ตอนที่ 1068 ความจริงใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1068 ความจริงใจ

“พวกเราควรทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันล่วงหน้าก่อนหรือไม่ก็ทำสัญญาต่อหน้าแคว้นทั้งสี่ขณะเจรจาเชื่อมไมตรีไปเลย” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ “ถือเป็นการแสดงจุดยืนให้พวกนั้นเห็นว่าต้าเยี่ยนและต้าโจวพร้อมสู้ไปด้วยกัน”

“ได้” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นี่คือเรื่องเล็กที่พวกนางตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว “ให้ขุนนางที่รับผิดชอบเรื่องสัญญาของฝ่ายท่านเจรจากับหลิ่วหรูซื่อได้เลย ข้ามีเรื่องอยากถามท่านอีกเรื่อง…”

“เจ้าว่ามาได้เลย” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว

“ท่านยังอยากได้เริ่นซื่อเจี๋ยที่ปรึกษาของอดีตรัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นคืนหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

เซียวหรงเหยี่ยนขยับริมฝีปากเล็กน้อย เขาไม่ได้ยินข่าวของเริ่นซื่อเจี๋ยมานานแล้ว เขาส่งคนออกไปสืบ ทว่า ไม่ได้ข่าวคราวใดๆ ทั้งสิ้น เขาคิดว่าเริ่นซื่อเจี๋ยเสียชีวิตในเหตุการณ์วุ่นวายตอนนั้นแล้วเสียอีก

“เจ้าขังเขาไว้นานถึงเพียงนี้เลยหรือ” เซียวหรงเหยี่ยนประหลาดใจ

“ใช่…” ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงเริ่นซื่อเจี๋ยจึงยกยิ้มมุมปากขึ้น “เดิมทีเขาต้องการหลอกใช้จิ่นซิ่วเพื่อหลบหนี ทว่า จิ่นซิ่วจับพิรุธได้ เมื่อเหตุการณ์ในเมืองหลวงสงบลงจิ่นซิ่วจึงจับเขาขังไว้ในคุกใต้ดิน เดิมทีคุกใต้ดินนั้นมีไว้เพื่อสอบสวนสายลับจากต่างแคว้น ทว่า ไม่ได้ใช้วิธีทรมานร่างกายใดๆ เพียงแค่ที่นั่นไม่มีเสียง ไม่มีคน ไม่มีแม้แต่แสงใดๆ ทุกอย่างเงียบสงัด”

เซียวหรงเหยี่ยนรู้จักสถานที่แห่งนี้ จีโฮ่วเป็นคนสร้างเมืองหลวงของต้าโจวขึ้นมา ต้าเยี่ยนมีแผนผังเมืองอย่างละเอียด

แม้คนที่ถูกจับขังอยู่ที่นั่นจะไม่ถูกทรมานร่างกาย ทว่า การถูกทรมานทางจิตใจคือการทรมานที่ทารุณที่สุด คนในนั้นไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ไม่รู้ว่าคือช่วงกลางวันหรือกลางคืน สิ่งที่ปรากฏแก่สายตามีเพียงความมืดเท่านั้น

เซียวหรงเหยี่ยนเป็นห่วงเริ่นซื่อเจี๋ยขึ้นมาทันที

ไป๋ชิงเหยียนกล่าว “ตอนที่ข้านึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้คือตอนก่อนออกเดินทางมายังผิงหยาง ข้าคิดว่าเริ่นเซียนเซิงถูกจับขังคุกนานถึงเพียงนี้ หากไม่ฆ่าตัวตายก็คงสติฟั่นเฟือนเหมือนอย่างคนอื่นไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ข้าจึงพาเขามาให้ท่านด้วย แน่นอนว่าจะคืนให้ต้าเยี่ยนตอนที่สองแคว้นทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันแล้ว ถือเป็นการแสดงความจริงใจจากต้าโจว”

สามารถรอดชีวิตจากสถานที่แบบนั้นได้แสดงว่าเขาเป็นคนเข้มแข็งมาก

เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้จึงวางใจลง

เซียวหรงเหยี่ยนหวังให้คนที่เขาส่งออกไปทำภารกิจทุกคนรอดกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ต้องมีจุดจบอย่างเช่นกวนเซียนเซิง

