บทที่ 1081 เฉินซื่อตายแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1081 เฉินซื่อตายแล้ว

บทที่ 1081 เฉินซื่อตายแล้ว

สำหรับเฉินซื่อที่อยู่ภายในห้องด้านข้าง หลังจากได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานหาตัวเกาเยว่เหมยพบแล้ว หญิงชราจึงปรี่ไปหานางทันที

ทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปในห้อง นางก็เห็นเกาเยว่เหมยนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง ร่างกายซีดเซียวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หากไม่ได้กู้ฟางสี่ช่วยทายาลงบนบาดแผล ไม่รู้ว่ามันจะเน่าเฟะขนาดไหน

“เยว่เหมยผู้น่าสงสารของข้า!” เฉินซื่อตะโกนอย่างทุกข์ระทม

ครั้นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ มองย้อนกลับไปก็เห็นร่างของเฉินซื่อทรุดลงกระแทกพื้นเสียงดัง ทุกคนปรี่เข้าไปประคองร่างของเฉินซื่อขึ้นมา พยุงนางให้นอนลงบนเตียง ลมหายใจของหญิงชราถี่รัวมากขึ้น

กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพานางขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงหมอในเมืองหลิวเจียทันที

บางทีอาจเป็นเพราะแรงกระแทกกระทั้น เฉินซื่อจึงใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย จับมือกู้เสี่ยวหวานแน่นไม่ยอมปล่อย “แม่นาง ได้โปรดช่วยไป๋เอ๋อร์ โปรดช่วยเยว่เหมยด้วย ข้า…”

ไม่ทันที่เฉินซื่อจะเอ่ยจบ ลมหายใจของเฉินซื่อก็แผ่วลงจนนิ่งสงบ

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ร่างไร้ลมหายใจของเฉินซื่อในอ้อมแขนของป้าจาง ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงความกดดันอย่างท่วมท้น

สภาพของเกาเยว่เหมย การตายของเฉินซื่อ และเฉินจื่อไป๋ที่หายตัวไป ความเศร้าทั้งหมดก่อตัวขึ้นเป็นทะเลแห่งความเศร้า ทำให้นางรู้สึกหดหู่และหายใจไม่ออก

นางจ้องมองร่างของเฉินซื่อที่แน่นิ่ง ร่างกายของนางเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาดำขลับไร้ซึ่งหยาดน้ำตา สายตาว่างเปล่าไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ

ฉินเย่จืออยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานเสมอ เมื่อเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้ จึงรีบดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “หวานเอ๋อร์…”

กู้เสี่ยวหวานซุกหน้าลงอ้อมแขนของฉินเย่จือซึมซับความอบอุ่นที่ฉินเย่จือมอบให้ และปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินออกมา “ฮือ ๆๆ”

ป้าจางก็อยู่ในห้วงแห่งความเศร้า ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานอยู่ในอาการเสียใจ หัวใจของนางจึงรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว “เสี่ยวหวาน อย่าเศร้าไป คนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้”

ในเวลานั้น กู้เสี่ยวหวานรู้สึกถึงความเปราะบางของชีวิตเป็นครั้งแรก

“พี่เย่จือ ไยถึงต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นด้วย” กู้เสี่ยวหวานโอบกอดฉินเย่จือแน่น และถามอย่างเศร้าใจว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน ทุกสิ่งทุกอย่างต่างเปลี่ยนไป

“หวานเอ๋อร์ ข้าจะล้างแค้นให้ท่านป้าเฉินเอง เจ้าไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญของตระกูลเจียง ข้าจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้พวกเขาเพื่อปลอบโยนวิญญาณของท่านป้าเฉินบนสวรรค์” น้ำเสียงฉินเย่จือเย็นยะเยือก เมื่อมองท่าทางเศร้าสร้อยของกู้เสี่ยวหวาน หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดจนเหวอะหวะ

และอาจเป็นเพราะวิญญาณของเฉินซื่อบนสวรรค์ จึงหาตัวเฉินจื่อไป๋พบ

เวลาพลบค่ำ หลิวต้าจ้วงรีบขับเกวียนไปยังสวนกู้ ตอนนี้สวนกู้ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศเศร้าหมอง

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงตะโกนของหลิวต้าจ้วงดังขึ้น และเมื่อออกมาดูก็เห็นเฉินจื่อไป๋ซึ่งมักจะรอยยิ้มขี้อายและอ่อนโยน นอนหมดสภาพอยู่บนเกวียน

เสื้อผ้าสีเทาที่เขามักสวมใส่ถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน

สภาพเหมือนซากศพนอนอยู่บนรถ ไม่เห็นสัญญาณของการมีชีวิต

“แม่นางกู้ เราพบเขาที่ภูเขาด้านหลัง ดูเหมือนจะถูกแทงด้วยของมีคมหลายครั้ง แต่ยังมีลมหายใจอยู่ เถาต๋าไปตามท่านหมอพานที่โรงหมอแล้วแล้ว” หลิวต้าจ้วงพูดอย่างเป็นทุกข์

เมื่อได้ยินว่าเขายังมีลมหายใจ กู้เสี่ยวหวานจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ฉินเย่จือรีบรุดขึ้นหน้าเพื่อตรวจสอบบาดแผลบนตัวอีกฝ่าย พลางเอ่ย “อาโม่ รีบไปเอายามาเร็วเข้า!”

