ตอนที่ 1083 โกรธแค้น
“พี่หญิงใหญ่ พี่ชายห้า!” ไป๋จิ่นจื้อตะโกนเรียกพลางวิ่งเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวี๋
ไป๋ชิงเหยียนหันไปเห็นสภาพสะบักสะบอมของไป๋จิ่นจื้อจึงตกตะลึงมาก
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เป็นห่วงที่ไป๋จิ่นจื้อไปส่งเซียวหรงเหยี่ยนแล้วยังไม่กลับมาเพราะเสิ่นชิงจู๋ตามไปดูแลเสี่ยวซื่อด้วย ทว่า นางไม่คิดว่าจะเห็นสภาพของเสี่ยวซื่อเช่นนี้
ไป๋จิ่นจื้อที่ร่างเต็มไปด้วยไอหนาวกระโดดข้ามรั้วของระเบียงทางเดินเข้าไปด้านในโดยไม่มีเวลาสนเรื่องมารยาท “ตอนที่ข้าและพี่ชิงจู๋กลับมา หลี่เทียนฟู่พากองทัพช้างตรงมายังเมืองผิงหยาง นางต้องการจับตัวข้าและพี่ชิงจู๋ไป องครักษ์ไป๋คุ้มกันพาข้าและพี่ชิงจู๋หนีกลับมาได้ ตอนนี้พี่ชิงจู๋ยืนป้องกันอยู่บนกำแพงเมืองเจ้าค่ะ!”
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวถึงตรงนี้ก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา “พี่หญิงใหญ่ กองทัพช้างน่ากลัวมากเจ้าค่ะ ร่างของมันใหญ่โต…”
“มิเป็นอันใด ไม่ต้องกลัว!” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือไป๋จิ่นจื้อ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของน้องสาวจึงกล่าวขึ้น “เจ้าไปให้ท่านหมอหงทำแผลที่แขนก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่เหลือ ชุนจือ…”
ชุนจือรีบเดินไปด้านหน้า “เจ้าค่ะ”
“พาคุณหนูสี่ไปหาท่านหมอหง”
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างเป็นห่วง “ทว่า พี่หญิงใหญ่…”
“แขนสำคัญกว่า รีบไปให้หมอหงดูอาการก่อนเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเข้ม艾琳小說
ไป๋จิ่นจื้อจึงพยักหน้าและเดินตามชุนจือออกไป
ถึงแม้นางจะอยากร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่หญิงใหญ่ ทว่า นางต้องรักษาแขนของตัวเองให้หายก่อน
“ใช้หิมะและอากาศอำพรางตัว…” ไป๋ชิงอวี๋มองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเขาคงคิดล้อมเมือง”
“การยกทัพโจมตีเมืองต้องมีเหตุผลที่มากเพียงพอ ตอนนี้การเจรจาเชื่อมไมตรีของทั้งสี่แคว้นยังไม่สำเร็จลุล่วง หากเทียนเฟิ่งและซีเหลียงยกทัพโจมตีพวกเราในตอนนี้มีแต่จะกระตุ้นให้ต้าเยี่ยนและต้าโจวต่อต้านเต็มกำลัง ที่สำคัญนี่คือฤดูหนาว เป็นช่วงที่กองทัพช้างเสียเปรียบที่สุด” ไป๋ชิงเหยียนจับหยกจักจั่นในถุงเงินของตัวเอง “จักรพรรดิเทียนเฟิ่งยังอยากได้หยกจักจั่นของพี่เขยเจ้าอยู่ พวกเขาจะเสี่ยงลงมือโจมตีพวกเราทั้งๆ ที่ยังหาเบาะแสของหยกจักจั่นอีกชิ้นไม่เจออย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าเทียนเฟิ่งให้หลี่เทียนฟู่นำกองทัพช้างมาข่มขวัญพวกนางเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้หลี่เทียนฟู่โจมตีเมืองผิงหยางจริงๆ
“ไปดูที่กำแพงเมือง!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวหน้าเครียด
“พี่หญิงอย่าไปเลยขอรับ ข้าจะไปดูให้เองขอรับ” สายตาของไป๋ชิงอวี๋หยุดอยู่ที่หน้าท้องของไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงกำลังตั้งครรภ์อยู่ หากไม่ห่วงตัวเองก็ควรห่วงลูกในท้องนะขอรับ”
