ตอนที่ 2429 ลูกสาวของพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อ

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 2,429 : ลูกสาวของพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อ?

พอต้วนซือหลิงได้ยินคำของเสี่ยวจินนางก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที

ทว่าสายตาของนางกลับเหลือบไปเห็นเด็กหญิงกับเด็กชายในชุดขาวดำอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นในใจนางคล้ายมีแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง สองตายังทอประกายเรืองวูบ

“เจ้า…เจ้าไม่ใช่เสี่ยวจินหรือไร?”

วินาทีต่อมาต้วนซือหลิงก็หันขวับมาถามเด็กหญิงในชุดสีทองเบื้องหน้าด้วยสองตากลมโต

“เอ๋?”

เด็กหญิงตัวน้อยชุดทอง เดิมทีสายตาที่ใช้มองเด็กสาวเบื้องหน้าจะแลดูรำคาญอยู่บ้าง หากทว่าตอนนี้สองตากลับเผยความจริงจังขึ้นมาทันที

และหลังมองพินิจเด็กสาวเบื้องหน้าโดยละเอียดนางก็พบว่า…

ไฉนเด็กสาวอายุราวๆ 10 กว่าปีคนนี้กลับคุ้นๆนักเล่า?

แต่นางมั่นใจว่า นางไม่เคยพบเคยเจออีกฝ่ายมาก่อนแน่นอน

“นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงรู้จักข้าด้วยล่ะ…ตาแก่พยากรณ์บอกเจ้างั้นเหรอ?”

เด็กหญิงตัวน้อยในชุดทองกล่าวถาม

“เจ้าคือเสี่ยวจินจริงๆหรือ!?”

ได้ยินคำพูดของเด็กหญิงชุดทอง ต้วนซือหลิงก็ยืนยันได้ทันที เร่งกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น “ถ้าเจ้าคือเสี่ยวจิน…ถ้างั้นนั่นก็คือเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋น่ะสิ!”

ต้วนซือหลิงหันไปมองเด็กชายกับเด็กหญิงในชุดดำขาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล

ทันใดนั้น ทั้ง 2 คนก็สบตากับนาง

“เสี่ยวเฮย…เจ้าว่านางใช่คุ้นๆตาพวกเราหรือไม่?”

ทันทีที่มองเห็นใบหน้าของต้วนซือหลิง เด็กหญิงในชุดสีขาวอดไม่ได้ที่จะหันไปถามความเห็นเด็กชายด้านข้าง

เด็กชายในชุดดำเองก็พยักหน้ารับ เห็นชัดว่ามันเองก็รู้สึกคุ้นหน้าเด็กสาวคนนี้ไม่น้อย

“เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋?”

“แบบนี้นี่เอง!”

ก่านหรูเยี่ยนจะอย่างไรก็เป็นพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ ตอนที่นางอยู่กับเค่อเอ๋อ นางก็เคยได้ฟังเรื่องราวจากเค่อเอ๋อมากมาย นั่นรวมไปถึงเรื่องเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ด้วย

หลังจากนั้นนางก็ได้รับทราบมาอีกว่า

เด็กน้อยทั้ง 3 ได้ติดตามหานเฉวี่ยไน่มายัง 7 ทวาราเที่ยงแท้ ก่อนที่จะถูกผู้เฒ่าพยากรณ์ส่งตัวออกไป

ไม่คิดเลยจริงๆว่าตอนนี้ทั้ง 3 จะกลับมาแล้ว

พอได้รู้ว่าเด็กน้อยทั้ง 3 คือเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ ก่านหรูเยี่ยนก็ไม่กังวลใดๆอีก เพราะนางรู้ดีว่าทั้ง 3 ไม่มีวันคิดร้ายกับต้วนซือหลิงแน่นอน!

เพราะหลานสาวของนางเป็นลูกสาวของคนที่พวกมันห่วงใยมากที่สุด

“เจ้าเป็นใครกันแน่? ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าคุ้นหน้านัก…”

“ข้าถามตัวเอดูก็พบว่าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนแน่ๆ…แต่ไฉนเจ้า…”

เสี่ยวไป๋เองก็มองต้วนซือหลิงด้วยสายตาสงสัย นางไม่อาจเข้าใจได้จริงๆว่าไฉนถึงได้บังเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับคนที่พึ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรกแบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้นยามนางมองหน้าอีกฝ่าย นางกลับเห็นเค้าโครงใบหน้าของคนสองคนแวบขึ้นมาในใจ

และทั้ง 2 คนที่ว่าก็เป็นคนที่สำคัญกับนางที่สุด

“นางชื่อต้วนซือหลิง”

ตอนนี้เองก่านหรูเยี่ยนพลันหันไปกวาดตามองเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋และเสี่ยวจินค่อยเอ่ยขึ้น

ทันใดนั้นทั้ง 3 ก็หันมามองทางก่านหรูเยี่ยนเป็นสายตาเดียวกัน

“พี่สาวเค่อเอ๋อ!!”