จากนั้นอาโม่ก็หยิบยาออกมาจากอกเสื้อ แล้วยัดใส่ปากเฉินจือไป๋โดยตรง

“ยานี้ทำให้ชีพจรของเขาคงที่ เมื่อท่านหมอพานมาถึงเราค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกที”

เถาต๋าเดินเข้าไปในเมืองหลิวเจียอย่างระมัดระวัง ระหว่างที่ทุกคนพาเฉินจื่อไป๋เข้าไปในบ้าน เถาต๋าก็พาท่านหมอพานมาถึงในไม่ช้าหลังจากนั้น

ท่านหมอพานมีสีหน้าจริงจัง เขามาหาตระกูลกู้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเพื่อแสดงความขอบคุณต่อกู้เสี่ยวหวานสำหรับความใจดีของนาง แต่ก็สะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลเฉิน

หลังจากเห็นอาการบาดเจ็บของเฉินจื่อไป๋ ท่านหมอพานพูดด้วยอารมณ์เศร้า “ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเขา คนเหล่านั้นคงเห็นว่าพวกมันแทงเฉินจื่อไป๋ไปหลายครั้ง และคิดว่าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่แม้ว่าการแทงจะทำให้อันตรายถึงชีวิต แต่พวกเขาก็ยังประมาท คนเหล่านั้นไม่ได้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน และปล่อยให้เฉินจื่อไป๋รอดมาได้”

“ท่านหมอพาน อาการของเขาสาหัสหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างกังวล

“ตราบใดที่ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ และเขากลับมาหายใจปกติ เขาก็จะปลอดภัยดี และร่างกายของเขาจะฟื้นฟูขึ้นเรื่อย ๆ” ท่านหมอพานกล่าวด้วยความโล่งอก

หลังจากตรวจร่างกายเฉินจื่อไป๋อย่างละเอียดแล้ว ท่านหมอพานก็มองไปที่เกาเยว่เหมยอีกครั้ง

เกาเยว่เหมยยังคงไม่ได้สติ แต่ผิวหนังของนางดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก

แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคือง “ตระกูลเจียงน่ารังเกียจจริง ๆ รังแกกันจนนางมีสภาพเช่นนี้ ทำเวรทำกรรมอะไรไว้กัน?”

หลังจากส่งท่านหมอพานกลับไปแล้ว ฉินเย่จือก็พากู้เสี่ยวหวานกลับไปที่ห้อง

ตระกูลกู้เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ

เช้าวันถัดมา ตระกูลเจียงจัดงานแต่งงานขึ้นในวันนี้

เกิดความเคลื่อนไหวในเมืองหลิวเจีย

ประชาชนต่างได้ยินมาว่าเจียงหย่วนกำลังจะแต่งงานกับหลิวเทียนฉือ ดังนั้นจึงเกิดเสียงพูดคุยมากมาย

“ในที่สุดตระกูลเจียงก็แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลิว เหอะ ๆ คนศีลเสมอกันย่อมอยู่ด้วยกันได้ คุณหนูหลิวมีคุณธรรมเช่นใด ทุกคนล้วนรู้ดี ช่างเหมือนกับนายน้อยตระกูลเจียงเสียเหลือเกิน”

“ตระกูลเจียงและตระกูลหลิวเป็นญาติกัน และความสัมพันธ์ทำให้พวกเขาสนิทกันมากยิ่งขึ้น”

“เจ้าไม่รู้หรือว่าลูกชายคนโตของตระกูลหลิวมาที่นี่ด้วยตัวเอง และเขาจะปฏิบัติต่อน้องสาวเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวและส่งน้องสาวไปแต่งงาน”

“นายท่านตระกูลหลิวไม่มาหรือ?” น่าแปลกใจที่นายท่านของตระกูลหลิวไม่มา แต่กลับส่งลูกชายคนโตมาแทน

“เขาเป็นขุนนางระดับสามในเมืองหลวง ดังนั้นงานของเขาจะต้องยุ่งอยู่แล้ว”

ปากคนสามารถพูดอะไรก็ได้

กู้ซินเถารู้ว่าหลิวเทียนฉือกลับมาแล้ว และเมื่อพบว่าหลิวเทียนฉือกำลังจะแต่งงานกับเจียงหย่วน กู้ซินเถาก็ได้แต่ขบฟันกรอดด้วยความคับแค้นใจ

“หลิวเทียนฉือไม่ได้บอกว่าจะไม่กลับมาอีกไม่ใช่หรือ แล้วฮูหยินเจียงคนนั้นอีก ไม่ได้สัญญาว่าจะพาข้าเข้าตระกูลเจียงหรอกหรือ?” กู้ซินเถาคำรามเสียงดัง นางอาละวาดปาข้าวของภายในห้องทิ้ง

——————————————————————–