บทที่ 1071 เยี่ยมเยียน
บทที่ 1071 เยี่ยมเยียน
หลานชายตระหนักดีแบบนี้ คนเป็นย่าก็สบายใจ
แอบกินซาลาเปาจะดีกว่า
และการให้เครื่องประดับทองคำสองชิ้นแก่ซูเสี่ยวเฉ่าก็มีหน้ามีตาแล้วละ
ส่วนพวกของที่ฝังอัญมณีไว้มอบให้เสี่ยวเฉ่าเงียบ ๆ ดีกว่า คนอื่นจะได้ไม่เห็นแล้วอิจฉาน่ะ
วันรุ่งขึ้น คุณย่าพาหลานสาวไปที่บ้านซูซานกง
บ้านของชายหนุ่มเป็นลานบ้านเล็ก ๆ ห้องหลักขนาบด้วยเรือนสองข้าง ส่วนห้องครัวแยกเดี่ยว สมบูรณ์แบบมาก เหมาะให้คู่รักอาศัยอยู่ด้วยกัน
นับตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจแต่งงาน ซูเหล่าซานก็หาคนมาช่วยจัดสวนให้หลานชาย
สภาพบ้านในตอนนี้จึงไม่ต่างจากบ้านใหม่นัก
ซูเสี่ยวเถียนปลูกดอกไม้ไว้ในสวนด้วย ตรงหัวมุมปลูกกุหลาบพอถึงหน้าร้อนจะกลายเป็นกำแพงดอกไม้งดงามเป็นไหน ๆ
น่าเสียดายที่งานแต่งจัดขึ้นหน้าหนาว
หลังจากเก็บกวาดเสร็จ หญิงชราจึงพาหลานไปจัดเตียงที่ห้องนอน
คุณย่าซูพอใจกับบ้านหลังใหม่มาก
“ดีกว่าที่พ่อแม่หนูแต่งงานกันอีกนะ หนูคงไม่รู้ว่าสมัยนั้นเนี่ยสภาพบ้านเราเป็นยังไง!”
เด็กสาวฟังด้วยความสนใจ
พอคนเราแก่ตัวลงมักคิดถึงอดีตเสมอ
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนตำนานของคนรุ่นใหม่นั่นแหละ
หลังจากคุยอยู่สักพัก ท่านก็ผ่อนคลายขึ้น จนอดคิดถึงอนาคตไม่ได้
วันนี้เป็นวันที่ 28 เดือน 12 แล้ว
งานแต่งงานของซูซานกงและซูเสี่ยวเฉ่าถูกกำหนดไว้ในวันนี้
เราต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเผื่อจึงซื้อตั๋วเดินทางกันในวันที่ 21
สามวันก่อนเดินทางเสี่ยวเถียนยุ่งมาก
เธอไปเยี่ยมฉือเก๋อและสองสามีภรรยาถาน และไม่ลืมส่งของขวัญปีใหม่ไปให้ด้วย มีเสื้อผ้าจาป้าเถาฮวาสำหรับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ อาหารสิ้นปีที่บ้านเราช่วยกันเตรียม มีของอื่น ๆ ที่เสี่ยวเถียนเตรียมไว้ให้แต่ละคนด้วย
เด็ก ๆ มีความสุขมากจนกระโดดโลดเต้นเมื่อได้เห็นเธอ
เด็กสาวเห็นความชราของฉือเก๋อ พลันนึกเสียใจขึ้นมา
ฉืออี้หย่วนเพิ่งกลับมา ปีใหม่นี้คงไม่ได้กลับมาอีกแน่ ๆ
บ้านเรากำลังจะไปหนานหลิ่งด้วย ชายชราจึงใช้เวลากับพวกเด็ก ๆ ที่นี่
เธอเสียใจกับการตัดสินใจของเขานะ แต่ท่านสุขภาพไม่ดี จึงเดินทางลำบากไม่น้อย
“ช่วงปีใหม่ปู่ฉืออยู่กับเด็ก ๆ นะคะ ไว้หนูกลับมาค่อยมาอยู่บ้านหนูเน้อ” เสี่ยวเถียนออดอ้อน
“ได้สิ ไว้ปู่จะไปนะ อย่ารังเกียจตาแก่คนนี้เสียเล่า”
“แล้วก็ระหว่างที่หนูไม่อยู่ปู่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ ระวังเรื่องอาหารการกินด้วย!”
