ตอนที่ 1056 เชื้อเชิญ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1056 เชื้อเชิญ

“พวกเราระงับเรื่องการทำสงครามก่อนดีกว่า…” ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งกล่าวประโยคนี้ออกมาด้วยความยากลำบาก ทั้งๆ ที่ก่อนออกเดินทางเขามั่นใจว่าจะได้เป็นผู้ครอบครองดินแดนแห่งนี้มาก คิดว่าแคว้นเทียนเฟิ่งจะได้ขยายอาณาเขตให้กว้างกว่าเดิม อีกทั้งได้ทาสมาเป็นบริวารอีกมากมาย

“ทว่า แคว้นเทียนเฟิ่งยื้อได้อีกไม่นานนะขอรับ!” อาเค่อเซี่ยคุกเข่าลงด้วยความร้อนใจ

“ทรายเหล่านั้นกำลังกลืนกินแคว้นเทียนเฟิ่งของพวกเรา หากเทพเจ้าจะลงโทษก็ให้ลงโทษอาเค่อเซี่ยคนเดียวเถิดขอรับ! ข้าจะยึดดินแดนที่อุดมสมบูรณ์นี้ให้นายท่านเองขอรับ…”

“ใต้เท้าอาเค่อเซี่ย…พายุทะเลทรายคือการลงโทษแคว้นเทียนเฟิ่งของเทพเจ้า หากพวกเรายังไม่ฟังเจตนารมณ์ของเหล่าเทพ ยืนกรานจะยึดครองดินแดนนี้มาเป็นของเทียนเฟิ่งให้ได้ พวกเราจะถูกทรายกลืนกินต่อไปนะขอรับ ถึงเวลานั้นพวกเราจะหลบหนีไปที่ใดได้ขอรับ” ศิษย์คนโตของจอมเวทย์แห่งเทียนเฟิ่งทำความเคารพอาเค่อเซี่ย จากนั้นกล่าวขึ้น “ข้าทราบดีว่าท่านอาเค่อเซี่ยจงรักภักดีต่อนายท่าน ยินดีสละชีพของตัวเองเพื่อนายท่าน เป็นทหารที่กล้าหาญที่สุดของนายท่าน ทว่า เทพเจ้าไม่มีทางใจอ่อนกับความจงรักภักดีของท่านอาเค่อเซี่ยแม้แต่น้อยขอรับ”

“ข้าปรึกษากับลูกศิษย์คนโตของท่านจอมเวทย์แล้ว เราจะยังไม่ถอยกองทัพช้างกลับ…” ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งชะงักมือที่กำลังลูบหยกจักจั่น จากนั้นเงยหน้ามองอาเค่อเซี่ย “ข้าจะให้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเชิญจักรพรรดินีแห่งต้าโจว จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและอ๋องแห่งหรงตี๋มาเจรจากันอย่างสงบ บอกพวกเขาว่าแคว้นเทียนเฟิ่งมาเพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ของสี่แคว้น กำหนดสถานที่ให้ผู้นำทุกแคว้นมาสนทนากระชับความสัมพันธ์กัน ถึงเวลานั้นข้าจะให้ลูกศิษย์ของท่านจอมเวทย์มองหาว่าผู้ใดคือเจ้าของที่แท้จริงของดินแดนแห่งนี้กันแน่ หลังจากนั้นพวกเราค่อยวางแผนกันใหม่!”

ลูกศิษย์คนโตของจอมเวทย์พยักหน้า จากนั้นมองไปทางอาเค่อเซี่ย

ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งกล่าวสรุป เขาลูบหยกจักจั่นพลางลุกขึ้นยืนเตรียมจากไป “ในเมื่อพวกเราไม่สามารถแย่งชิงดินแดนนี้มาครอบครองได้ เช่นนั้นก็ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว เปิดตลาดการค้าเสรี แต่งงานเชื่อมไมตรี กระจายเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาวให้ราชวงศ์ของแคว้นต่างๆ ค่อยๆ วางแผนไปทีละก้าว เอาตามนี้ก็แล้วกัน ข้าจะกลับอวิ๋นจิงแล้ว”

“นายท่าน หรงตี๋ตกเป็นของต้าโจวแล้วขอรับ!” อาเค่อเซี่ยรายงานผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่ง

ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดินีแห่งต้าโจวลงมือเร็วปานนี้เลยหรือ

หรือว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะคือเจ้าของดินแดนที่จอมเวทย์กล่าวถึง

ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งคิดได้เช่นนี้จึงรู้สึกหงุดหงิดมาก หากจอมเวทย์อยู่ข้างกายเขาก็คงจะดี จอมเวทย์จะได้ช่วยชี้ทางสว่างให้เขาได้