ทันทีที่เห็นก่านหรูเยี่ยนดวงตาเสี่ยวไป๋พลันทอแสงจ้าขึ้นมาทันที แก้มเล็กๆอันอ่อนโยนของนางเผยความตื่นเต้นยินดีไม่น้อย

“ไม่! นางมิใช่พี่สาวเค่อเอ๋อ!”

สองตาเสี่ยวจินเองก็ทอประกายสว่างวาบขึ้นมา หากแต่พริบตาก็หรี่ลงทันที “ถึงแม้นางจะดูเหมือนกับพี่สาวเค่อเอ๋อมาก แต่นางไม่ใช่พี่สาวเค่อเอ๋อของเรา กลิ่นอายของพี่สาวเค่อเอ๋อมิใช่เช่นนี้…”

ตอนที่เสี่ยวจินยังเป็นหนูขนทองตัวเล็กๆและไม่อาจจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้ นางชอบไปซุกอยู่ในอกเสื้อของเค่อเอ๋อ เรียกว่าในบรรดาทั้งหมดไม่มีใครคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเค่อเอ๋อดีเท่านางอีกแล้ว

“นางมิใช่พี่สาวเค่อเอ๋อจริงๆ”

เสี่ยวเฮยเองก็กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

ด้วยมีคำเตือนของเสี่ยวจินกับเสี่ยเฮย เสี่ยวไป๋จึงระงับอารมณ์ยินดีลงทันที

และต่อมานางก็พบว่า…

ถึงแม้สตรีเบื้องหน้าจะเหมือนกับพี่สาวเค่อเอ๋อของนางไม่มีผิดเพี้ยน หากแต่ลักษณะท่าทีกลับแตกต่างกันกับพี่สาวเค่อเอ๋อของนางลิบลับ!

“ข้าไม่ใช่พี่สาวเค่อเอ๋อของพวกเจ้าหรอก”

ก่านหรูเยี่ยนพูดออกมาอีกครั้ง “ข้าเป็นพี่สาวฝาแฝดของนาง เรียกว่าก่านหรูเยี่ยน…ส่วนซือหลิงเป็นลูกสาวของพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อของพวกเจ้า”

หลังกล่าวแนะนำตัวเอง ก่านหรูเยี่ยนก็แนะนำต้วนซือหลิงให้พวกมันรู้

“หา! ลูกสาวของพี่ใหญ่หลิงเทียนกับบพี่สาวเค่อเอ๋อเหรอ!?!”

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนข้าถึงคิดว่านางหน้าคุ้นยิ่งนัก ราวกับเห็นใบหน้าพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อซ้อนทับกับนาง…”

“ที่แท้…นางคือลูกสาวของพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อ”

……

เรียกว่าเสียงของก่านหรูเยี่ยนดังไม่ทันจบคำดี เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองและชุดสีขาวก็แทบจะพุ่งบินออกมาทันที พวกมันรี่เข้ามาหยุดเบื้องหน้าต้วนซือหลิง ก่อนที่จะมองขึ้นๆลงอย่างใจจดจ่อ

ถึงแม้เสี่ยวเฮยจะไม่ขยับ หากแต่แววตาที่ใช้มองต้วนซือหลิงก็อ่อนโยนลงไม่หลงเหลือความเฉยเมยอะไรให้เห็น

“ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อจะโตขนาดนี้แล้ว…”

“นี่ๆเจ้าเรียกว่าซือหลิงเหรอ ข้าเป็นอาของเจ้าเอง! เจ้าเรียกข้าว่าอาเสี่ยวจินเร็ว!!”

(น้องพ่อเรียกอา น้องแม่เรียกน้า…เสี่ยวจินถูกต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นคนแรก เลยใช้อาแล้วกัน)

เสี่ยวจินยิ้มหน้าระรื่นมองซือหลิงด้วยสายตาอ่อนโยน เรียกว่าทีท่าของนางผิดกับตอนแรกกลิบลับ

“ท่านดูเด็กกว่าข้าอีก…ข้าไม่เรียกท่านว่าอาหรอก”

อย่างไรก็ตามต้วนซือหลิงส่ายหัวไปมา เพราะนางทำใจเรียกเสี่ยวจินที่แลดูเยาว์วัยกว่าว่าอาไม่ได้จริงๆ…

ลองคิดสภาพดูเถอะ เด็กหญิงอายุราวๆ 8 ขวบมาบอกให้เด็กหญิงอายุราวๆสิบกว่าขวบเรียกหว่าอา…เรื่องนี้ช่างทำใจยากนัก!

