บทที่ 1100 สอบถาม

บทที่ 1100 สอบถาม

“โลกใบนี้มีคนตัดสินจากรูปร่างหน้าตาแล้วถึงค่อยให้ความเคารพน้อยเสียที่ไหนกันคะ? กับลี่เฉิงที่เอาแต่ให้ความสำคัญเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ยิ่งแล้วใหญ่เลย”

ซูหม่านซิ่วรู้ว่าหลานจะสื่อถึงอะไร แต่ด้วยนิสัยตนจึงคิดว่ามันไม่จำเป็น

“หนูว่าทุกคนน่าจะรู้ว่าอาใหญ่มาจากตะวันตกเฉียงเหนือแน่”

“ตอนที่อามาใหม่ ๆ อากรอกเอกสารระบุบ้านเกิดด้วยน่ะ”

บางทีข่าวคงสะพัดในตอนนั้น

ต่อมาเจ้าตัวก็ไม่เคยบอกใครเลยว่าตอนนี้ครอบครัวอาศัยอยู่ในเมืองหลวงกันหมด ยิ่งลูกหลานเรียนมหาวิทยาลัย หรือเก่งกาจก็ไม่เคยพูด

เพราะไม่ได้โอ้อวดเลยทำให้ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ที่นี่คิดว่าซูหม่านซิ่วต่ำต้อยจึงไม่มีอะไรให้อวด

ถึงยังไงก็เป็นผู้หญิงนี่เนอะ อวดลูกอวดผัวหรือใครในครอบครัวได้ก็เอา ขอแค่มันคุ้มค่าที่ได้อวดก็จะทำทั้งนั้น

“โชคดีที่อาเขยหนูเป็นผู้นำแล้วเลยไม่มีใครดูถูกอาแล้วละ!”

“ถึงหนูจะเชื่อในตัวอาเขย แต่มันมีคนคิดพิชิตใจอาเขยเพราะดูถูกอาใหญ่อยู่นะคะ”

เพราะเดี๋ยวนี้คู่ไหนที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เขาก็อนุญาตให้สามีมีภรรยาหลายคนได้แล้วนะ

แล้วในลี่เฉิงก็มีแต่นักธุรกิจ คนพวกนั้นดูถูกอาใหญ่ทั้งนั้นและมีเป้าหมายจะมาแทนที่ตำแหน่งภรรยาด้วย

อาใหญ่ต้องโอ้อวดเสียบ้าง

“แต่ว่า…” ซูหม่านซิ่วลังเล

“ถ้าคนรอบข้างรู้ จะไม่มีคนดูถูกแน่ค่ะ”

ลี่เฉิงไม่เหมือนที่อื่น ๆ มันเต็มไปด้วยผู้คนที่มีแต่ความปรารถนาในด้านวัตถุนิยมทั้งนั้น

อาเขยต้องเจอคนหลากหลายประเภท คงจะแปลกหากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของลี่เฉิงถูกขนานนามว่าเป็นสาวชาวนาที่ไม่มีผู้อื่นดูถูก!

ระหว่างทำอาหาร ซูหม่านซิ่วก็เอาแต่ขบคิด

ประสบการณ์มากมายที่เผชิญมาหลายปีในลี่เฉิงตนไม่เคยบอกให้สามีรู้เลย

ส่วนใหญ่เพราะไม่อยากทำให้เขากังวล

แต่ทุกคนในลี่เฉิงรู้ว่าเฉินจื่ออันรักเธอจริง ๆ จึงไม่มีใครกล้าทำให้ขายหน้า

อย่างที่หลานบอก ต้องทำให้พวกเขารู้ว่าตนไม่ได้หัวเดียวกระเทียมลีบ เส้นสายต่าง ๆ จะไม่มีเชียวหรือ?

ตระกูลซูเราไม่ได้แย่ โดยเฉพาะหลานชายที่โตขึ้นทุกวันจะประมาทไม่ได้เลย

คนหนึ่งทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ คนหนึ่งเป็นจิตรกรที่พอมีชื่อเสียง อีกคนเป็นดาวรุ่งด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการยกย่องจากรัฐบาล แค่สามคนก็มาพอให้ชาวบ้านอิจฉาตาร้อนแล้ว

ส่วนคนอื่น ๆ รวมถึงเสี่ยวเถียน มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยห้อยท้ายไว้อยู่ ก็ทำให้คนชื่นชมได้แล้วละ

พรุ่งนี้เฉินจื่ออันไปทำงาน วันนี้เขาได้พักผ่อนอยู่บ้านจึงอาสาช่วยงานในครัว

เห็นภรรยาเป็นกังวลจึงเอ่ยถาม

ซูหม่านซิ่วบอกข้อแนะนำของหลานในวันนี้ให้เขาได้ฟัง

“หลายปีที่ผ่านมาฉันยุ่งจนไม่ได้สนใจความรู้สึกเธอเลย สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็มองออกสินะ”

