ตอนที่ 2,410 : หมู่บ้านเกาเหล่า
ถึงต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้เห็นด้วยสองตาตัวเอง ว่าในตอนนั้นฟงชิงหยางต้องพบเจออะไรและทำแบบไหน ถึงได้รอดชีวิตเป็นคนสุดท้ายในตอนจบ จนรับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนมาได้สำเร็จ
ทว่าเขาสามารถจินตนาการออกได้ไม่ยาก
ฟงชิงหยางสมควรสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้เหล่าครึ่งก้าวเซียนอมตะของอีก 4 ระนาบแน่นอน!
‘อาวุโสฟงชิงหยางบรรลุยอดใจกระบี่ทั้ง 5 ขอบเขตที่คิดค้นขึ้นเอง นั่นหมายความว่าแม้พลังฝึกปรือจะเป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะ และไร้เวทย์พลังจากระนาบเทวโลกรวมถึงไม่มียอดสมบัติสวรรค์…ทว่ายามลงมือเต็มกำลังก็สมควรเทียบได้กับเซียนอมตเสเพล 5 ทัณฑ์!’
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนที่ได้รับสืบทอดยอดใจกระบี่มาเข้าใจดี!
“ด้วยพลังของผู้อาวุโสฟงชิงหยางในตอนนั้น เหล่าครึ่งก้าวเซียนอมตะจากระนาบอื่นทั้งหลายคงไม่ต่างใดจากทหารเลวสินะ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำ
แม้เสียงต้วนหลิงเทียนจะไม่ดัง แต่จางยี่ก็ยังได้ยิน มันส่ายหน้าไปมาเบาๆค่อยกล่าวปฏิเสธความคิดต้วนหลิงเทียน “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก…”
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามจางยี่ด้วยความสงสัยทันที “ทำไมเจ้าพูดแบบนี้ล่ะ…หรือเจ้ายังไม่รู้ว่าก่อนอาวุโสฟงชิงหยางจะเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ พลังฝีมือก็เหนือกว่าเซียนอมตะเสเพลทั่วไปแล้ว”
“ในระนาบเซียนของข้าสมัยนั้น เหล่าครึ่งก้าวเซียนอมตะยามอยู่ต่อหน้าอาวุโสฟงชิงหยางก็ไม่ต่างใดจากลูกไก่อ่อนแอ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสริม
“เรื่องนั้นน่ะข้าไม่ค้านหรอก”
จางยี่พยักหน้ารับกล่าวว่า “ข้าได้เห็นฉากเรื่องราวที่บรรพชนบันทึกไว้ในปีนั้นและส่งต่อกันมาในสำนักเทียนซือแล้ว ว่าในสมัยนั้นแดนลับต่างสวรรค์เกิดอะไรขึ้นบ้าง…”
“จริงอยู่ที่ฟงชิงหยางจากระนาบเซียนของเจ้าจะไร้ยอดสมบัติสวรรค์อันใด แต่เหมือนจะเชี่ยวชาญเวทย์พลังที่ร้ายกาจจากระนาบเทวโลก ทำให้มีพลังอำนาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ทั้งที่ยังเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ”
ได้ยินคำของจางยี่ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจบางอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะลอบส่ายหัวไปมาในใจ
เขาตระหนักได้ว่าในสายตาคนอื่นๆ เคล็ดพลังกระบี่ของอาวุโสฟงชิงหยาง ล้วนถูกมองเป็นเวทย์พลังที่มาจากระนาเทวโลก…
ตอนนี้เองจางยี่พลันหันมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “ฟงชิงหยางในยุคนั้น ตอนที่ยังไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน หากให้กล่าวตามตรงยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าตอนนี้เสียอีก…”
จางยี่เองก็ได้เห็นต้วนหลิงเทียนลงมือมาบ้าง
ครั้งแรกเลยก็คือสังหารหรงปัวกับเฝิงหม่านในกระบี่เดียว
ครั้งที่สองก็เป็นตอนคลี่คลายสถานการณ์คับขันในด่านทดสอบก่อนจะได้รับเบาะแสอย่างจานเข็มทิศ…
ด้วยสายตาของจางยี่ มันจึงพอประเมินพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนออกมาจากประสบการณ์ของตัว!
มันจึงได้ตระหนัก ว่าพลังของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ง่ายดายเหมือนเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ธรรมดาๆ…
ยังมีแนวโน้มว่าจจะเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!
สาเหตุที่ไฉนจางยี่ประเมินออกมาแบบนี้เพราะพลังของมันยังอ่อนด้อยเกินไป สายตาของมันก็ไม่ได้สูงถึงขั้นจะมองทุกสิ่งได้กระจ่าง…
เพราะความจริงแล้วในสถานสมบัติที่ได้รับเบาะแสมา ตอนที่คลี่คลายสถานการณ์คับขันที่ว่า ต้วนหลิงเทียนได้ใช้กระบี่เซียนอมตะผสานไว้ด้วยพลังกระบี่จากขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่อย่างกระบี่ใจกระจ่างด้วยกระบวนท่า กายกระบี่รวมหนึ่ง! จึงมีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!!