ทว่า สถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หรงตี๋กลายเป็นของต้าโจว เช่นนั้นเจ้าของดินแดนที่แท้จริงก็เหลือเพียงจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนเท่านั้น ขอเพียงจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนปรากฏตัวขึ้น ลูกศิษย์ของจอมเวทย์จะรู้ทันทีว่าผู้ใดคือเจ้าของดินแดนที่แท้จริงกันแน่ จากนั้นเขาค่อยหาวิธีสังหารคนผู้นั้นทิ้งเสีย เช่นนี้ดินแดนแห่งนี้ก็จะกลายเป็นดินแดนไร้เจ้าของ แคว้นเทียนเฟิ่งจะสามารถแย่งชิงดินแดนที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ได้อย่างราบรื่น

วันที่สิบ เดือนสิบเอ็ด รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง ต้าโจวประกาศต่อใต้หล้าว่าหรงตี๋ตกเป็นของต้าโจวแล้ว

วันที่ยี่สิบเอ็ด เดือนสิบเอ็ด รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง ทูตของซีเหลียงและเทียนเฟิ่งแยกย้ายกันเดินทางไปยังเมืองหลวงของต้าเยี่ยนและต้าโจวเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและต้าโจว พวกเขาแจ้งความประสงค์ว่าต้องการจัดการเจรจาเชื่อมไมตรีขึ้นที่เขตชายแดนระหว่างซีเหลียง ต้าเยี่ยนและต้าโจว จากนั้นมอบแผนที่ซึ่งระบุสถานที่จัดการเจรจาครั้งนี้ให้

ทูตของเทียนเฟิ่งมีความยโส ทว่า ทูตของซีเหลียงกลับนอบน้อมมาก

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงมองดูสาสน์ที่แคว้นซีเหลียงและเทียนเฟิ่งส่งมาให้แวบหนึ่ง จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ หญิงสาวเงยหน้ามองดูทูตของซีเหลียงและเทียนเฟิ่งที่ยืนอยู่กลางท้องพระโรง

ไป๋ชิงเหยียนไม่คุ้นหน้าทูตของซีเหลียงผู้นี้แม้แต่น้อย เขาไม่ใช่คนที่เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยเคยพามาด้วย ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในซีเหลียงเปลี่ยนไปแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางทูตของเทียนเฟิ่งที่มีสีหน้าหยิ่งยโสนิ่ง หญิงสาวเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด นางไม่เชื่อว่าเทียนเฟิ่งจะส่งทูตที่มีท่าทียโสโอหังเช่นนี้มาเชิญนางไปเจรจาเชื่อมไมตรีระหว่างสี่แคว้น

หากต้าโจวตอบรับคำเชิญไปงานที่มีแคว้นเทียนเฟิ่งเป็นผู้จัดงานในครั้งนี้เท่ากับยอมรับกับคนภายนอกว่าแคว้นเทียนเฟิ่งแข็งแกร่งกว่าต้าโจว เทียนเฟิ่งจะถือโอกาสนี้เหยียบย่ำให้ทุกแคว้นอยู่ต่ำกว่าตัวเอง ดังนั้นหากแคว้นเทียนเฟิ่งอยากได้หน้า พวกเขาควรอ่อนน้อมถ่อมตน พยายามขอร้องให้นางเดินทางไปร่วมงานให้ได้ถึงจะถูก

หากไม่ใช่เพราะแคว้นเทียนเฟิ่งยังมีไม้ตายอย่างอื่นนอกจากกองทัพช้าง ก็อาจเป็นเพราะทูตของแคว้นเทียนเฟิ่งกำลังหยั่งเชิงแคว้นต้าโจวว่าพวกนางมีไม้ตายอยู่ในมือเช่นเดียวกันหรือไม่

ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามเสียงนิ่ง “ไม่ทราบว่าเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยมีความเห็นเช่นไรกับการเจรจาทำสัญญาเป็นพันธมิตรในครั้งนี้”

ทูตของซีเหลียงได้ยินคำถามนี้จึงเงยหน้ามองไปทางทูตเทียนเฟิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวตอบ “เหยียนอ๋องย่อมเห็นด้วยกับการเจรจาครั้งนี้อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าอย่างไรเหยียนอ๋องก็ไม่อยากเห็นชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากสงคราม ก่อนหน้านี้หรงตี๋เป็นคนป่าวประกาศท้ารบกับซีเหลียง ตอนนี้หรงตี๋ตกเป็นของต้าโจวแล้ว จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงของพวกเราทรงไม่สบายพระทัยเป็นอย่างยิ่งจึงเชิญแคว้นเทียนเฟิ่งมาเป็นตัวกลางเชื่อความสัมพันธ์ หวังเพียงจะได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขกับต้าโจวและต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ”

