เล่ม 1 ตอนที่ 272-1 พ่อลูกพบหน้า

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 272-1 พ่อลูกพบหน้า

เดือนสามเข้าสู่ฤดูวสันต์ แสงตะวันเจิดจ้า ดอกท้อในเรือนลั่วเหมยผลิบาน แต่ละดอกแต่ละช่องดงามตรึงตาราวกับดรุณีน้อยเรือนร่างอรชร

จีเหล่าฮูหยินนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายที่โถงระเบียง นั่งนับดอกไม้บนกิ่งอย่างเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง

ช่วงเดือนสามอากาศในเมืองหลวงยังเย็นอยู่นิดๆ หรงมามาถือผ้าห่มผืนบางมาคลุมบนขาของนาง แล้วส่งรังนกถ้วยหนึ่งมาให้ จากนั้นเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เหล่าไท่ไท่เจ้าคะ ท่านทานอาหารเช้าไปไม่กี่คำ ห้องครัวตุ๋นรังนกเชื่อมมาให้ กินสักหน่อยตอนที่ยังร้อนนะเจ้าคะ”

จีเหล่าฮูหยินไม่อยากอาหาร นางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้านแล้วชี้ไปที่ประตู “เจ้าเรียกคนไปดูหน่อยสิว่าพวกหมิงซิวกลับมาแล้วหรือยัง”

หรงมามาจึงบอกว่า “เมื่อครู่ตงเหมยเพิ่งจะไปดูมาไม่ใช่หรือเจ้าคะ ยังไม่กลับหรอกเจ้าค่ะ หากคุณชายใหญ่จะกลับมาก็ต้องให้คนมาส่งข่าวล่วงหน้าไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

“เฮ้อ” จีเหล่าฮูหยินถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เมื่อก่อนเจ้าเด็กนั่นก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่นางไม่ยักจะทรมานถึงเพียงนี้ เหตุไฉนหนนี้นางจึงทรมานใจนักนะ

หรงมามารับใช้เหล่าฮูหยินมานานถึงเพียงนี้ นางเข้าใจเหล่าฮูหยินดีเสียยิ่งกว่าตัวเหล่าฮูหยินเองอีก พอเห็นนางถอนหายใจ จะยังไม่เข้าใจอีกหรือ นางคลี่ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ท่านคิดถึงเจ้าตัวน้อยสองคนนั้นแล้วกระมัง”

จีเหล่าฮูหยินตอบอย่างขุ่นเคือง “จะไม่ใช่ได้อย่างไร ข้าตั้งตารอมาตั้งหลายปีกว่าจะได้มีเหลนตัวน้อยมาสองคน ข้าลำบากตั้งเท่าไร แต่นานป่านนี้แล้วยังไม่พาเหลนกลับมาหาข้าอีก…”

“ท่านย่าทวด!”

จีเหล่าฮูหยินยิ้มหยันตนเอง “ดูสิดู ข้าคิดถึงเด็กสองคนนั้นมากเกินไปแล้ว เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเขาเรียกข้า”

หรงมามายิ้ม “ท่านไม่ได้ฟังผิด ดูสิเจ้าค่ะ”

จีเหล่าฮูหยินมองตามนิ้วของหรงมามาก็เห็นเจ้าซาลาเปาน้อยสองคนที่ผิวเข้มขึ้นหนึ่งเฉดอย่างเห็นได้ชัดจูงมือกันวิ่งเข้ามา

ใช่แล้ว จูงมือกัน เนื่องจากน้องสาววิ่งเร็วกว่าตนเองอยู่ตลอด จิ่งอวิ๋นผู้ไม่ยินดีจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังจึงจับมือน้อยของน้องสาวไว้อย่างเจ้าเล่ห์

ก้อนข้าวเหนียวน้อยขาวนุ่มนิ่มทั้งสองออกไปข้างนอกไม่กี่เดือน กลับมาก็กลายเป็นก้อนข้าวเหนียวดำสองก้อนเสียแล้ว จีเหล่าฮูหยินตาโตอ้าปากค้าง เกือบจะจำไม่ได้

นี่จะโทษเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสองคนก็ไม่ได้ ดวงตะวันที่ทะเลแดดแรงเหลือเกินราวกับดวงตะวันงอกอยู่เหนือศีรษะ ตากแดดตลอดทางกลับจะไม่กลายเป็นมนุษย์ผิวดำตัวจิ๋วสองคนได้หรือ

แต่ต่อให้จะกลายเป็นมนุษย์จิ๋วตัวดำก็ยังเป็นมนุษย์จิ๋วตัวดำที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ดวงตากลมโต ขนตายาว ปากน้อยๆ ฉีกยิ้มเผยให้เห็นฟันซี่น้อยสีขาวทั้งปาก น่ารักเป็นที่สุด!

