ตอนที่ 1094 เสียมารยาทต่อหน้าจักรพรรดิ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1094 เสียมารยาทต่อหน้าจักรพรรดิ

เซี่ยสวินเพิ่งพบหน้าไป๋ชิงอวี๋เป็นครั้งแรก เขาจึงไม่สามารถซักถามประวัติความเป็นมาของไป๋ชิงอวี๋ได้

ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้ไป๋ชิงอวี๋ช่วยชีวิตของเขาไว้จริงๆ เซี่ยสวินจะจดจำไว้ในใจ เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงอวี๋อีกครั้ง จากนั้นจึงขี่ม้าตามมู่หรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่จากไป

เมื่อส่งคนของต้าเยี่ยนจากไปเรียบร้อย ไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นจื้อกลับไปที่ห้องจึงได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนไปยังค่ายทหารแล้ว ไป๋ชิงอวี๋ตะลึง…เขานึกถึงสิ่งที่บิดาของเขามักทำเป็นประจำเมื่อออกรบขึ้นมาได้ ไม่ว่าบิดาของเขาจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำสงครามมากเพียงใดก็มักจะไปเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่ค่ายทหารก่อนจึงจะสามารถกลับมานอนได้อย่างสบายใจทุกครั้ง บัดนี้พี่หญิงใหญ่กำลังทำในสิ่งที่บิดาของพวกเขาเคยทำ

“เสี่ยวซื่อ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด” ไป๋ชิงอวี๋หันไปกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อ “วันมะรืนจะทำสงครามแล้ว พี่ฝากความหวังไว้ที่เจ้านะ”

ไป๋จิ่นจื้อได้ยินเช่นนี้จึงยิ้มกว้างออกมา จากนั้นพยักหน้ารัว “พี่ชายห้าไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ เสี่ยวซื่อจะทำให้เต็มที่ที่สุดเจ้าค่ะ”

“ไปเถิด” ไป๋ชิงอวี๋พยักหน้าให้ไป๋จิ่นจื้อ

หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ พื้นนอกเมืองผิงหยางซึ่งเต็มไปด้วยเลือดถูกปกคลุมด้วยหิมะซึ่งตกลงมาไม่หยุดจนมองไม่เห็นเลือดสดและสภาพน่าสยดสยองของสงครามที่เพิ่งผ่านพ้นไป ผิงหยางดูเหมือนเมืองที่สงบสุขเมืองหนึ่ง

ภายในเมือง เหล่าทหารผลันกันทำแผลกับสหายของตัวเอง ชาวบ้านช่วยกันขนอิฐและท่อนไม้ไปซ่อมแซมประตูเมืองที่ถูกกองทัพช้างทำลาย

ทหารต้าโจวได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในสงครามเมื่อคืน การถูกช้างเหยียบไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

ม้าของหลู่หยวนเผิงถูกช้างที่คลุ้มคลั่งจากกลิ่นฉุนและแสบร้อนของพริกเตะลอยไปไกล ตอนนั้นหลู่หยวนเผิงกระอักเลือดจนสลบไป หากซือหม่าผิงไม่เสี่ยงชีวิตไปช่วยหลู่หยวนเผิงซึ่งสลบไม่ได้สติออกมาจากบริเวณนั้น ป่านนี้หลู่หยวนเผิงคงโดนเหยียบจนเละไปแล้ว

ทว่า ซือหม่าผิงถูกแทงเข้าที่แผ่นหลังหนึ่งบาดแผลเช่นเดียวกัน ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังนอนคว่ำข่มความเจ็บปวดปล่อยให้หมอทหารทายาให้อยู่ในห้อง

“หลู่หยวนเผิงเป็นเช่นไรบ้าง” ซือหม่าผิงมองไปทางหลู่หยวนเผิงที่ยังคงสลบไม่ได้สติ จากนั้นถามอย่างเป็นห่วง

“แม่ทัพหม่าไม่ต้องเป็นห่วง แม่ทัพหลู่ปลอดภัยแล้ว เมื่อคืนฝ่าบาทให้ท่านหมอหงมาตรวจดูอาการแล้ว ท่านหมอหงกล่าวว่าได้รับบาดเจ็บที่ซี่โครง ทว่า ไม่ได้ร้ายแรงนัก ไม่ได้ช้ำในขอรับ”

หมอทหารห่มผ้าให้ซือหม่าผิง จากนั้นหันไปล้างมือในกะละมังด้านข้าง

“แม่ทัพหม่าต้องนอนคว่ำเช่นนี้จนกว่าแผลจะหายดีนะขอรับ”