“ไม่ต้องห่วง ถึงแม้หลี่เทียนฟู่จะนำกองทัพช้างบุกมา ทว่า ฤดูหนาวทำให้กองทัพช้างซึ่งเป็นที่พึ่งเดียวของเทียนเฟิ่งเสียเปรียบในการรบ เทียนเฟิ่งไม่ใช่คนโง่ พวกเขาไม่บุกโจมตีพวกเราวันนี้แน่!” ไป๋ชิงเหยียนมองน้องชายของตัวเอง “พี่ไม่มีทางเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายให้ท่านแม่และเจ้าต้องเป็นห่วงแน่นอน”
“ข้าจะไปกับพี่หญิงขอรับ” ไป๋ชิงอวี๋ประคองแขนไป๋ชิงเหยียน
“ได้ พวกเราพี่น้องไปด้วยกัน” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือไป๋ชิงอวี๋แน่น
หลี่เทียนฟู่นั่งอยู่บนเสลี่ยงของช้างยักษ์ เสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีแดงเพลิงตัวใหญ่คลุมร่างของหญิงสาวไว้อย่างมิดชิด เผยให้เห็นเพียงใบหน้างดงามของนางเท่านั้น
โคมไฟดวงหนึ่งแขวนอยู่บนมุมหนึ่งของเสลี่ยง แสงไฟส่องกระทบใบหน้างดงามของหลี่เทียนฟู่จนน่าตราตรึงใจยิ่งกว่าเดิม
ด้านหลังของช้างสามสิบเชือกคือพลทหารม้าเหล็กของซีเหลียง พลทหารม้าเหล็กของซีเหลียงดูตัวเล็กราวกับมดทันทีเมื่ออยู่ใกล้กับช้างขนาดมหึมาทั้งสามสิบตัว
เสิ่นคุนหยางพาพลธนูของกองทัพไป๋เตรียมพร้อมรับมืออยู่บนกำแพงเมืองผิงหยาง พวกเขาเล็งธนูไปยังกองทัพฝ่ายศัตรูที่อยู่นอกเมืองผิงหยาง
ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก ทหารที่อยู่บนกำแพงมองเห็นเพียงร่างเลือนรางของกองทัพช้างผ่านแสงไฟที่ริบหรี่ พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน พวกเขาไม่อยากคิดเลยว่าหากสัตว์ใหญ่เช่นนี้บุกโจมตีประตูเมือง ประตูเมืองที่หนาแน่นและเก่าแก่จะพังทลายลงตรงหน้าสัตว์ใหญ่ฝูงนี้หรือไม่
สีหน้าของทหารแต่ละคนตึงเครียด พวกเขาเล็งธนูไปทางสัตว์ใหญ่อย่างช้างนิ่ง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ช้างตัวที่หลี่เทียนฟู่นั่งอยู่เดินตรงไปด้านหน้าสองสามก้าวภายใต้การควบคุมของควานช้าง
“หลี่เทียนฟู่ หากเจ้าก้าวมาอีกก้าวเดียว ระวังลูกธนูของพวกข้าให้ดี!” หลู่หยวนเผิงตะโกนลั่น
สีหน้าของเสิ่นชิงจู๋ตึงเครียด หญิงสาวแย่งคันธนูใหญ่ไปจากมือของหลู่หยวนเผิง จากนั้นหยิบลูกธนูจากกระบอกไม้ไผ่ของซือหม่าผิง ง้างสายธนู…ยิงออกไปทันที
ลูกธนูแหลมคมทะยานกลางอากาศพุ่งตรงไปยังร่างของช้างยักษ์ ทว่า กลับถูกเกราะเหล็กที่สวมอยู่บนตัวช้างกระแทกจนกระเด็นไปไกลเสียก่อน
หลี่เทียนฟู่หัวเราะเย้ยหยันออกมา หญิงสาวยกมือขึ้น ช้างยักษ์หยุดเดินทันที
“วันนี้เราไม่ได้มาเพื่อเปิดศึกกับต้าโจว ต้าโจวไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเพียงนี้!” หลี่เทียนฟู่ใช้นิ้วม้วนผมของตัวเองเล่น เอนกายพิงเสลี่ยงช้างด้วยท่าทีสบายๆ “หลี่จือเจี๋ยผู้ทรยศซีเหลียงพาคนหลบหนีเข้าไปในเมืองผิงหยาง หากต้าโจวจงส่งคนคืนมาให้ซีเหลียง พวกเราจะถอยทัพกลับทันที”
“กล่าววาจาไร้สาระอันใด! อ๋องของพวกเจ้าหายจะมาโทษว่าอยู่ที่ต้าโจวได้อย่างไรกัน!” เฉิงหย่วนจื้อตะคอกเสียงดังลั่นอย่างไม่ไว้หน้าซีเหลียงแม้แต่น้อย “ข้าก็สามารถกล่าวได้ว่าทองสามล้านตำลึงของข้าเฉิงหย่วนจื้อหายไปอยู่ที่ซีเหลียงเช่นกัน องค์หญิงแห่งซีเหลียงผู้นี้ดูเป็นคนหน้าบาง ท่านต้องคืนทองสามล้านตำลึงมาให้ข้า”
เมื่อหลี่เทียนฟู่ได้ยินคำกล่าวของเฉิงหย่วนจื้อ สีหน้าของนางขรึมลงทันที นางอยากถือโอกาสนี้เปิดศึกกับต้าโจวอยู่เหมือนกัน ทว่า ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำชับนางก่อนออกเดินทางมาที่นี่ว่าห้ามใช้กองทัพช้างบุกโจมตีต้าโจวเด็ดขาด!