เธอจำไม่ได้ว่าชาติที่แล้วท่านเสียตอนไหน
แต่น่าจะหลังกลับเมืองหลวงมาไม่กี่ปีสินะ
ตอนแรกก็คิดว่าจะเปลี่ยนโชคชะตาได้แล้ว แต่สองปีนี้ร่างกายแก่ทรุดตัวลงเยอะเลย
เธอขอจับชีพจร
“ฉันรู้สภาพร่างกายตัวเองดี แก่ตัวลงเยอะเลย” ชายชราส่ายหัว
“ให้หนูดูแลหน่อยนะ เดี๋ยวจะจ่ายยาให้กินก่อน ไว้กลับมาจะทำอาหารบำรุงให้ปู่ทีหลัง”
หากเธอรู้เร็วกว่านี้อาจจะดูแลได้ทันท่วงทีแล้วละ
เด็กสาวตัดสินใจแล้วว่าจะดูแลฉือเก๋ออย่างดี ทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนาน ๆ
คงเพราะฉืออี้หย่วนไม่อยู่เลยตรอมใจน่ะ
พ่อแม่พึ่งพาไม่ได้ สำหรับชายหนุ่ม ญาติเพียงคนเดียวในโลกใบนี้คือฉือเก๋อ
ต่างฝ่ายต่างก็มีกันอยู่แค่นี้เท่านั้น
ฉือเก๋อทนคำร้องขอไม่ไหวจึงปล่อยให้อีกฝ่ายตรวจชีพจรให้
ผลลัพธ์ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร
ภายนอกดูไม่ดี แต่จากชีพจรเขายังสบายดีอยู่
ถ้าดูแลดี ๆ อยู่ได้นานแน่นอน หวังไว้เลยว่าเป็นสิบยี่สิบปีแน่
จากนั้นเด็กสาวก็รีบวิ่งออกไปโดยบอกว่าจะซื้อยามาให้
แต่ความเป็นจริงคือกดมาจากระบบร้านค้าต่างหาก
“ทำไมขี้กังวลจังหืม? ตั้งใจจะให้ปู่กินยาช่วงปีใหม่หรือเปล่าเนี่ย?” ฉือเก๋อยิ้มขมขื่น พลางส่ายหัวราวกับช่วยไม่ได้
คนเก่าคนแก่มีความเชื่อของเขา ช่วงปีใหม่จะไม่กินยาเลยถ้าเป็นไปได้
แต่ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้นึกถึงขั้นนั้น เธอจึงเดินเข้าไปพรัอมกับถุงยา
“หนูจะแบ่งให้แล้วกันนะคะ กินสักห้าวันจากนั้นเว้นสองวัน แล้วค่อยกินต่ออีกห้าวันค่ะ ส่วนอันนี้กินสุดท้ายค่ะ”
“พอกลับมาก็ไปบ้านหนูนะคะ จะทำอาหารบำรุงไว้ให้ กินสักสองสามเดือนสุขภาพจะดีขึ้นค่ะ”
ที่ร่างกายอ่อนแอไม่ใช่เพราะดูแลไม่ดีหรอก แต่ซึมเศร้าน่ะ
มีลูกไม่ได้เรื่องแบบนั้นจะไม่ให้โมโหได้ยังไง
น่าเสียดายที่คนปลอบใจกลับไม่อยู่ด้วยในยามนี้
“ได้ ๆ ปู่จะเชื่อฟังหนูแล้วกัน”
แม้ฉือเก๋อจะรู้สึกว่าการกินยาช่วงปีใหม่ไม่ใช่เรื่องดี แต่เสี่ยวเถียนเจตนาดีและคอยเป็นห่วงจึงอบอุ่นใจไม่น้อย
จากนั้นเด็กสาวก็ไปบ้านตู้ถงเหอต่อ
สองสามีภรรยาตู้ใช้เวลาช่วงปีใหม่ฉลองกับบ้านซู แต่ปีนี้ตระกูลซูต้องกลับบ้านเกิดจึงอดเหงาขึ้นมาไม่ได้
พอได้เห็นหลานสาว สองผู้อาวุโสจึงดีใจเป็นอย่างยิ่ง