ตอนที่ 269-2 ความตายของธิดาเทพและสตรีศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้เขาจะจ้างเรือสักลำออกทะเลไปจากเผ่าถ่าน่า เขาไม่เชื่อหรอกว่าจีหมิงซิวจะรออยู่ที่นี่ได้ทั้งชีวิต เขาจะไม่เอาตระกูลจี ไม่เอาตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีได้หรือ รอจีหมิงซิวกับนางยักษ์คนนั้นจากไปแล้ว เขาค่อยกลับมาที่เกาะอีกหน!
ใต้เท้าเจ้าสำนักวางแผนการเสร็จสรรพก็เดินไปทางประตูใหญ่อย่างลำพองใจ ทว่าเขากลับต้องกลัดกลุ้มยิ่งนักเพราะประตูใหญ่ถูกปิดแน่นหนา ไม่มีคำสั่งของจั๋วหม่าน้อย ผู้ใดก็ออกไปมิได้
ออกประตูใหญ่ไม่ได้ เขาก็จะออกประตูเล็ก!
ตอนเขาเป็นจอมโจรชื่อกระฉ่อนมหาสมุทร เจ้าพวกนี้ยังกลิ้งอยู่ในครรภ์มารดาอยู่เลย!
ปราสาทเฮ่อหลันเล็กๆ แห่งหนึ่งจะขังเขาไว้ได้หรือ
ฮ่าๆ!
ใต้เท้าเจ้าสำนักหัวเราะหยันอย่างดูแคลน แล้วฉกเชือกม้วนใหญ่ออกมาจากห้องเครื่องมือ มุ่งหน้าไปยังจุดที่คนน้อยที่สุด
พอเขาหาสถานที่หลบหนีอันยอดเยี่ยมพบ เขาก็ผูกแขนเสื้อจนแน่น ป้องกันไม่ให้หีบร้อยสมบัติหรืออ่างทองคำใบโตของเขาหล่นร่วงจากแขนเสื้อกลางทาง หากเป็นเช่นนั้นเกิดเสียงดังยังไม่เท่าไร แต่คงได้ร่วงตกลงไปหน้าเละจำไม่ได้
เฮ้อ เหตุใดเขาจึงฉลาดเช่นนี้กันนะ
ใต้เท้าเจ้าสำนักผูกแขนเสื้อเสร็จก็เหวี่ยงเชือกไปแขวนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง หลังจากนั้นจึงจับเส้นเชือกปีนขึ้นไปบนกำแพง ตอนที่เขากำลังจะไถลตัวลงมาตามเชือกนั่นเอง องครักษ์ที่ลาดตระเวนคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา เขาย่อมไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือท่านโหราจารย์ผู้สูงส่ง เขาตวาดลั่นทันที “ผู้ใด!”
ใต้เท้าเจ้าสำนักคิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าระหว่างทางจะมีเฉิงเหย่าจิน[1]คนหนึ่งโผล่ออกมา เขาตกใจจนขาอ่อน เท้าลื่นพรืด หงายหลังร่วงลงมาทั้งตัว!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ธิดาเทพเคลื่อนกำลังภายในไว้ที่ฝ่าเท้า เหินร่างขึ้นมาเหยียบมีดบิน หยั่งเท้าสามหนก็เกือบจะถึงจุดหมาย ทว่าทันใดนั้นของใหญ่โตชิ้นหนึ่งก็ร่วงลงมากระแทกศีรษะอย่างแรง
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน นางไม่ทันตอบสนองแม้แต่น้อยก็ถูกของใหญ่โตชิ้นนั้นร่วงทับจนจมลงไปในพื้น
อ้ากกก
ใต้เท้าเจ้าสำนักกรีดร้อง
“มีคนร่วงลงไปแล้ว เร็ว!” องครักษ์บนกำแพงเป่าแตรสัญญาณ
องครักษ์ทั้งปราสาทตื่นตัว คว้ากระบี่ยาววิ่งมาทางที่ใต้เท้าเจ้าสำนักอยู่
องครักษ์จางจำเขาได้ “ท่านโหราจารย์หรือ ท่านโหราจารย์! ท่านโหราจารย์!”
ใต้เท้าเจ้าสำนักหลับตาปี๋แล้วกรีดร้อง “อ้ากกก”
องครักษ์จางตบเขาเบาๆ “ท่าน…ท่าน…ท่านไม่เป็นอันใดนะ ท่านโหราจารย์?”
“หืม” ใต้เท้าเจ้าสำนักลืมตาขึ้นมององครักษ์จางกับองครักษ์กลุ่มหนึ่งที่ตาโตอ้าปากค้างอยู่ จากนั้นก็ก้มมองตัวเอง เขายกมือขึ้นลูบหน้าอก หัวใจยังเต้น ยกมือขึ้นลูบแขนเสื้อ สมบัติยังอยู่!
ดีจริงๆ! ดีจริงๆ!
