ตอนที่ 2,416 : ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นที่ 2!
“บ้า! บ้าไปแล้ว!!”
“เจ้าหนุ่มนี่มันเสียสติไปแล้วหรือไร!? ถึงมันจะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะที่เชี่ยวชาญเวทย์พลังของระนาบเทวโลก แต่ที่มันกำลังเจออยู่อย่างไรก็เป็นเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์! ในระนาบที่ข้าจากมาครึ่งก้าวเซียนอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ก็มีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เท่านั้น แถมยังเป็นตัวตนที่หาได้ยากยิ่งกว่าเขามังกรขนหงส์!”
“แล้วมันคิดว่าตัวมันเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะระดับนั้นด้วยหรือไร!?”
“เหอะๆ! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันยากจะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะระดับนั้น…ต่อให้เป็นจริง ก็มิอาจกล่าววาจาเช่นนี้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ที่แท้จริงได้!”
“นั่นสิ! มันหาญกล้าพูดมาแบบนี้ ก็มิต่างใด ‘ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวพยัคฆ์’ ทั้งไม่รู้ว่าฟ้ามันสูงและแผ่นดินหนาเพียงใด…กระทั่งยังไม่รู้ตัวว่าแค่วาจาไม่กี่คำก็อาจนำพาความตายมาสู่มันได้!”
…
เหล่าผู้ชมโดยรอบพอดึงสติกลับมาได้ สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ทำราวกับสายตาที่ใช้มองตัวโง่งม
“อาศัยเจ้าน่ะหรือ คิดฆ่าข้าเผยกุ่นซาน?”
เผยกุ่นซานพอฟื้นสติก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลนรังเกียจ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยันหยาม “ไอ้หนู ข้าจักให้โอกาสเจ้าบอกความเป็นมาอีกครั้ง…หาไม่แล้วข้าจักขอลงมือแทนอาวุโสของเจ้า! สั่งสอนบทเรียนให้เด็กน้อยไม่รู้ความเช่นเจ้าสักครา!!”
กล่าวถึงประโยคนี้แววตาเผยกุ่นซานก็เริ่มทอประกายดุร้ายขึ้นมา
“ท่านปู่ ท่านจักเสียเวลากล่าวคำกับตัวบัดซบนี่ทำอะไร เพียงฆ่ามันทิ้งไปเลยเถอะ!!”
เผยเลี่ยนเฉิงหันไปกล่าวเร่งเผยกุ่นซาน ก่อนที่จะชักสายตากลับไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความมุ่งร้าย
ได้ยินดังนั้น เผยกุ่นซานก็ขมวดคิ้ว หากแต่มันไม่อาจตัดสินใจลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนอย่างผลีผลาม…
เหตุที่ไฉนมันไม่อาจตัดสินใจลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนได้นั้น เพราะมันหวาดกลัวว่าการลงมือฆ่าอีกฝ่าย จะเป็นการชักนำหายนะเภทภัยครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ตัว…
ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่เชี่ยวชาญเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกแบบนี้ 9 ใน 10 ย่อมมาจากขุมพลังระดับแนวหน้าของระนาบโลกียะแน่นอน ขณะเดียวกันก็เป็นดาวรุ่งอัจฉริยะที่ขุมพลังให้การฟูมฟักมาเป็นอย่างดี…
หากตัวตนเช่นนี้ตกตายไป ขุมพลังเบื้องหลังย่อมพิโรธเป็นฟืนไฟและไม่มีวันเลิกราง่ายๆแน่นอน!
ถึงตอนนั้นต่อให้มันจะเป็นชนชั้นผู้พิทักษ์อาวุโสของขุมพลังในระนาบโหมหลัว แต่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายจะหาทางเข้าระนาบโหมหลัวของมันไม่พบ กระทั่งไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะมาละเลงเลือดถึงขุมพลังมันที่ระนาบโหมหลัวหรือไม่…
“โฮ่? ต้องการสั่งสอนบทเรียนให้ข้าแทนอาวุโสของข้างั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเย้ยเยาะวาจาดังกล่าวของเผยกุ่นซาน “น่าเสียดาย แต่เจ้าคงไม่มีโอกาสนั้นหรอก…”
“หืม?”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะงุนงง ด้วยไม่เข้าใจและไม่อาจจินตนาการได้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวมาแบบนี้ที่แท้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
วูบ!