จีเหล่าฮูหยินลุกขึ้นมานั่งด้วยความดีใจ แล้วเอ่ยว่า “มาเร็ว! มาให้ย่าทวดดูหน่อย!”

เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือกันกระโดดขึ้นบันไดมายืนตรงหน้าจีเหล่าฮูหยิน

จีเหล่าฮูหยินลูบหัวไหล่ของทั้งสองคน มองซ้าย มองขวา มองด้านบน มองด้านล่าง ปากก็ยิ้มไม่หุบ “ตัวสูงขึ้นแล้ว!”

จิ่งอวิ๋นมองน้องสาวที่แต่เดิมเตี้ยกว่าตนครึ่งศีรษะ แต่วันนี้เหมือนจะสูงแซงหน้า จากเขาก็เขย่งปลายเท้าขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

จีเหล่าฮูหยินกอดเจ้าตัวน้อยทั้งสองคนเข้ามาในอ้อมแขน เหตุการณ์ที่เจ้าตัวน้อยทั้งสองคนถูกคนของคณะเชิดสิงโตลักพาตัวไปเมื่อปีก่อนทำให้เหล่าฮูหยินตกใจแทบแย่ แน่นอนนางไม่รู้ว่าโจรลักพาตัวถูกเจ้าซาลาเปาน้อยวั่งซูทำให้ตกใจกลัวจนสภาพอเนจอนาถนัก ในใจนางร้อนรนชนิดที่ว่าหากไม่ได้จดหมายลายมือของเฉียวเจิงส่งมา นางก็คงไม่มีกะจิตกะใจฉลองปีใหม่ปีนี้

ระหว่างนี้หมิงซิวให้คนส่งข่าวมาอยู่หลายครั้ง บอกว่าพวกเด็กๆ ปลอดภัยดีทุกอย่าง หัวใจของนางจึงสงบลงได้ แต่เจ้าตัวน้อยทั้งสองคนจากไปนานถึงเพียงนั้น นางย่อมคิดถึง แต่เดิมคิดว่าผ่านวันปีใหม่ก็คงจะกลับมาแล้ว แต่ชะเง้อรอจนเลยปีใหม่มาสามเดือน ตั้งตาคอยตั้งแต่เดือนหนึ่ง เดือนสอง จนวันนี้เดือนสามแล้ว นางเฝ้าคอยจนผมงอกขาวขึ้นมาหลายเส้น ในที่สุดเจ้าตัวน้อยก็กลับมาเสียที

“ให้ย่าทวดดูหน่อยสิว่าตัวหนักขึ้นหรือไม่” จีเหล่าฮูหยินอุ้มจิ่งอวิ๋นขึ้นมาบตักก่อน “อืม ตัวหนักขึ้นแล้ว”

จิ่งอวิ๋นกระโดดลงมาอย่างอารมณ์ดี จีเหล่าฮูหยินขยับมาอุ้มวั่งซูต่อ แต่อุ้มไม่ขึ้นเฉกเช่นก่อนหน้านี้ “วั่งซู…วั่งซูตัวไม่หนักเลย”

วั่งซู “…”

จีเหล่าฮูหยินลูบผมเปียเส้นน้อยของทั้งสองคนแล้วถามว่า “”พ่อแม่ของพวกเจ้าเล่า”

“ท่านย่า” เฉียวเวยยิ้มน้อยๆ เดินเข้ามาในเรือนพร้อมกับจีหมิงซิว ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ในตัวเรือเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ตากแดด ผิวยังคงขาวกระจ่าง

เฉียวเวยสวมกระโปรงคาดเอวเข้ารูปตัวหนึ่ง เสื้อตัวบนเป็นสีขาว ผ้าชั้นในของกระโปรงก็เป็นสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อหลงเซียวสีฟ้าอ่อนหนึ่งตัว เสื้อหลงเซียวตัวนั้นคุณภาพดียิ่ง มันเบาหวิวดุจก้อนเมฆ ขณะเดียวกันก็ใสดุจน้ำทะเล เวลาสวมอยู่บนร่าง ทำให้ตัวคนมีกลิ่นอายสะอาดพิสุทธิ์เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน บรรยากาศบริสุทธิ์นั่นทำให้คนที่มองประหนึ่งได้ชำระล้างดวงวิญาณ

จีเหล่าฮูหยินเผยรอยยิ้มยินดีออกมา ไม่นานจีเหล่าฮูหยินก็หันไปมองจีหมิงซิวที่อยู่ข้างกายของเฉียวเวยต่อ

จีหมิงซิวยังสวมอาภรณ์สีขาวทั้งตัวเช่นเดิม ตัวคนสง่างามประหนึ่งหยก เพียงเขาเดินเข้าใกล้ มวลบุปผาในสวนก็คล้ายจะเบ่งบานสดสวยส่งกลิ่นหอมเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

จีเหล่าฮูหยินยิ้มจนมองไม่เห็นดวงตา ผ่านไปครู่หนึ่งก็หน้าบึ้งแสร้งทำเป็นโมโห “ตอนนี้รู้จักกลับมาแล้วหรือ จากไปนานปานนั้น คงลืมย่าคนนี้อย่างข้าไปนานแล้วสิ!”

