บทที่ 1096 หลานสาวของแม่ทัพทหารม้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1096 หลานสาวของแม่ทัพทหารม้า

บทที่ 1096 หลานสาวของแม่ทัพทหารม้า

กู้หนิงผิงเป็นกังวล หญิงสองคนอยู่ที่นี่เพียงลำพังและไม่มีใครเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ หากเจอคนไม่ดี เกรงว่าพวกนางคงจะไม่ปลอดภัยเป็นแน่

ถานอวี้ซูไม่คิดว่าคนผู้นี้จะมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มอย่างเห็นด้วย “ดีเลย พอดีข้ากับคนติดตามรู้สึกเบื่อ ๆ หากไปกับพวกท่านก็ยังมีเรื่องให้พูดคุยบ้าง”

ตอนแรกกู้หนิงผิงกลัวว่าถานอวี้ซูจะไม่เห็นด้วย มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเรียบเรียงคำพูดออกมาได้เป็นประโยค หยาดเหงื่อแตกพลั่กท่วมมือและเท้าของเขา และรู้สึกว่ากระดูกสันหลังแข็งทื่อไปหมด

เมื่อได้ยินว่าถานอวี้ซูตอบตกลงที่จะกลับไปกับพวกเขา ใบหน้าของกู้หนิงผิงจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ดีเลย ๆ ถ้าพี่สาวเห็นเจ้า นางจะต้องดีใจแน่”

หลังจากพบกับกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กู้หนิงผิงจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กู้เสี่ยวหวานฟัง

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคนแซ่จินคนนั้นเลย ใบหน้างดงามไร้ซึ่งความกังวล แต่กลับเดินไปหาถานอวี้ซูและถามด้วยความเป็นห่วง “แม่นางถาน เจ้าไม่เป็นไรนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

ถานอวี้ซูยิ้มและโบกมือ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไร คนพวกนั้นไม่ได้เข้าใกล้เรา แต่พวกเขาถูกทุบตีจนหมดสภาพ”

ระหว่างที่พูดออกมานั้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน และพากันขึ้นรถม้าเพื่อวางแผนที่จะกลับที่พัก

เพราะว่ามีสตรีเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน ฉินเย่จือและคนอื่นจึงไม่มีที่เพียงพอ มีเพียงอาโม่เท่านั้นที่ขับรถม้าอยู่ข้างนอกและคอยฟังความเคลื่อนไหวภายในรถม้าเป็นระยะ ๆ

เมื่อเข้ามานั่งในรถม้า ถานอวี้ซูกวาดสายตามองซ้ายแลขวาอย่างอยู่ไม่สุข

นางไม่เคยนั่งในห้องส่วนตัวเพื่อเย็บปักถักร้อยและอ่านหนังสือเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ นางอยู่กับปู่ตั้งแต่ยังเด็ก จึงชอบเต้นรำและเล่นผาดโผน

กู้เสี้ยวหวานตรงหน้านางดูสง่างามและใจกว้าง พูดจาตรงไปตรงมา ถานอวี้ซูชอบพี่สาวตรงหน้ามาก เพียงแค่พบกันครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตา นางเอาแต่เรียกอีกฝ่ายว่าท่านพี่ไม่หยุด ครั้นกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางร่าเริงสดใสและการแต่งกายที่ดูไม่ธรรมดาของถานอวี้ซู นางจึงคิดว่าถานอวี้ซูน่าจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวย แต่กลับไม่มีนิสัยของคุณหนูเอาแต่ใจเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลาบปลื้มและประทับใจเด็กสาวตรงหน้า

“แม่นางถาน ข้าแซ่กู้ ชื่อเสี่ยวหวาน”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและแนะนำตัวเอง แต่ใครจะคิดว่าดวงตาของถานอวี้ซูจะเบิกกว้างทันทีที่กู้เสี่ยวหวานพูดชื่อของตัวเองออกมา

“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ? ท่านคือกู้เสี่ยวหวานหรือ?” เมื่อถานอวี้ซูได้ยินชื่อของกู้เสี่ยวหวานก็อ้าปากหวอและมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาไม่เชื่อ

“เจ้าเคยได้ยินชื่อข้า?” กู้เสี่ยวหวานเห็นใบหน้าที่ตกตะลึงของเด็กสาว นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่คนคนนี้รู้จักนาง

“ข้าไม่เพียงแต่เคยได้ยินชื่อท่าน” ถานอวี้ซูมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างสงสัยและชื่นชมอย่างไม่ลังเล “ท่านคือตำนานในหมู่พวกเรา”

“ตำนาน?” กู้เสี่ยวหวานถามกลับโดยไม่รู้ตัว

จากนั้นก็เห็นกู้เสี่ยวอี้ดึงแขนเสื้อของอาอวี้และถามว่า “พี่สาวท่านนี้ ตำนานคืออะไรหรือเจ้าคะ?”