กล่าวได้ว่า…
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่ทันใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน หากแค่อาศัยสองสิ่งนี้ พลังของเขาก็เทียบได้กับฟงชิงหยางในปีนั้นตอนที่ยังไม่ได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้…
หากต้วนหลิงเทียนใช้ปฐมเวทย์กลืนกินล่ะก็ พลังของเขาจะยกระดับขึ้นไปอีก 2 ขีดขั้นทันที!
เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!
แน่นอนว่าที่ต้วนหลิงเทียนเหนือกว่าฟงชิงหยางในปีนั้นเพราะเหตุผลหลักๆ 2 ประการ หนึ่งคือเขามีปฐมเวทย์กลืนกิน สองคือเขามีกระบี่เซียนอมตะ!
หากไร้สองสิ่งนี้ เขาย่อมเทียบกับฟงชิงหยางตอนนั้นไม่ได้!
เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็พึ่งบรรลุถึงขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่เท่านั้น ยังไม่เห็นทางจะบรรลุขอบเขตที่ 5 แต่อย่างใด
ได้ฟังคำประเมินของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเองก็ตาไม่ถึง เพราะไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาได้สำแดงพลังขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ออกไปแล้วแท้ๆ…
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดฉีกหน้าอีกฝ่าย
“แต่เจ้าคิดจริงๆหรือ…ว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะจาก 4 มหาระนาบที่เหลือจะเป็นตะเกียงประหยัดน้ำมัน?”
จางยี่พูดถึงจุดนี้ ก็หยุดไปครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นค่อยกล่าวต่อว่า “ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ตอนนั้นจาก 4 มหาระนาบโลกียะรวมถึงระนาบเหยียนหวงของข้า ไม่ใช่แค่อายุไม่ถึงร้อยปีธรรมดาบางคนยังเชี่ยวชาญเวทย์พลังจากระนาบเทวโลก รวมถึงมียอดสมบัติสวรรค์!”
“ตอนนั้นในบรรดาครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ประชันขันแข่งกับอาวุโสฟงชิงหยางของเจ้า ยังมีกระทั่งตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ด้วยซ้ำ แต่เป็นธรรมดาว่าตัวตนเช่นนั้นมีน้อยและพบได้ยากยิ่ง”
จางยี่กล่าวต่อ
“อะไรนะ?!”
ได้ยินคำของจางยี่ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะจากอีก 4 ระนาบที่เหลือจะมีตัวตนที่ร้ายกาจขนาดนี้ด้วย!
ระดับนั้นไม่ใช่ว่าเหนือกว่าฟงชิงหยางในปีนั้นแล้วรึไง?
“อันที่จริงแล้วครึ่งก้าวเซียนอมตะที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์คราวนี้ ก็มีอัจฉริยะที่ร้ายกาจมากมาย…เช่นเดียวกับระนาบเหยียนหวงของข้า อัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดในรุ่นนี้ของ หมู่บ้านเกาเหล่า ยังเป็นถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!”
จางยี่กล่าวออกมารวดเดียวจบ
“ครึ่งก้าวเซียนอมตะ…เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์”
“ยังมาจากระนาบเหยียนหวง”
ต้วนหลิงเทียนตกใจกับคำของจางยี่ไม่น้อย
“เดี๋ยวนะ!”
ทันใดนั้นคล้ายตระหนักได้ถึงบางสิ่ง สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที หันไปมองถามจางยี่วว่า
“จางยี่เมื่อครู่เจ้าพูดถึงหมู่บ้านเกาเหล่า…นั่นคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ แม่ทัพเทียนเผิง ‘จูกังอี้’จากระนาบเหยียนหวงของเจ้าหรอกนะ?”
แม่ทัพเทียนเผิง จูกังอี้!!
นั่นเป็นตัวตนจากตำนานโบราณที่โด่งดังในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียนเมื่อชาติที่แล้ว
นอกจากนั้นในตำนานโบราณที่โด่งดังในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียนอย่าง ‘ไซอิ๋ว’ แม่ทัพเทียนเผิงจูกังอี้ผู้นี้ยังมีอีกฐานะหนึ่งนั่นก็คือ ‘ตือโป๊ยก่าย’ ศิษย์คนที่สองของพระถังซัมจั๋ง!
“จูกังอี้ นั่นคือนามของผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเกาเหล่า!”
“เจ้า…เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนจางยี่อดตกใจไม่ได้
ต้องทราบด้วยว่าแม้ หมู่บ้านเกาเหล่า จะนับเป็นขุมพลังอันร้ายกาจขุมหนึ่งในระนาบเหยียนหวง กระทั่งความแข็งแกร่งโดยรวมยังไม่ได้ไปกว่าสำนักเทียนซือของมัน แต่เมื่อเทียบกับสำนักเทียนซือแล้ว หมู่บ้านเก่าเหล่านั้นมีคนรู้จักน้อยกว่ากันมาก…
ในบรรดาขุมพลังทั้งหลายของระนาบเหยียนหวง มีเพียงขุมพลังที่บรรพชนผู้ก่อตั้งอพยพมาจากดาวเหยียนหวงเท่านั้นถึงจะรู้จัก หมู่บ้านเกาเหล่า! นับประสาอะไรกับนามของบรรพชนผู้ก่อตั้ง!!