ควานช้างคือคนของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น ถึงแม้นางอยากเปิดศึกตอนนี้ก็คงทำไม่ได้ ลำพังแค่ทหารของซีเหลียงไม่มีทางโจมตีเมืองผิงหยางแตกแน่นอน
หลี่เทียนฟู่พยายามข่มความโกรธเอาไว้ “นี่คือเงื่อนไขของต้าโจวอย่างนั้นหรือ แค่มอบทองสามล้านตำลึงให้พวกเจ้า ต้าโจวจะมอบตัวหลี่จือเจี๋ยออกมาใช่หรือไม่”
“ท่านเอาทองมาให้ก่อน!” เฉิงหย่วนจื้อกล่าว
หลี่เทียนฟู่กำหมัดแน่น “ดูเหมือนต้าโจวจะยากจนจนเสียสติไปแล้ว! แลกทองสามล้านตำลึงกับหลี่จือเจี๋ยอย่างนั้นหรือ ต้าโจวให้ความสำคัญกับหลี่จือเจี๋ยมากเกินไปหรือไม่”
“องค์หญิงกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก เฉิงหย่วนจื้อของพวกเราไม่ได้รับปากว่าจะมอบตัวหลี่จือเจี๋ยให้ท่านหลังจากได้ทองสามล้านตำลึง เฉิงหย่วนจื้อของเราหน้าหนาจะตายไป” หลู่หยวนเผิงยังแสดงท่าทียั่วโมโหเช่นเดิม “ตายแล้ว องค์หญิงซีเหลียงอย่าใช้แววตาเช่นนี้มองมาที่ข้าเลย ข้ากลัวไปหมดแล้ว ท่านโกรธแค้นคำกล่าวของข้าอย่างนั้นหรือ”
เฉิงหย่วนจื้อไปตบที่ท้ายทอยของหลู่หยวนเผิงหนึ่งที จากนั้นตะโกนใส่หลี่เทียนฟู่ซึ่งอยู่ด้านล่างกำแพง “องค์หญิงซีเหลียง ท่านไม่ต้องห่วง…ข้าไม่ได้หน้าหนาถึงเพียงนั้น เมื่อข้าได้ทองสามล้านตำลึง ข้าจะมอบตัวคนสกุลหลี่นามจือเจี๋ยให้ท่านแน่นอน!”
“ท่านแม่ทัพจะมอบหลี่จือเจี๋ยให้นางจริงหรือขอรับ” หลู่หยวนเผิงถามเสียงเบา
“หากนางมอบทองสามล้านตำลึงเป็นเบี้ยเลี้ยงทหารให้พวกเราได้จริง คนซีเหลียงที่ถูกขังอยู่ในคุกมีมากมาย ข้าบอกว่าผู้ใดคือหลี่จือเจี๋ยผู้นั้นก็คือหลี่จือเจี๋ย! ผู้ใดไม่ยอมรับก็ตีจนมันยอมรับให้ได้ หากคนเดียวยังไม่พอ ข้าจะมอบให้นางทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นหญิง ชาย เด็กหรือคนชรา!”