ที่สำคัญตอนนี้ต้าเยี่ยนไม่จำเป็นต้องให้ทหารและขุนนางที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อต้าเยี่ยนเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อต้าเยี่ยนอีกต่อไปแล้ว

“ได้ รบกวนอาเป่าช่วยดูแลเขาให้ดีด้วย” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ท่านหมอหงตรวจอาการของเขาแล้ว แม้เขาจะผอมจนแทบเหลือเพียงกระดูก ทว่า ยังมีสติครบถ้วน ได้ยินท่านหมอหงกล่าวว่าเขาจะฆ่าตัวตายหากต้าโจวคิดใช้เขาเป็นเครื่องมือต่อรองกับต้าเยี่ยน เขาจงรักภักดีต่อต้าเยี่ยนมาก ข้านับถือคนเช่นนี้”

ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนตกลงกันว่าจะจัดการเจรจาขึ้นในวันที่สิบห้า เดือนสิบสองซึ่งคือวันที่หลิ่วหรูซื่อบอกกับทูตของเทียนเฟิ่งไปก่อนหน้านี้

ต้าเยี่ยนและต้าโจวบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะจัดงานเจรจาขึ้นในวันที่สิบห้า เดือนสิบสอง ต่อให้ซีเหลียงและเทียนเฟิ่งจะความรู้สึกช้าเพียงใดบัดนี้ก็คงรู้แล้วว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนลงเรือลำเดียวกันแล้ว

วันที่สิบห้า เดือนสิบสอง รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง ต้าโจว ต้าเยี่ยน ซีเหลียงและเทียนเฟิ่งจัดงานเจรจาเชื่อมไมตรีร่วมกัน

สถานที่เจรจาคือตำแหน่งซึ่งห่างจากเมืองผิงหยางไปประมาณสิบลี้

ไป๋จิ่นจื้อ เสิ่นคุนหยางและเฉิงหย่วนจื้อเตรียมกำลังพลเพื่อรอออกเดินทางไปยังจุดนัดหมายแต่เช้า

เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จชุนจือช่วยไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นประจำตำแหน่งชุดจักรพรรดินี วันนี้คือวันเจรจาเชื่อมไมตรี หญิงสาวต้องแต่งตัวเป็นทางการ

ชุนจือคุกเข่าช่วยไป๋ชิงเหยียนสวมรองเท้าหนังประดับมุกคู่หรูหราอยู่ปลายเตียง เว่ยจงเดินเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน จากนั้นเอ่ยรายงานนอกฉากกั้นด้วยความตื่นเต้น

“ฝ่าบาท คุณชายห้ามาพ่ะย่ะค่ะ! คุณชายห้ารออยู่อยู่ที่หน้าประตูเรือนพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นทันที อาอวี๋อย่างนั้นหรือ!

นางให้คนส่งจดหมายบอกให้อาอวี๋กลับไปเมืองหลวงแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดอาอวี๋จึงมาที่นี่ได้

“เชิญเข้ามาได้!” แม้ปากจะกล่าวเช่นนี้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนพลางถลกชายกระโปรงเดินไปด้านนอกทันที

อาอวี๋…ในที่สุดอาอวี๋ก็สามารถกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยได้เสียที

ยังไม่ทันพบหน้าอาอวี๋ ขอบตาของนางแดงก่ำขึ้นก่อนแล้ว

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาด้านนอกอย่างรีบร้อน ขันทีและนางกำนัลพากันคุกเข่าลงทันที

“ช้าหน่อยเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่!” ชุนจือรีบวิ่งตามออกมา

ผ้าม่านผืนหนาถูกแหวกออก ไป๋ชิงเหยียนก้าวเท้าออกไปจากห้อง ขอบตาของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นทันที

หิมะที่ตกลงกลางลานหญ้าถูกเก็บกวาดจนสะอาดหมดจด เหลือเพียงเกล็ดหิมะที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ใบหญ้าซึ่งถูกลมพัดลอยไปตกอยู่ตามพื้นเท่านั้น

