อันตรธานหายไปจากโลกหล้าอย่างสมบูรณ์…

“เฉินเอ๋อ!!”

หลังจากที่ได้เห็นร่างตี้เฉินสูญสลายไปภายใต้หายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลรอบที่ 6 ตี้ฮ่วนก็อดไม่ได้ที่จะร่ำไห้ออกมา ยังร่ำร้องคร่ำครวญอย่างโหยหวนนัก

เสียงคร่ำครวญหวนโหยดังกล่าวของมันยังดังก้องไปทั่วเผ่ามังกร พาลให้ทั้งหลายตะลึงไปครู่หนึ่ง

“นะ..นี่มัน เสียงของผู้อาวุโสสูงสุดมิใช่หรือ?”

“ดูเหมือนว่าจะใช่”

“ช้าก่อน! วันนี้มิใช่วันที่ตี้เฉินจะเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลรอบที่ 6 หรือไร ไฉนถึงได้ร่ำร้องเสียงหลงแบบนั้นเล่า!?”

“ดูเหมือนว่าตี้เฉินจะล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะรอบนี้…อาวุโสสูงสุดไม่พ้นคงเห็นมันตกตายต่อหน้าต่อตา”

“เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อต้วนหลิงเทียนที่ยัดเยียดความอัปยศอดสูให้มันยังไม่ตาย มารในใจมันไหนเลยจะคลี่คลายได้ ยามเผชิญหน้ากับหายนะจิตใจ มารในใจมันย่อมถ่วงรั้งเอาไว้…ไม่แปลกที่มันจะล้มเหลว”

“เหอะๆ…พวกเจ้าก็พูดกันสนุกปากเลยนะ ระวังผู้อาวุโสสูงสุดได้ยินเข้าเล่า เงาหัวพวกเจ้าจะหายไม่รู้ตัว…”

ในเวลาไม่นานทั้งเผ่ามังกรก็ได้รับทราบต้นเหตุของเสียงร้องคร่ำครวญอย่างโหยหวนของตี้ฮ่วน

เผ่ามังกรของพวกมันได้สูญเสียเซียนอมตะเสเพล 5ทัณฑ์ไปอีกคนแล้ว…

“ข้าก็เคยบอกไว้แล้ว ว่าวันนั้นให้ตี้เฉินเลือกที่จะสู้ตายกับต้วนหลิงเทียนเสียประเสริฐกว่า ไม่ควรไปก้มหัวร้องขอชีวิตต้วนหลิงเทียนแบบนั้น…หากมันตายตกเพราะสู้กับต้วนหลิงเทียนอย่างน้อยๆชื่อเสียงดีงามของมันก็จะคงอยู่ในเผ่ามังกรเราไปชั่วกาล มาตอนนี้ไม่เพียงแต่มันจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แค่ครึ่งปี แต่ชื่อเสียงของมันก็ไม่วายเน่าเหม็นฉาวโฉ่ในเผ่ามังกรเราไปนับพันๆปี…”

“บางทีตอนนั้นมันคงไม่เคยคิดฝัน ว่าสุดท้ายจะพบจุดจบน่าสมเพชแบบนี้…”

“บิดามันอย่างไรก็เป็นอาวุโสสูงสุด มันคงมั่นใจว่าบิดาของมันจะสามารถล้างแค้นให้มันและขจัดมารในใจของมันได้…”

“ตอนแรกอาวุโสสูงสุดก็แลดูมั่นใจนักว่าจะล้างแค้นต้วนหลิงเทียนขจัดมารในให้มันได้ สุดท้ายเป็นอย่างไรเล่า…”

… …

วาจาทำนองเดียวกันนี้เริ่มดังไปทั่วเผ่ามังกร

“ต้วนหลิงเทียน! หากฆ่าเจ้าไม่ได้ ข้าตี้ฮ่วนขอสาบานว่าจักไม่อยู่เป็นผู้คน!!”

ในที่สุดเสียงร้องคร่ำครวญก็เงียบลงหลังดังอยู่กว่าหนึ่งชั่วยาม จากนั้นไม่นานเสียงคำรามด้วยโทสะของตี้ฮ่วนก็ดังขึ้น ถึงขั้นดังสะท้านสะเทือนไปทั้งเผ่ามังกร ทั้งหมดรู้สึกเสมือนในเผ่าบังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ก็ไม่ปาน!

ในขณะเดียวกันกับที่ตี้ฮ่วนคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

ณ สถานที่แห่งหนึ่งของภูมิภาคเบื้องบน อยู่ดีๆทามกลางความว่างเปล่าก็บังเกิดรอยแยกมิติเปิดขึ้น ก่อนที่จะมีร่างมหึมาจำนวนหนึ่งทยอยกันก้าวออกมาจากรอยแยกมิติดังกล่าว

ร่างมหึมาเหล่านี้แลดูน่ากลัวพิกล บ้างก็มีร่างมนุษย์หัวเป็นวัว บางตัวก็หัวเป็นม้า มีแม้กระทั่งหัวเป็นสุกร…

หากผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวมาพบบเห็นคอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจทั้งหวาดกลัวเพราะความไม่รู้ แต่ผู้ที่มีความรู้ในระดับหนึ่ง สิ่งที่เห็นไม่นับว่าเป็นตัวประหลาดอะไร…

“นี่น่ะรึ ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?”

และเหล่าสิ่งมีชีวิตประหลาดเหล่านี้ก็ไม่ใช่ใดอื่น…พวกมันก็คือเผ่าพันธุ์ปีศาจจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง!!