เฉียวเวยยิ้มน้อยๆ เดินเข้าไปอุ้มเจ้าซาลาเปาน้อยวั่งซูขึ้นมาโยนใส่อ้อมแขนบิดาของเจ้าตัว จากนั้นกอดแขนของจีเหล่าฮูหยินบอกว่า “จะลืมท่านได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ พวกข้าคิดถึงท่านอยู่ทุกวัน ตั้งตาคอยพบท่านจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ!”

“กินไม่ได้ นอนไม่หลับหรือ” จีเหล่าฮูหยินมองสองสามีภรรยา “ถ้าอย่างนั้นไฉนข้าดูแล้วหน้าของเจ้าสองคนถึงกลมขึ้นมาได้เล่า”

เฉียวเวยกระแอม ในทะเลมีของอร่อยมากเกินไป แล้วพวกเขาทุกคนยังเป็นมือฉมังในการจับปลา ระหว่างทางจึงกินไม่หยุดปาก หน้าจะไม่กลมได้หรือ

จีเหล่าฮูหยินย่อมพูดไปอย่างนั้น ไหนเลยจะถือสาเรื่องที่ทั้งสองอ้วนขึ้นจริงๆ นางอยากจะให้ทั้งสองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉียวเวยมีเนื้อมีหนังเพิ่มขึ้นจะตายไป จะได้ให้กำเนิดเหลนตัวน้อยน่ารักน่าชังให้นางอีกสักหลายๆ คน

หรงมามาให้สาวใช้ขนเก้าอี้มา จีหมิงซิวอุ้มวั่งซูนั่งลง วั่งซูเอื้อมมือจะไปหยิบถั่วบนโต๊ะขึ้นมากิน แต่เอื้อมตั้งนานก็ยังเอื้อมไม่ถึง คว่ำตัวดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมแขนของบิดา

คนในเรือนหัวเราะครืน

จีหมิงซิวขยับจานเข้ามา วั่งซูกินได้สองคำก็ไม่กินแล้ว จูงมือพี่ชายไปเล่นกันในสวน

จีเหล่าฮูหยินยังไม่เข้าใจนักว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดเฉียวเวยที่ออกเดินทางไปเจียงหนานจึงมาด้วยกันกับจีหมิงซิว แล้วเหตุใดระหว่างทางจึงรับเด็กทั้งสองกลับมาด้วย เฉียวเวยย่อมไม่สะดวกบอกว่าเรื่องที่ตนเดินทางไปเจียงหนานเป็นเรื่องโกหก จึงบอกว่าที่เดินทางไปเจียงหนานเป็นเรื่องจริง แต่ระหว่างทางได้รับจดหมายของจีหมิงซิวผ่านพิราบสื่อสาร บอกว่าตามหาท่านแม่กับท่านตาของนางพบแล้ว จึงให้นางเปลี่ยนทิศไปรวมตัวกับจีหมิงซิว “…เรื่องเหล่านี้เล่าสั้นๆ คงเล่าได้ไม่ชัดเจน จึงตัดสินใจกลับมาบอกท่านต่อหน้า ท่านอย่าโกรธพวกข้าเลย”

จีเหล่าฮูหยินไหนเลยจะมีกะจิตกะใจโกรธ นางตกตะลึงจนพูดไม่ออกตั้งนานแล้ว ผ่านไปเนิ่นนานถึงหาเสียงของตนเองพบ “แม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือ ถ้าเช่นนั้นเหตุไฉนนางไม่มาหาเจ้า แม่ของเจ้าไม่ใช่คุณหนูของหุบเขาอะไรสักอย่างหรือ เหตุใดวิ่งไปอยู่บนทะเล”

“เรื่องนี้เล่าแล้วก็ยาว ความจริงท่านแม่ของข้าไม่ใช่คุณหนูของหุบเขาสมุนไพร นางเป็นธิดาของเจ้าผู้ปกครองเกาะแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนั้นไม่ติดต่อคบค้ากับจงหยวน นางแอบหนีออกมาเอง แต่นางไม่มีตัวตนในทะเบียนของจงหยวน เพื่อให้แต่งงานกับพ่อของข้าได้อย่างราบรื่น นางจึงจับราชาโอสถแห่งหุบเขาสมุนไพรมา…” ทุบตีจนยอมจำนน