“เจ้า…”

ได้ยินคำของต้วนซือหลิง เสี่ยวจินย่อมโกรธขึ้นมาทันที หากแต่ไหนเลยนางจะโกรธซือหลิงได้ลงคอ ทำได้แค่กล่าวโน้มน้าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นี่ๆข้าเสี่ยวจินน่ะ พบพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อก่อนเจ้าเกิดอีกนะ…ตามลำดับอาวุโสเจ้าต้องเรียกข้าว่าอาจริงๆนะ”

เสี่ยวจินยกอ้างเหตุผลออกมาอย่างหาได้ยากนัก เพราะนางอยากให้ซือหลิงเรียกนางว่าอาเสี่ยวจินจริงๆ

อย่างไรก็ตามต้วนซือหลิงไม่พูดอะไร

ทำให้เสี่ยวจินรู้สึกแน่นในอกราวกับจะระเบิด หากแต่นางก็โกรธต้วนซือหลิงไม่ลง

เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็คือผลพวงความรักระหว่างพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อ คนสำคัญที่สุดทั้ง 2ในชีวิตของนาง อีกทั้งอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังเด็กนัก จะทำให้ลำบากใจก็ใช่ที่

“เอาล่ะเสี่ยวจิน…ซือหลิงไม่อยากเรียกเจ้าอาก็ช่างเถอะ ก็แค่คำเรียกหาเจ้าจะคิดอะไรให้มันวุ่นวาย”

ตอนนี้เองเสี่ยวไป๋พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

ในสายตาของนาง ต้วนซือหลิง เป็นเพียงเด็กน้อยที่พวกนางต้องคอยปกป้องและดูแลให้ดี

จะไปเอาอะไรกับเด็กน้อยคนหนึ่ง…

“ก็ได้…”

ต่อหน้าต้วนซือหลิงแล้ว เสี่ยวจินที่มักดุร้ายเอาแต่ใจก็กลายเป็นว่าง่ายราวลูกแมว

“ซือหลิง ข้าคือเสี่ยวเฮย”

“แล้วพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อเล่า…เป็นอย่างไรกันบ้าง?”

ตอนนี้เองเสี่ยวเฮยก็ก้าวเข้ามากล่าวทักต้วนซือหลิงด้วยทีท่าน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่เหลือคราบใบหน้าเย็นชาเฉยเมยแม้แต่น้อย

“ท่านพ่อกับท่านแม่เข้าไปในแดนลับเซียนกระบี่แล้วน่ะ…”

ได้ยินคำของเสี่ยวเฮย ต้วนซือหลิงก็กล่าวตอบพลางหันไปมองหลุมดำกลางอากาศไม่ไกล ทั้งยังบอกเสี่ยวเฮยเพิ่มอีกว่า “และลุงซูหลี่…ก็เข้าไปด้วย”

เมื่อเอ่ยถึงคำ ‘ลุงซูหลี่’ ใบหน้าต้วนซือหลิงอดฉายความกังวลออกมาไม่ได้

“อะไรนะ!?!”

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนซือหลิงกล่าวจบคำ เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างพร้อมเพรียง สีหน้ายังเปลี่ยนไปไม่น้อย “พี่ซูหลี่…ไม่ได้ขึ้นไปยังระนาบเทวโลกแล้วหรอกเหรอ…แถมยังมาที่นี่แล้วเข้าไปในแดนลับเซียนกระบี่อีก!?”

ต้องทราบด้วยว่าทั้งเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋พากันคิดไปว่าซูหลี่นั้นขึ้นสู่ระนาบเทวโลกกันหมดแล้ว…

แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่าซูหลี่ยังไม่ได้ขึ้นไป!

แถมยังมาที่นี่อีก!

สำหรับเรื่องที่ไฉนซูหลี่ค้นพบที่นี่ ทั้ง 3 ไม่ได้แปลกใจอะไร

เพราะหลังจากที่ทั้ง 3 ย้อนกลับไปฐานที่มั่นชั่วคราวและไม่พบเจอหานเฉวี่ยไน่กับคนอื่นๆที่ขุนเขาไร้นาม พวกนางก็พลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังหนึ่งแพร่ออกมาจากที่นี่

กลิ่นอายพลังที่ว่าหากไม่ใช่เพราะพวกนางเคยเข้าไปในบ่อโลหิตสืบทอดมาก่อน พวกนางคงไม่ทันสังเกตเห็นเลย