เมื่ออาอวี้ได้ยินว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าคือกู้เสี่ยวหวาน นางก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นเดียวกับถานอวี้ซูที่จ้องมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความตื่นเต้น อาอวี้พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ในใจของนางเหมือนมีหินก้อนใหญ่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบจนเกิดคลื่นโหมกระหน่ำ นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาประหลาดใจ

ไม่ได้ยินคำถามของกู้เสี่ยวอี้เลยแม้แต่น้อย

กู้เสี่ยวหวานคือตำนานในเมืองหลวง นางได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ และเปลี่ยนสถานะจากสาวชาวบ้านธรรมดา ๆ กลายเป็นหงส์ที่สง่างาม

นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสี้ยนจู่ระดับห้า แม้ว่าตำแหน่งเสี้ยนจู่จะไม่สูงมากนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ารุกรานนาง

เมื่อคิดถึงตัวตนเดิมของนางที่เป็นแค่สาวชาวบ้านคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นถึงเสี้ยนจู่ระดับห้า มันเหมือนกับการบินขึ้นไปบนกิ่งไม้แล้วกลายเป็นหงส์เลยใช่หรือไม่

เดิมทีถานอวี้ซูเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องของกู้เสี่ยวหวาน นางได้ยินมาจากท่านปู่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งมาก อายุยังน้อย แต่สามารถชี้แนะให้ทุกคนในเมืองปลูกมันเทศโดยไม่คาดคิดว่าจะทำให้รอดจากภัยพิบัติได้

แม้แต่ผู้ลี้ภัยที่หนีมาจากที่อื่นก็ยังได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตในช่วงปีแห่งภัยพิบัติได้อย่างสงบสุข

ยิ่งกว่านั้น ทั่วทั้งเมืองรุ่ยเสียนไม่มีเหตุการณ์ที่ผู้คนแย่งชิงอาหารกัน ไม่มีเหตุการณ์ผู้คนอดตายเพราะขาดอาหาร มันคือเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนและได้กลายเป็นตำนาน

ภัยพิบัติในปีนั้น หลายเมืองที่อยู่ติดกับเมืองรุ่ยเสียนประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ บางครั้งก็มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาหาร หรือมีผู้ลี้ภัยอดตาย ได้ยินมาว่าราชสำนักกำลังประสบปัญหากับเรื่องนี้

ทันใดนั้น แบบอย่างที่ดีของเมืองรุ่ยเสียนปรากฏต่อหน้าฮ่องเต้ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แม้แต่เจ้าเมืองของเมืองรุ่ยเสียนก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหลายระดับ

แต่ไหนแต่ไรมา ถานอวี้ซูชื่นชอบคนที่มีความสามารถยิ่งนัก คราวนี้เมื่อนางได้เจอกู้เสี่ยวหวานตัวเป็น ๆ ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางจับมือกู้เสี่ยวหวานและเอ่ยวาจาอย่างรักใคร่ “พี่เสี่ยวหวาน คิดไม่ถึงว่าข้าจะได้พบท่าน”

เมื่อเห็นการแสดงออกด้วยความสนิทสนมของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกอึดอัดและกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แม่นางถาน ท่านนี้คือ…”

“ข้าชื่อถานอวี้ซู พี่เสี่ยวหวานเรียกข้าว่าอวี้ซูก็ได้” ถานอวี้ซูคลี่ยิ้มหวานพลางแนะนำตัว

กู้เสี่ยวหวานนึกสงสัยอยู่ในใจ นางไม่เคยได้ยินใครพูดถึงตัวเอง ถานอวี้ซูคนนี้รู้จักตัวเองดีจริงหรือ

ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “อวี้ซู เจ้ารู้จักข้าหรือ?”

“พี่เสี่ยวหวาน ข้าไม่รู้จักท่าน แต่ข้าเคยได้ยินชื่อท่านมาก่อน ข้าเคยได้ยินมาจากท่านปู่เรื่องคุณูปการอันกึกก้องของท่าน แม้แต่พี่ชายฮ่องเต้ก็ยังยกนิ้วให้” ถานอวี้ซูไม่ได้ปิดบังตัวตนของตัวเองสักนิดและพูดอย่างยกย่อง

ได้ยินถานอวี้ซูเรียกพี่ชายฮ่องเต้ กู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งตกตะลึง “เจ้าคือ…”

“พูดตามตรง ท่านปู่ของข้าเป็นเเม่ทัพ” ถานอวี้ซูก็ไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย และบอกกู้เสี่ยวหวานโดยตรงเกี่ยวกับตนเอง