เฉียวเวยลูบจมูก “เกลี้ยกล่อมจนยอม”

จีเหล่าฮูหยินไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวในยุทธภพนัก แต่คิดว่าเฉียวฮูหยินเหมือนจะใจกล้าพอสมควร แน่นอนว่า แม้นางจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเฉียวฮูหยิน แต่ในเมื่อให้กำเนิดบุตรสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้ เฉียวฮูหยินก็น่าจะเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งคนหนึ่งเช่นกัน

พอคิดมาถึงตรงนี้ จีเหล่าฮูหยินก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “ในเมื่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เหตุใดหลายปีที่ผ่านมาจึงไม่มาหาพวกเจ้า”

เฉียวเวยลดทอนเรื่องให้เบาลงแล้วเล่าว่า “มารดาของข้ากำลังรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่อาจออกจากเกาะได้”

จีเหล่าฮูหยินเข้าใจทันที นางกุมมือของเฉียวเวย “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าลำบากแล้ว ดูสิหลายปีนี้ต้องทุกข์ทรมานมาเท่าใด…ตอนนี้แม่ของเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง”

เฉียวเวยยิ้มตอบว่า “ไม่เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ! รอนางจัดการงานในมือเรียบร้อยก็จะกลับต้าเหลียงมาเยี่ยมพวกเรา ถึงยามนั้นก็จะมาเยี่ยมท่านด้วย”

“ดี ดี!” จีเหล่าฮูหยินจับไม้จับมือเฉียวเวยคุยอีกสักพักก็ถามว่าร่างกายท่านตาของเฉียวเวยเป็นอย่างไรบ้าง แล้วยังมีญาติคนใดอีก พวกเขาพอใจจีหมิงซิวเขยคนนี้หรือไม่ เฉียวเวยตอบทีละคำถาม จีเหล่าฮูหยินอายุมากแล้ว เรื่องชนเผ่าลึกลับอะไรเหล่านั้น นางไม่เข้าใจ เพียงได้ยินว่าเฉียวเวยมีท่านตากับท่านแม่ก็ดีใจแทนเฉียวเวยจากหัวใจแล้ว พอได้ยินว่าพวกเขาต่างพอใจในตัวหมิงซิวก็ดีใจจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

หรงมามาฉวยโอกาสไฟกำลังได้ที่ “เหล่าไท่ไท่ อย่ามัวแต่คุยเลยเจ้าค่ะ รีบกินรังนกเถิด”

เฉียวเวยถามว่า “ท่านย่ายังไม่ทานอาหารเช้าหรือเจ้าคะ”

หรงมามาจึงบอกว่า “ใช่สิเจ้าคะ นับตั้งแต่พวกท่านเดินทางจากไป เหล่าไท่ไท่ก็ไม่เห็นร่างกายตนเองเป็นเรื่องสำคัญแล้ว”

จีเหล่าฮูหยินถลึงตาใส่หรงมามา “เจ้าฟ้องข้าเก่งจริงนะ!”

หรงมามาหัวเราะ

เฉียวเวยรับรังนกมาจากมือหรงมามาแล้วเอ่ยกับจีเหล่าฮูหยินว่า “ท่านกินตอนร้อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านค่อยๆ กิน พวกเราค่อยๆ คุยกัน”

จีเหล่าฮูหยินกินรังนกอย่างว่าง่าย

ระหว่างที่ท่านแม่เฒ่ากินรังนก หรงมามากับหมิงซิวก็คุยเรื่องที่เกิดขึ้นในจวน เรือนสามกลับมาฉลองปีใหม่ แต่เดินทางจากไปตั้งแต่เดือนหนึ่งแล้ว จีซวงของเรือนสี่คลอดลูกแล้ว เป็นทารกตัวอ้วนจ้ำม่ำ จีซวงตั้งตาคอยอยู่สิบกว่าปีกว่าจะได้อุ้มลูกชาย นางดีใจแทบแย่ สาวน้อยทั้งสองนางกำหนดคู่ครองแล้ว หว่านอวี๋หมั้นหมายกับบุตรคนโตสายตรงของตระกูลหลีแห่งจวนหลี่กั๋วกง หรูเย่ว์หมั้นหมายกับบุตรชายสายตรงคนที่สามของตระกูลผังแห่งจวนไท่ซือ พวกเขาล้วนเป็นคู่ครองที่ไม่เลวอย่างยิ่ง