ซีเหลียงต้องทำตามการตัดสินใจของแคว้นเทียนเฟิ่งอย่างที่ไป๋ชิงเหยียนคิดไว้จริงๆ หลี่จือเจี๋ยคงไม่ยอมจำนนกับเทียนเฟิ่ง ดังนั้นทูตของซีเหลียงที่เดินทางมาในครั้งนี้จึงไม่ใช่คนเดิม เช่นนั้นอวิ๋นพั่วสิงที่จงรักภักดีต่อจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงก็คงตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกันสักเท่าใดนักดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ดูเหมือนว่าตอนนี้ซีเหลียงจะเชื่อฟังคำของเทียนเฟิ่งยิ่งนัก…” หลิ่วหรูซื่อกล่าวออกมาช้าๆ

ทูตของเทียนเฟิ่งเหลือบมองไปทางหลิ่วหรูซื่อแวบหนึ่ง เขากล่าวอย่างไม่เกรงกลัวเพราะถือว่าตัวเองมีกองทัพช้างหนุนหลังอยู่ “จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งของข้าหวังดีอยากช่วยเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ให้ซีเหลียง ต้าเยี่ยนและต้าโจวจึงคิดจัดงานครั้งนี้ขึ้นมา หวังว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะเสด็จไปร่วมงานให้ทันภายในวันที่ห้า เดือนสิบสองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนแฝงไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ หญิงสาวจ้องไปทางทูตของเทียนเฟิ่งนิ่งโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

คำกล่าวนี้คือคำข่มขู่อย่างแน่นอน…

หลู่ไท่เว่ยที่มักเห็นคล้อยกับจักรพรรดินีมาโดยตลอดหันไปมองทูตของเทียนเฟิ่งทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของเขา สีหน้าของหลู่ไท่เว่ยเคร่งขรึมลงทันที

ขุนนางของต้าโจวเดือดดาลขึ้นทันที บรรดาแม่ทัพอารมณ์ร้อนต่างสลับกันก่นด่าทูตของเทียนเฟิ่งอย่างไม่พอใจ

ปฏิกิริยาและคำกล่าวของทูตเทียนเฟิ่งที่มีต่อไป๋ชิงเหยียนทำให้หลิ่วหรูซื่อเดือดดาลขึ้นทันที “แคว้นเทียนเฟิ่งที่จู่ๆ โผล่ออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้กล่าวเองเออเองว่าจะจัดงานเจรจาเชื่อมไมตรีระหว่างสี่แคว้นขึ้น ทั้งยังบังคับให้จักรพรรดิแห่งต้าโจวของพวกเข้าไปร่วมงานให้ทันภายในวันที่ห้าด้วยอย่างนั้นหรือ! ผู้ใดมอบความกล้านี้ให้แก่พวกเจ้ากัน!”

แม่ทัพของต้าโจวสนับสนุนขึ้นทันที “นั่นน่ะสิ! แคว้นเทียนเฟิ่งอันใดกัน จู่ๆ โผล่ออกมาจากมุมใดก็ไม่รู้ ไม่เคยไปมาหาสู่กับต้าโจวมาก่อน ยังกล้าแบกหน้ามาสั่งให้จักรพรรดินีของพวกเราเสด็จไปร่วมงานอีก! มีสิทธิอันใดกัน! ถือสิทธิ์แคว้นซีเหลียงที่คุ้มกันด่านชิวซานของตัวเองไว้ไม่ได้จนถูกทหารกล้าของต้าโจวบุกจนต้องถอยหนีหางจุกตูดนะหรือ!”

ขุนนางฝ่ายบัณฑิตหัวเราะเสียงเย็น “พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าเดินทางเข้ามาในต้าโจวพร้อมกับทูตซีเหลียงได้แล้วจะสามารถตีด่านชิวซานของพวกเราแตกได้อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าแคว้นเทียนเฟิ่งของพวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน!”

“แคว้นเล็กที่โผล่ออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้กล้าตั้งตัวเป็นผู้จัดงานเชื่อมไมตรีให้ทุกแคว้นอย่างนั้นหรือ กล้าสั่งให้ฝ่าบาทของพวกเราเสด็จไปที่นั่นอีก เหตุใดจึงหน้าไม่อายเช่นนี้! พวกเจ้าอาศัยสิ่งใดถึงได้เหิมเกริมถึงเพียงนี้ อาศัยความหน้าหนาของแคว้นเทียนเฟิ่งหรืออย่างไร!”