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้นเบาๆ เอื้อมคว้าไปยังกระบี่เล่มหนึ่งที่ผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่ามากระชับถือไว้
“ใจกระบี่เหิน”
และก่อนที่ทุกคนไม่เว้นเผยกุ่นซานจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด มวลพลังในร่างต้วนหลิงเทียนที่ได้รับการยกระดับจากปฐมเวทย์กลืนกิน ก็โคจรไหลเชี่ยวดั่งน้ำหลากผ่านชีพจรเซียน 99 สายถ่ายทอดลงสู่กระบี่เซียนอมตะฉับไว!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
ทันใดนั้นกระบี่เซียนอมตะในมือพลันกลับกลายคล้ายลำแสงสายหนึ่ง เหินพุ่งออกไปด้วยพลังอำนาจทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึง!
เนื้องเพราะมิติของแดนลับต่างสวรรค์นั้นมีความเสถียรและมั่นคงยิ่งกว่าระนาบโลกียะ ทำให้แม้กระบี่เซียนอมตะจะปะทุพลังอันเกรี้ยวกราดออกกมา แต่ก็ยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นฉีกเปิดความว่างได้…
“ปะ…เป็นไปไม่ได้!”
นอกจากหานเฉวี่ยไน่ที่อยู่ใกล้ต้วนหลิงเทียนที่สุดแล้ว ก็มีแต่เผยกุ่นซานเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวจากตัวกระบี่ได้เป็นคนแรกทันทีที่มันปรากฏขึ้นมา
และเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวกระบี่นั่น ร่างมันอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปวูบหนึ่งด้วยรู้สึกถึงอันตราย ทั้งยังเป็นอันตรายใหญ่หลวง!!
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวตรงหน้า ถึงได้อุทานคำเป็นไปไม่ได้ออกมา!
“ไม่! นี่มิใช่พลังของมัน…นะ…นั่นมันยอดสมบัติสวรรค์!!”
พริบตาสีหน้าเผิงกุ่นซานก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตอนแรกมันเพียงสัมผัสถึงอันตราย แต่มาตอนนี้มันพบแล้วว่าที่แท้กระบี่ของชายหนุ่มชุดม่วง คือยอดสมบัติสวรรค์!
ทันใดนั้น ใจมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นประการหนึ่ง!
ฟั่ฟฟฟ!!
และกว่าที่เผยกุ่นซานจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว ในหูมันก็ได้ยินเสียงกระบี่แว่วดังขึ้น ทว่าเสียงกระบี่แผ่วเบานี้สำหรับเผยกุ่นซานแล้วมันดังไม่ต่างใดจากฟ้าร้องในหู!
พริบตาต่อมา เผยกุ่นซานก็เห็นกระบี่ที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงล้ำ มองไปประหนึ่งดาวตกลัดฟ้าในยามค่ำคืนพิกล!
“ไม่…!!”
จังหวะนี้เผยกุ่นซานรีบเร่งเร้าพลังทั่วร่างเป็นการด่วน
อนิจจาตั้งแต่แรกเห็นความเร็วของกระบี่ตรงหน้ามันก็ตระหนักได้เรื่องหนึ่ง…
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันพึ่งมาเร่งเร้าพลังเอาตอนที่มันสายเกินไป…ต่อให้มันเร่งเร้าพลังเอาไว้แต่แรกก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรได้!
เพียงเพราะเมื่อตระหนักได้ถึงความเร็วในการพุ่งทะยานแหวกฟ้าเข่นฆ่าสังหารมาของกระบี่ มันก็รู้ตัวทันทีว่ากระบี่ที่ทรงพลังระดับนี้ มีเพียงแต่เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เท่านั้นที่ใช้ออกได้!
‘ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ทัดเทียมกับเวียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์…’
สึบบ!!
เสียงเจาะทะลวงดังขึ้นสำเนียงแผ่ว เป็นหว่างคิ้วของเผยกุ่นซานไม่ทราบถูกเจาะทะลวงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงจิตของมันแตกสลายลงทันใด วิญญาณยังเริ่มกระจัดกระจาย เศษเสี้ยววิญญาณสุดท้ายได้แต่คิดไปอย่างหวาดกลัว…
เพราะตอนนี้มันเข้าใจแล้วว่าไฉนชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าถึงได้กล่าววาจาทำราวกับไม่เห็นหัวมันแบบนี้…
“เป็นผู้ใหญ่แต่ไม่อบรมลูกหลานในบ้านให้ดี…ในเมื่อเจ้าคิดให้ท้ายหลานชั่วแบบนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ลงนรกไปพร้อมมันเลยแล้วกัน…”
เรียกว่ามันพึ่งมาตระหนักได้ซึ้งถึงแก่นเอาในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต…ว่าวาจาขอชายหนุ่มนั้นไม่ได้อวดดี เพียงแค่อีกฝ่ายมีพลังสามารถสูงพอกระทำเช่นนั้นจริงๆ…
สึบบบ!!