ใต้เท้าเจ้าสำนักลุกพรวดขึ้นมากระโดดโลดเต้น “ข้ายังไม่ตาย! ข้ายังไม่ตาย! ข้ายังไม่ตาย!”
ธิดาเทพผู้ถูกเขานั่งทับ “…”
องครักษ์ที่มุงดูอยู่รอบด้าน “…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักเหยียบสักพักก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เหตุไฉนจึงนุ่มนิ่มเช่นนี้ เขาก้มหน้ามอง มารดาช่วยด้วย เหตุใดมีสตรีนางหนึ่งอยู่ตรงนี้
หลังจากถูกใต้เท้าเจ้าสำนักนั่งทับจนมึน ธิดาเทพก็ถูกย่ำเหยียบจนกระอักเลือด
ใต้เท้าเจ้าสำนักร่วงลงมาสูงปานนั้น แรงที่ตกลงมาจึงมากมายยิ่งนัก ทั้งร่างของธิดาเทพฝังอยู่ในดิน แงะก็แงะไม่ออก
…
ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ย่อมเป็นธิดาเทพถูกจับตัวเอาไว้ได้ แผนการหลบหนีของใต้เท้าเจ้าสำนักเองก็จบสิ้นลงอย่างรวดเร็ว
ใต้เท้าเจ้าสำนักกลับมาในปราสาทเฮ่อหลันอย่างแค้นใจยิ่ง
ใจแทบสลาย!
ใจแทบสลายจริงๆ นะ!
จีหมิงซิวตบไหล่ของน้องชาย แล้วเอ่ยอย่างรักใคร่ “ข้ารู้อยู่แล้วเชียวว่าเจ้าเป็นคนดี หนนี้จับตัวธิดาเทพเอาไว้ได้ ล้วนเพราะความดีความชอบของเจ้า”
ความโศกเศร้าของใต้เท้าเจ้าสำนักหลั่งไหลรวมกันเป็นแม่น้ำ!
…
แต่เดิมความผิดของธิดาเทพไม่ถึงขั้นถูกตัดสินโทษสูงสุด แต่นางกลับกล้าปลอมเป็นนางกำนัลชิงเหยียนพาตัวนักโทษหนีไปจากคุก แล้วยังทำร้ายองครักษ์ที่คุมคุกบาดเจ็บไปสองคน นอกจากนั้นยังวางแผนลักลอบเข้าปราสาทเฮ่อหลันมาลอบสังหารจั๋วหม่าน้อยกับโหราจารย์อีก ความผิดนานาประการรวมเข้าด้วยกันเพียงพอให้นางตายสักหลายหน
มีคำกล่าวประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘ไม่รนหาที่ตายก็คงไม่ตาย’ คำพูดนี้คงกล่าวถึงนางเป็นแน่แท้
ส่วนสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่หนีออกไปเหล่านั้น เฉียวเวยไม่กังวลเลยสักนิด เพราะ…อีกไม่นานพวกเขาก็จะได้พบหน้ากันแล้ว
…
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่ง หลังออกจากที่แห่งนี้ พวกเราจะไปที่ใด” บนเรือลำน้อย สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามถามอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่งตอบว่า “ไปจงหยวนก่อน”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสี่เอ่ยปากขึ้นว่า “ต้าเหลียงหรือ ข้าได้ยินว่าต้าเหลียงเป็นถิ่นของตระกูลจี พวกเราบุ่มบ่ามเข้าไปเช่นนี้ หากพบจีหมิงซิวกับจั๋วหม่าน้อยขึ้นมาจะทำอย่างไร”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามจึงกล่าวว่า “สถานที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ปลอดภัยที่สุด พวกเขาต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าพวกเราจะไม่เลือกเดินทางไปหนานฉู่ แต่เดินทางไปต้าเหลียง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหกพยักหน้า “สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่งกล่าวไม่ผิด ต้าเหลียงแผ่นดินกว้างใหญ่ ตระกูลจีมิอาจใช้มือเดียวปิดฟ้า ต่อให้พวกเราไม่มีวรยุทธ์แล้ว แต่บนตัวพวกเราก็มีความสามารถที่หาเงินได้มากมาย ยังต้องกลัวไร้หนทางลงหลักปักฐานที่นั่นอีกหรือ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับหนึ่งยิ้มอย่างลำพอง “ไม่ผิด โลกภายนอกนับถือชนเผ่าถ่าน่าของพวกเรายิ่งนัก พวกเขาเรียกพวกเราว่าชนเผ่าลึกลับ ศิษย์ของชนเผ่าลึกลับได้รับการต้อนรับจากฮ่องเต้ดุจแขกผู้ทรงเกียรติ องค์ชายของต้าเหลียงมีมากมายนัก ไม่ว่าพวกเราเข้าพวกกับผู้ใด ก็สามารถยืมมือเขากำจัดจั๋วหม่าน้อยกับจีหมิงซิวได้!”