ซือหม่าผิงสมัครเข้ามาเป็นทหารโดยใช้นามแฝงหม่าซาน ทุกคนในค่ายทหารจึงเรียกเขาว่าแม่ทัพหม่า

ซือหม่าผิงมองไปทางหลู่หยวนเผิงที่ยังนอนหลับตาสนิทอีกครั้งพลางถามอย่างเป็นกังวล

“เหตุใดเขาจึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”

“แม่ทัพหลู่นอนหลับไปแล้วขอรับ…”

หมอทหารใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือ เขาเก็บยาใส่กล่องยาของตัวเองพลางกล่าวยิ้มๆ

“เขาฟื้นขึ้นมาครั้งหนึ่งตอนฝ่าบาทเสด็จมายังค่ายทหารขอรับ”

ซือหม่าผิง “…”

ขณะสนทนากันอยู่ จู่ๆ หลู่หยวนเผิงซึ่งนอนอยู่ริมหน้าต่างก็บ่นพึมพำขึ้นมา เขายื่นมือออกมาจากผ้าห่มพลางบิดขี้เกียจเล็กน้อย เมื่อยืดโดนบาดแผลของตัวเองจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

เว่ยจงแหวกผ้าม่านเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นท่าทีร้องอวดครวญของหลู่หยวนเผิงจึงกล่าวออกมายิ้มๆ

“แม่ทัพหลู่ตื่นแล้วหรือขอรับ”

หมอทหารรีบทำความเคารพเว่ยจง

หลู่หยวนเผิงเห็นเว่ยจงเดินเข้ามาด้านในจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นรีบโค้งกายทำความเคารพเว่ยจงทั้งๆ ที่เครื่องแต่งกายยังคงหลุดลุ่ย “เว่ยกงกง พี่สาวไป๋…ฝ่าบาทส่งท่านมาอย่างนั้นหรือ”

หึ…

ซือหม่าผิงแสยะยิ้มเย็นให้หลู่หยวนเผิงหนึ่งที จากนั้นเบนหน้าไปอีกทาง เขาอุตส่าห์เป็นห่วงหลู่หยวนเผิง ทว่า เจ้านั่นแข็งแรงอย่างกับแมลงที่ตีไม่ตาย เหตุใดเขาต้องเป็นห่วงเจ้านั่นด้วย

“ขอรับ ฝ่าบาทส่งข้ามาเชิญแม่ทัพหลู่และแม่ทัพหม่า ตรัสว่าหากแม่ทัพทั้งสองสามารถลุกเดินได้ ฝ่าบาททรงอยากพบท่านทั้งสองขอรับ” เว่ยจงกล่าวยิ้มๆ

“ได้ๆ ข้าลุกได้อยู่แล้ว!” หลู่หยวนเผิงเอื้อมมือไปกระตุกผ้าห่มของซือหม่าผิง

“รีบลุกขึ้นมาเร็ว ฝ่าบาททรงอยากพบพวกเรา!”

ซือหม่าผิง “…”

หลู่หยวนเผิงหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับ ตั้งแต่เล็กจนโตซือหม่าผิงไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้มาก่อน ชายหนุ่มค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นจากเตียง ทว่า ไม่วายถูกหลู่หยวนเผิงบ่นว่าชักช้า ซือหม่าผิงเจ็บตัวเช่นนี้เพราะช่วยชีวิตผู้ใดไว้กัน!

เมื่อทั้งสองคนแต่งกายเสร็จเรียบร้อยจึงเดินตามเว่ยจงไปพบไป๋ชิงเหยียน

ภายในห้องหนังสือ

ไป๋ชิงเหยียนกำลังปรึกษากับไป๋ชิงอวี๋ ไป๋จิ่นจื้อ เสิ่นคุนหยาง เฉิงหย่วนจื้อและหวังชิวลู่ว่าจะรับมือกับกองทัพช้างเช่นไร เว่ยจงพาทั้งสองคนเข้าไปด้านใน

ทั้งสองคนเตรียมทำความเคารพก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นก่อน

“พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่ ไม่ต้องมากพิธี”

หลู่หยวนเผิงได้ยินจึงใช้มือจับที่บริเวณซี่โครงของตัวเอง จากนั้นรับคำยิ้มๆ “พ่ะย่ะค่ะ”