ร่างสูงโปร่งของไป๋ชิงอวี๋ในชุดเสื้อคลุมกันลมสีดำ คาดด้วยเข็มขัดหยกขาวที่เอวยืนเอามือไขว้หลังอยู่นอกเรือน ชายหนุ่มเงยหน้ามองหิมะที่เกลื่อนอยู่กลางลานหญ้า ผมดำขลับของเขารวบสูงเป็นระเบียบ ชายหนุ่มสวมหน้ากากสีเงินปกปิดใบหน้าครึ่งซีกที่เป็นรอยแผลไฟไหม้ เผยให้เห็นเพียงใบหน้าอีกครั้งซีกที่สมบูรณ์เท่านั้น

อ่อนโยนราวกับหยก สุภาพบุรุษในคราบโจร

คิ้วของไป๋ชิงอวี๋โก่งราวกับพระจันทร์ ร่างสูงโปร่งยืนตรงราวกับต้นสน ใบหน้าของเขางดงามอยากจะหาผู้ใดเทียบเทียม

แม้เห็นเพียงใบหน้าครึ่งซีกก็สามารถทำให้คนหลงเสน่ห์ได้มากมาย บุรุษหนุ่มผู้นี้เคยโดดเด่นท่ามกลางบุรุษมากมาย ชวนให้นึกถึงบทกวีที่พรรณนาไว้ว่าบุรุษหนุ่มสวมชุดขี่ม้าขี่ม้าผ่านสะพานไปยังอีกฝั่ง รอบกายเต็มไปด้วยสตรีสาวรายล้อมมากมาย

เมื่อเห็นพี่สาวของตัวเองยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน ไป๋ชิงอวี๋ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขากะพริบตาที่แดงก่ำ จากนั้นโค้งกายคำนับพี่สาวจากที่ไกลๆ

หวังต้งที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงอวี๋ลำคอร้อนผ่าว ตอนที่ไป๋ชิงอวี๋ยังเป็นอ๋องหน้ากากผีของหรงตี๋ หวังต้งเอาแต่หลบอยู่ในที่พักไม่กล้าโผล่หน้าให้ผู้อื่นเห็น เขากลัวว่าคนคุ้นเคยที่เมืองหลวงจะจำเขาได้จนสร้างปัญหาให้เจ้านาย เขาได้แต่ก้มศีรษะคำนับคุณหนูใหญ่และฮูหยินทุกคนของตระกูลไป๋จากที่ไกลๆ

เมื่อเห็นไป๋ชิงอวี๋เดินตรงเข้าไปในเรือน หวังต้งรีบเดินตามเจ้านายไปติดๆ

ไป๋ชิงเหยียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย ใบหน้าของอาอวี๋คมคายและโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนมากนัก ขอบตาของนางร้อนผ่าว

ตอนที่ได้ยินเสียงแหบพร่าของอาอวี๋ในวังหลวง ไป๋ชิงเหยียนก็รู้ดีว่าอาอวี๋ถูกไฟไหม้ ดังนั้นจึงไม่เคยฝืนบังคับให้น้องชายถอดหน้ากากออก นางกลัวว่าน้องชายจะรับไม่ได้ กลัวว่ามารดาจะเสียใจเมื่อเห็นใบหน้าของอาอวี๋ บัดนี้ได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์ครึ่งซีกของอาอวี๋ ใจที่เป็นกังวลมาโดยตลอดของไป๋ชิงเหยียนลงคลายความกังวลลง ทว่า นางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก

น้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงอวี๋เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้น กล่าวเสียงสะอื้น “พี่หญิง อาอวี๋กลับมาในนามของตัวเองแล้วขอรับ”

“คุณหนูใหญ่…” หวังต้งคุกเข่าคำนับศีรษะแนบพื้น “หวังต้งไร้ความสามารถ ข้าปกป้องเจ้านายไว้ไม่ได้ คุณหนูใหญ่ได้โปรดลงโทษข้าด้วยเถิดขอรับ”