ก่อนหน้านี้ตอนต้วนหลิงเทียนเอ่ยชื่อที่แท้จริงของบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักเทียนซือออกมา ก็ทำให้จางยี่ตกใจแทบตายแล้ว…
ทว่าภายหลังพอได้ฟังเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาว่าพบพานโครงกระดูกที่น่าจะเป็นคนของสำนักเทียนซือ มันก็เลยไม่แปลกใจอะไรอีก
นอกจากนั้นมันยังเชื่ออีกด้วย
ทว่าตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนเอ่ยนามของบรรพชนผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเกาเหล่าขึ้นมา มันไม่อาจไม่ตกใจ!
กระทั่งมันยังเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว…
เหตผลที่ต้วนหลิงเทียนใช้อธิบายเรื่องที่ล่วงรู้นามบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักเทียนซือของมันใช่ยกอ้างขึ้นมาอย่างขอไปทีหรือไม่?
เมื่อเห็นสายตาคลางแคลงสงสัยที่มองมาของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าเขาเผยข้อมูลมากเกินไป
กระทั่งยังเดาได้ว่าในใจของจางยี่กำลังคิดอะไรอยู่
“อันที่จริงข้าไม่ได้เจอโครงกระดูกของคนในสำนักเทียนซือของเจ้าที่ระนาบเซียนหรอก…”
ต้วนหลิงเทียนที่ตัดสินใจได้ในพริบตา ชิงกล่าววออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายแคลงใจ “เหตุผลที่ข้ารู้ว่าบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักเทียนซือของเจ้าเป็นใคร รวมถึงผู้ใดคือบรรพชนผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเกาเหล่านั่น ทั้งหมดล้วนเป็นข้าได้รับมรดกบางประการโดยบังเอิญที่ระนาบเซียน…”
“มรดก?”
จางยี่มองต้วนหลิงเทียนสงสัย
“มรดกที่ข้าได้รับมาก็คือยอดสมบัติชิ้นหนึ่งที่ข้าบังเอิญพบเจอระหว่างเดินทางฝึกฝนในระนาบเซียน และมันเป็นยอดสมบัติที่เรียกว่า ‘เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ’ วิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็คือ อีกาทองคำ 3 ขา จากระนาบเหยียนหวง…”
ต้วนหลิงเทียนเลือกยกอ้างเรื่องของผู้เฒ่าหั่วออกมา
“ว่าอะไร!?”
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้อธิบายจบ จางยี่ก็โพล่งัดขึ้นมาด้วยความตกใจ ยังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “เจ้า…เจ้าบอกว่า เจ้าได้รับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติงั้นเหรอ?!”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเริ่มอธิบายชื่อยอดสมบัติสวรรค์ประจำเจดีย์แต่ละชั้นออกมา “เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมีทั้งสิ้น 7 ชั้น และชั้นแรกก็เป็นที่สถิตย์ของวิญญาณประจำเจดีย์ อีกาทองคำ 3 ขา ที่ข้าพึ่งกล่าวถึง…ส่วนชั้นที่ 2 เป็นกระบี่ เรียกว่า กระบี่นิลสวรรค์…”
“ส่วนชั้นที่ 3 ก็คือ”
ต้วนหลิงเทียนพูดถึงตรงนี้จางยี่ก็ยกมือขึ้นมาขัดจังหวะ
หลังขัดจังหวะต้วนหลิงเทียนแล้ว จางลี่ก็เริ่มพูดออกมาว่า “ชั้นที่ 3 คือ ง้าวเทวะสะท้าน ชั้นที่ 4 บรรทัดจักรวาล ชั้นที่ 5 ร่มข่ายฟ้า ชั้นที่ 6 ไม้ปัดฝุ่นชำระโลกา ชั้นที่ 7 หอกนภาสงคราม…”
เรียกว่าจางยี่กล่าวานามยอดสมบัติสวรรค์ประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่เหลือออกมาต่อจากต้วนหลิงเทียนจนครบ!
“หือ…เจ้ารู้จักเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติด้วยเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“ข้าย่อมรู้แน่นอน!”
จางยี่กล่าวตอบออกมาด้วยสีหน้าจริงจังเสียงเข้ม “เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเป็นยอดสมบัติสวรรค์ในตำนาน! แม้จะเป็นในระนาบเทวโลก ก็ยังถือเป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับต้นๆ!!”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ มันเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาในดาวเหยียนหวงของระนาบเหยียนหวงเรา! เป็นความภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุดของลูกหลานที่มาจากดาวเหยียนหวง!!”
พูดจบ แววตาที่จางยี่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เผยความเร่าร้อนนัก!