ทว่า ซือหม่าผิงกลับข่มความเจ็บปวดที่หลังของตัวเองคุกเข่าลงบนพื้น ชายหนุ่มหันไปกระชากให้หลู่หยวนเผิงคุกเข่าลงเช่นเดียวกัน จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม

ไป๋จิ่นจื้อซึ่งเพิ่งกลับมาจากตรวจตราความเรียบร้อยของค่ายทหารและยังคงถือแส้ไว้ในมือใช้แส้ชี้ไปทางซื่อหม่าผิงพลางกล่าวขึ้นยิ้มๆ

“นี่คือซือหม่าผิงที่ข้าเคยรู้จักอย่างนั้นหรือ ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่เดือน เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้กัน”

ซือหม่าผิงยังคงก้มหน้าอย่างนอบน้อม “เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน บัดนี้อยู่ต่อหน้าฝ่าบาทก็ควรรักษามารยาทขอรับ!”

ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลู่หยวนเผิงจะสนิทสนมกับไป๋ชิงเหยียนมากเพียงใด ตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋ เป็นเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ซึ่งไร้อำนาจ ทว่า บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนคือจักรพรรดินีผู้สูงส่งของต้าโจว ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ในอดีตมีจักรพรรดิถ่อมตัวมากมายที่ให้สัญญากับทหารทุกคนก่อนขึ้นครองราชย์ว่าเห็นทุกคนเป็นดั่งสหายร่วมรบ ทว่า หลักจากขึ้นครองราชย์…เหล่าทหารที่คิดว่าตัวเองสนิมสนมกับจักรพรรดิคิดว่าฝ่าบาทเห็นพวกเขาเป็นดั่งสหายเช่นเดิมจึงไม่รู้จักเคารพจักรพรรดิ ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักความพอดี คิดเพียงว่าพวกเขาเคยเป็นสหายกัน สุดท้ายแล้วผลลัพธ์เป็นเช่นไร พวกที่คิดว่าตัวเองสนิทสนมกับจักรพรรดิคนใดมีจุดจบที่ดีบ้าง ส่วนใหญ่ล้วนมีจุดจบที่ไม่ดีทั้งสิ้น!

บัดนี้ปู่ของหลู่หยวนเผิงคือไท่เว่ยของราชสำนัก เขาอยู่ตำกว่าคนๆ เดียว ทว่า อยู่เหนือคนทั้งปวง หลู่หยวนเผิงยิ่งต้องรักษามารยาทระหว่างจักรพรรดิและขุนนาง มิเช่นนั้นหากจักรพรรดิอารมณ์ดีอาจคิดว่าหลู่หยวนเผิงเป็นคนตรงไปตรงมา ทว่า หากจักรพรรดิอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเมื่อใดจะคิดว่าหลู่หยวนเผิงอาศัยบารมีของตระกูลตัวเองจองหอง ไม่เคารพจักรพรรดิได้

หลู่หยวนเผิงได้ยินคำนี้จึงมองไปทางซือหม่าผิงแวบหนึ่ง จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน

ไป๋จิ่นจื้อหลุดขำกับท่าทีจริงจังของซือหม่าผิง

“พอได้แล้วซือหม่าผิง พวกเราล้วนรู้ดีว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร…”

ไป๋จิ่นจื้อยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกไป๋ชิงอวี๋ส่งสายตาห้ามปรามมาเสียก่อน ไป๋จิ่นจื้อเม้มปากพลางย่นคออย่างหวาดกลัว

ไป๋ชิงเหยียนอารมณ์ดีที่ได้พบคนที่คุ้นเคย แม้หลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงจะขึ้นชื่อว่าเป็นคุณชายเจ้าสำราญ ทว่า พวกเขามีความเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งยังสามารถอดทนอยู่ในกองทัพไป๋ได้ ในฐานะคุณชายที่เกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ พวกเขาน่ายกย่องมากแล้ว

“ลุกขึ้นเถิด” ไป๋ชิงเหยียนหันไปพยักหน้าให้เว่ยจง

เว่ยจงเดินไปด้านข้าง หยิบหอกเงินหงอิงของไป๋ชิงเหยียนออกมา…

เมื่อหลู่หยวนเผิงเห็นหอกเงินเล่มนั้นจึงหยัดกายตรงขึ้นทันที เขากำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น แววตาเต็มไปด้วยความดีใจ

เขารู้ว่านั้นคือหอกเงินหงอิงของพี่สาวไป๋

โหมดอ่านต่อเนื่อง