หัวใจของทุกคนมีความฮึกเหิมลุกโชนขึ้นมาอีกหน ต่อให้ที่แห่งนี้ไม่มีตำหนักธิดาเทพแล้ว วันหน้าก็ยังสร้างตำหนักธิดาเทพบนแผ่นดินต้าเหลียงได้! พอถึงวันนั้น ย่อมเป็นเวลาชำระแค้นของพวกนาง!
“อ๊ะ” จู่ๆ หน้าอกของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สี่ก็เจ็บแปลบ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่ห้ารีบถามว่า “ศิษย์พี่สี่ ท่านเป็นอะไร”
เพิ่งสิ้นเสียง หน้าอกของตัวนางเองก็เจ็บแปลบเช่นเดียวกัน
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หกมองพวกนางอย่างประหลาดใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เจ็บมาก…” สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สี่กุมหน้าอก
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่ห้าเจ็บจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
ไม่นาน สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามก็เริ่มเจ็บปวดบ้างแล้ว หนึ่งเค่อหลังจากนั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หกก็เจ็บปวดจนล้มฟุบลงไปบนไม้กระดานเรือ!
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งกุมคอเสื้อ “เร็ว…รีบกลับเกาะ!”
…
บนชายฝั่งเฉียวเวยกับทหารม้าเหล็กของตระกูลเฮ่อหลันสิบกว่านายรอคอยอยู่เป็นเวลานานแล้ว
เมื่อเห็นเรือน้อยพายกลับมาอย่างเชื่องช้า สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจ้วงพายด้วยสีหน้าซีดเผือด เฉียวเวยก็ยิ้มแย้ม ยกมือขึ้น “สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหมือนจะไม่ค่อยมีแรงนัก รีบไปช่วยสักหน่อยสิ”
ทหารม้าเหล็กของตระกูลเฮ่อหลันสองนายเดินลุยลงไปในทะเลแล้วลากเรือเข้ามาที่ฝั่ง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเจ็บจนคู้ตัวเป็นก้อน เหงื่อกาฬไหลโชก ริมฝีปากกลายเป็นสีม่วง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งถลึงตาใส่เฉียวเวยอย่างเย็นชา “เจ้า..เจ้าทำอะไร…กับพวกเรา”
เฉียวเวยก้มลงไป แย้มยิ้มสว่างไสว “สามีข้าบอกว่าพวกเจ้าเป็นคนชั่วช้าเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว น่ากลัวว่าคงจะไม่ยอมรับโทษง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเจ้าทำสิ่งใดที่ไม่อาจแก้ไขได้ สามีของข้าจึงให้ข้าใส่แมลงกู่นิดหน่อยไว้ในร่างของพวกเจ้า”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้ากล้าใส่แมลงกู่ไว้ในตัวพวกข้าหรือ”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว มองนางอย่างขบขัน “แต่ไหนแต่ไรมีแต่พวกเจ้าใช้แมลงกู่กับผู้อื่น รสชาติของการถูกผู้อื่นใช้แมลงกู่เล่นงานคงเพิ่งจะเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกสินะ เป็นอย่างไรเล่า รู้สึกดีหรือไม่ ข้าใช้แมลงกู่ขับขานราตรีที่พวกเจ้าเลี้ยงไว้เองเชียวนะ ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากหรือไม่”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งโกรธจนกระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำ “เจ้า…ต่ำช้า!”
เฉียวเวยหัวเราะเบาๆ “โถ อยู่ต่อหน้าพวกเจ้าข้าไม่กล้ารับคำนี้หรอก จริงสิ วันนี้ธิดาเทพไปปราสาทเฮ่อหลัน เรื่องนี้เจ้ารู้สินะ”
“เจ้าทำอะไรกับนาง” สตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งสองตาวาวโรจน์
เฉียวเวยตอบว่า “แต่เดิมนางคิดจะลอบสังหารพวกข้า แต่น่าเสียดายถูกจับได้แล้ว”
ใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งบิดเบี้ยวในพริบตา
“นางมีชีวิตอยู่ได้ แต่ตัวนางกลับดันทุรังมารนหาที่ตาย ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะให้นางสมหวัง พวกเจ้าศิษย์อาจารย์ มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน นางไปรอพวกเจ้าในสถานที่ดีๆ แล้ว พวกเจ้าก็ออกเดินทางไปบ้างเถิด” เฉียวเวยกล่าวจบก็หุบรอยยิ้ม เหยียดร่างขึ้นมา “ฤกษ์ดีมาถึงแล้ว คุมตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไปผาใจสลาย ตอกหมุดสะบั้นวิญญาณสี่สิบเก้าเล่ม ลงทัณฑ์บัดเดี๋ยวนี้!”
[1]เฉิงเหย่าจิน แม่ทัพผู้กล้าหาญคนหนึ่งในสมัยราชวงศ์ถัง