หลังเผยกุ่นซานถูกกระบี่ต้วนหลิงเทียนเจาะทะลวงสังหาร ตัวกระบี่ยังคงพุ่งทะยานไปต่อด้วยสภาวะดุร้ายไม่แปรเปลี่ยน เจาะทะลวงหว่างคิ้วเผยเลี่ยนเฉิงที่อยู่เบื้องหลังเผยกุ่นซานไปด้วยอีกคนอย่างงายดายราวศีรษะมันเป็นกระดาษเปื่อยเปียกน้ำ กระบี่ป่นทำลายวิญญาณปู่หลานจนอันตรธานหายไปจากสวรรค์และโลกพร้อมๆกัน…
เพียงกระบี่เดียวเข่นฆ่าทั้งปู่ชั่วหลานโฉด!
ฟุ่บ!
หลังเข่นฆ่าปู่หลานแซ่เผยแล้ว กระบี่เซียนอมตะที่พุ่งทะยานไปดั่งลำแสงก็ตีวงโค้งกลับมาสู่มือต้วนหลิงเทียนในพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงเส้นแสงลากยาวในอากาศ…
สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ในที่นี้ ห้วงเวลาเสมือนได้หยุดลงตั้งแต่วินาทีที่ต้วนหลิงเทียนได้เรียกกระบี่ออกมาแล้ว…
สำหรับตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ กระบี่บินสังหารของต้วนหลิงเทียน ประหนึ่งอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆ พวกมันไม่อาจตอบสนองใดได้ทัน ยังไม่อาจดึงสติกลับคืนจากอาการตกตะลึงได้อยู่นาน!
“หะ…ให้ตาย ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ชนชั้นสุดยอดฝีมือ…แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสำแดงกระบี่เช่นนั้นได้ใช่หรือไม่?”
“เพียงหนึ่งกระบี่ฆ่าเผยกุ่นซานที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ โดยที่มันไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้เลย…พลังอำนาจระดับนี้ เกรงว่ามีแต่เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เท่านั้นที่สำแดงออกได้…”
“มะ…มันเป็นผู้ใดกันแน่! ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังท้าทายสวรรค์เยี่ยงนี้!!”
…
มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เหล่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ทั้งหลายมิอาจห้ามใจไม่ให้สั่นไหว พวกมันรู้สึกว่าหนังศีรษะกลับกลายเป็นชาด้านยากจะฟื้นตัวอยู่นาน
“นะ…นี่มันอะไรกัน…”
“เกิดอะไรขึ้น”
…
และเมื่อต้วนหลิงเทียนเก็บกระบี่เซียนอมตะกลับไป ผู้คนส่วนใหญ่ที่เสมือนถูกหยุดเวลา ก็พึงจะรับรู้เรื่องราว
ตอนนี้ทั้งหมดแลเห็นชัดดีว่าร่างของเผยกุ่นซานกำลังสลายหายไปในสวรรค์และโลก
และพวกมันยังได้เห็นอีกว่าร่างของเผยเลี่ยนเฉิงกำลังร่วงตกจากฟ้าไปอย่างไร้การควบคุม สุดท้ายก็กระแทกโขดหินหนึ่งเบื้องล่าง กลับกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือน…
ที่ไฉนร่างเผยกุ่นซานสลายหายไปในสวรรค์และโลกนั้น เนื่องเพราะมันไม่มีร่างเนื้ออีกแล้ว ร่างของมันเกิดจากพลังวิญญาณเท่านั้น เมื่อดวงจิตแตกสลายวิญญาณถูกทำลาย สภาพมันก็ไม่ต่างใดจากเถ้าธุลีต้องลม…
“เผยกุ่นซาน…ตายหรือแล้ว?”
“มะ…มันมิใช่เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์หรือไร ไฉนตายได้?”