ทว่าเพราะพวกนางได้เข้าไปในบ่อโลหิตสืบทอดมาแล้ว พวกนางเลยยืนยันได้ทันที

ถึงแม้กลิ่นอายพลังดังกล่าวจะเบาบางมาก หากแต่มันเป็นกลิ่นอายพลังชนิดเดียวกันกับที่มีอยู่ในบ่อโลหิตสืบทอด

ด้วยเหตุนี้ทั้ง 3 จึงตามรอยกลิ่นอายพลังที่ว่ามา จนในที่สุดก็พบเจอหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้

และต่างคิดไม่ถึงจริงๆว่าพึ่งเข้ามาถึงหุบเขาน้ำแข็งได้ไม่ทันไร ก็เจอผู้เฒ่าพยากรณ์เสียอย่างนั้น

“ซือหลิง…เจ้าบอกว่า…พี่ซูหลี่มาที่นี่แล้วก็เข้าไปในแดนลับแล้วงั้นเหรอ?”

เสี่ยวไป๋กล่าวถามต้วนซือหลิงด้วยสีหน้าจริงจัง

“ใช่”

ต้วนซือหลิงพยักหน้า

หลังจากนั้นพอได้สนทนากับเสี่ยวไป๋ ต้วนซือหลิงจึงได้รับทราบเรื่องราว ว่าไฉนซูหลี่ถึงได้มีอาการราวกับถูกมารครอบงำแบบนั้น

ที่แท้ที่ซูหลี่กลายเป็นแบบนั้น เพราะไปรับสืบทอดมรดกของพวกปีศาจมา

บางเวลาซูหลี่ก็จะเข้าสู่สภาวะมารครองร่าง ถึงขั้นญาติสนิทมิตรสหายเข่นฆ่าไม่ไว้หน้า!

“พี่ซูหลี่…ลงกระบี่กับเจ้าด้วย?!”

สีหน้าของเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินว่าซูหลี่กระทั่งฟันกระบี่ใส่ต้วนซือหลิง!

ก่อนหน้านี้ที่ทั้ง 3 ทำดีกับซูหลี่เพราะอีกฝ่ายเป็นสหายสนิทของพี่ใหญ่หลิงเทียน

แต่ทว่าต้วนซือหลิงนั้นเป็นเลือดเนื้อเชือไขของต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อ

หากจะเทียบความสำคัญในใจของพวกนางระหว่างซูหลี่กับต้วนซือหลิงแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้วนซือหลิงมีความสำคัญมากกว่า!

“ซือหลิง…เจ้าเป็นไรหรือไม่?”

ตอนนี้เองเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็เร่งเข้ามาด้อมๆมองๆซือหลิงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเป็นกังวล ราววกับจะยืนยันให้รู้แน่ชัดว่าต้วนซือหลิงใช่บาดเจ็บอะไรหรือไม่

“ข้าสบายดี”

ต้วนซือหลิงส่ายหัวไปมาเบาๆ “ตอนนั้นดูเหมือนลุงซูหลี่จะต่อต้านจิตมารเต็มกำลัง…ทำให้กระบี่ที่ฟันมาเพียงตัดได้แค่เส้นผมของข้า…”

“ดี…ดีแล้ว!”

ได้ยินคำของต้วนซือหลิง เสี่ยวไป๋กับเสี่ยวจินอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ถึงแม้เสี่ยวเฮยจะไม่พูดอะไร หากแต่สีหน้าจริงจังเคร่งเครียดก็พอได้ผ่อนคลายลงหลังได้ยินคำตอบของต้วนซือหลิง

“ตาแก่พยากรณ์ แล้วพี่สาวเฉวี่ยไน่เล่า?”

ตอนนี้เองเสี่ยวจินพลันหันไปมองถามผู้เฒ่าพยากรณ์

“อาเฉวี่ยไน่ก็เข้าไปในแดนลับเซียนกระบี่แล้วเหมือนกัน…”

หากทว่าเป็นต้วนซือหลิงที่กล่าวตอบออกมาก่อนที่ผู้เฒ่าพยากรณ์จะได้พูดอะไร

“งั้นหมายความว่า…พี่ใหญ่หลิงเทียน พี่สาวเค่อเอ๋อและคนอื่นๆก็ได้เจอกับพวกพี่สาวเฉวี่ยไน่แล้วน่ะสิ”

สองตาเสี่ยวไป๋ทอแสงสว่างจ้า

“อื้อ พวกเราพักอยู่ด้วยกันพักหนึ่ง…ท่านพ่อยังเป็นผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ด้วย!”

ต้วนซือหลิงเชิดหน้าขึ้นกล่าออกมาอย่างภาคภูมิใจ

“ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้!?”

เสี่ยวจิน เสี่ยวไป๋ และแม้กระทั่งเสี่ยวเฮยถึงกับตกตะลึงกันยกใหญ่!