“เผยเลี่ยนเฉิง ก็ตายแล้วเช่นกัน…”
…
หลายคนที่พึ่งฟื้นจากอาการตะลึง อดไม่ได้ที่จะหันมองหน้าถามไถ่กันด้วยความตื่นตระหนก เพราะพวกมันไม่อาจไม่ตกใจกับเรื่องราวที่สองตาแลเห็นได้จริงๆ
“เอ่อ…”
ขณะเดียวกันด้านจางยี่กับหลิ่วเสวียซึ่งแต่เดิมเป็นกังวลแทนต้วนหลิงเทียน กระทั่งหอดหลั่งเหงื่อเย็นให้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ ก็ชักสีหน้าเหวอๆออกมา
พวกมันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยจริงๆ…
ว่าต้วนหลิงเทียนจะฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!
ยิ่งไปกว่านั้นยังลงมือปลิดชีพอีกฝ่ายในชั่วพริบตา…รวดเร็วเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะทันได้ตอบสนองใดๆ!
“เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ได้ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่…มิใช่หมายความว่าอย่างน้อยๆพลังของต้วนหลิงเทียนก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์หรือไร!?”
จังหวะนี้ ใจจางยี่อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวสะท้าน!
มาตอนนี้มันพลันตระหนักได้ชัดเจนถึงเรื่องหนึ่ง…
ก่อนหน้าเป็นมันประเมินพลังต้วนหลิงเทียนต่ำไปโข!
ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนหาได้ง่ายดายอย่างเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ไม่!
หากจะถามว่าในที่นี้มีผู้ใดที่ไม่ได้แปลกใจเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าเผยกุ่นซานได้ง่ายดาย และไม่แปลกใจกับพลังของต้วนหลิงเทียน ก็เห็นทีจะมีเพียงหานเฉวี่ยไน่คนเดียวเท่านั้น
เพราะก่อนที่จะเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ หานเฉวี่ยไน่ก็รู้แต่แรกแล้วว่าพลังของต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!
“พี่ใหญ่หลิงเทียน กระบี่ที่ท่านใช้เมื่อครู่…”
ในฐานะผู้สืบทอดธุลีแดงของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ แม้ระดับบ่มเพาะของหานเฉวี่ยไน่จะเป็นแค่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แต่นางก็ได้รับองค์ความรู้จากผู้สืบทอดธุลีแดงรุ่นก่อนไม่น้อย สายตาของนางย่อมกว้างไกลกว่าเดิมมาก
ทำให้นางตระหนักได้ถึงความไม่ธรรมดาของกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งหยิบออกมาใช้เมื่อครู่ดี!
“อ๋อ นั่นเป็นกระบี่เซียนอมตะที่ข้าพึ่งได้มาหลังเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์น่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
เสียงต้วนหลิงเทียนแม้จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ยังดังพอจะลอยไปเข้าหุทกคนโดยรอบอย่างชัดเจน พาลให้ร่างพวกมันสะท้านไปทันที…
กระบี่เซียนอมตะ?
มีเพียงยอดสมบัติสวรรค์ประเภทกระบี่มิใช่หรือไร ถึงจะถูกเรียกหาเช่นนี้ได้?
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนข้ารู้สึกว่ากระบี่ของมันไม่ธรรมดา…แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะเป็นยอดสมบัติสวรรค์!”
เหล่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
และพอพวกมันมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็เริ่มเต็มไปด้วยความอิจฉา
“ตอนนี้…มันกำลังจะได้ยอดสมบัติสวรรค์ไปครองอีกชิ้นแล้ว…”
หลายคนเริ่มดึงสติกลับมาและมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉามากขึ้น สักพักก็สลับไปมองกระดิ่งที่ห้อยแขวนอันมีข่ายอาคมปิดกั้นไว้ด้วยอารมณ์ซับซ้อนยากจะกล่าว…
ฟุ่บ!
และอยู่ๆร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปจากสายตาใครหลายๆคน
พอปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก็ไปหยุดอยู่ข้างๆกระดิ่งที่ห้อยแขวนไว้บนยอดเขาแล้ว กระทั่งยังเอื้อมไปคว้ามันมาถือไว้บนมืออย่างไร้เรื่องราว
เรียกว่าในระหว่างขั้นตอนนี้ ข่ายอาคมทั้งหลายที่ป้องกันกระดิ่งที่ว่า คล้ายไม่มีอยู่จริงราวกับเป็นเพียงเรื่องสมมติ!