ชีวิตในลี่เฉิงสำหรับเขาเป็นอะไรที่ยากลำบากไม่น้อย ทำงานยี่สิบชั่วโมงไม่ได้หยุดพัก จึงทำให้ละเลยภรรยาและลูกชายไป

และด้วยความที่เป็นผู้ชายจึงไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ของเพื่อนบ้านเท่าไร จึงเป็นเหตุผลให้ไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

“ผมรู้จักคุณดีและไม่อยากให้ใส่ใจนะ อีกอย่างพูดอวดสักหน่อยก็ไม่ได้แย่หรอกนะ”

ซูหม่านซิ่วยิ้ม “ฉันไม่ใส่ใจหรอกค่ะ คนอื่นคงไม่สามารถบังคับฉันได้เหมือนกัน”

“อย่างที่เสี่ยวเถียนบอกนั่นแหละ อย่าทำให้ตัวเองโดนรังแกแบบนี้ พรุ่งนี้รอดูแล้วกัน คนอื่นต้องรอดูปฏิกิริยาคุณแน่ ๆ หลังจากรู้เรื่องเสี่ยวเถียนน่ะ”

เทียบกันแล้วเฉินจื่ออันเข้าใจความคิดของผู้อื่นได้ดีกว่า

มนุษย์ไม่เห็นใจคนอ่อนแอหรอก และมักตอบแทนด้วยความชั่วร้ายยิ่งกว่า

กับคนรวยคนมีอำนาจไม่คิดหยิบยื่นสิ่งที่ตนเองมี แต่ให้เพียงคำชมเชยเท่านั้น

ตระกูลซูไม่ได้มีอำนาจ เงินทองไม่ได้ถือว่าเยอะ

แต่ด้วยศักยภาพของพวกเขา ทำให้คนส่วนมากไม่กล้าประมาท

ซู่หม่านซิ่วพยักหน้า

มารอดูพรุ่งนี้กัน

ทว่าไม่ต้องรอให้ถึงวันถัดไป

พอกินข้าวเสร็จก็มีคนมาเยี่ยมแล้ว

สองสามีภรรยาผู้มีตำแหน่งรองผู้อำนวยการของลี่เฉิงมาหา ฝ่ายชายแซ่ตู้ ชื่อตู้เลี่ยง ส่วนภรรยาเขาชื่อหลัวอี้เหวินเป็นครูในโรงเรียนมัธยมต้นของท้องถิ่น

เมื่อทั้งคู่ได้ยินว่าหลานสาวของซูหม่านซิ่วจบห้องพิเศษจากโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ก็ได้แต่ตกใจและไม่อยากเชื่อ

เพื่อยืนยันข่าวลือจึงมาเยี่ยมบ้านโดยอ้างว่าอวยพรปีใหม่นั่นเอง

เฉินจื่ออันอยู่ลี่เฉิงมาหลายปีจึงไม่ค้านคนมาอวยพรปีใหม่หรอก แต่คนที่มาไม่ได้มาเพราะเคารพหรอกนะ

ใครที่ทำงานที่นี่มานานจะรู้กันดี

ตู้เลี่ยงนำของขวัญเรียบง่ายอย่างผลไม้มามอบให้

ซูหม่านซิ่วทักทายแขกด้วยผลไม้และชาเช่นกัน

หลังจากพูดคุยไม่กี่คำ หลัวอี้เหวินก็ถามถึงซูเสี่ยวเถียนทันที

ทั้งถามทางตรงและทางอ้อมว่าเด็กคนนี้จบจากโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 จริงใช่ไหม ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงใช่ไหม

ทุกคนรู้ว่าโรงเรียนแห่งนี้มีห้องพิเศษ แต่ไม่รู้ว่าทำไมภายหลังถึงได้ยกเลิกไป

ซูเสี่ยวเถียนนั่งตอบอย่างใจเย็น เธอบอกว่าไม่ได้จบจากโรงเรียนนี้คนเดียวเท่านั้น แต่พี่ชายทั้งสองคนก็จบมาเหมือนกัน ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ชีวิตกำลังไปได้สวย

หลัวอี้เหวินแทบไม่อยากเชื่อ เอาแต่เบิกตากว้างมองซูหม่านซิ่ว

ผู้หญิงคนนี้มาจากครอบครัวชาวนาที่ตะวันตกเฉียงเหนือตามข่าวลือจริงหรือเปล่า?

แล้วทำไมหลานชายหลานสาวถึงเรียนในเมืองหลวงได้ล่ะ?

ต้องรู้ก่อนว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ สำหรับการเข้ามาเรียนในเมืองหลวงโดยไม่มีทะเบียนบ้านในท้องที่น่ะ

ยิ่งเป็นโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ด้วยแล้ว ต่อให้มีทะเบียนบ้านก็ใช่ว่าจะสอบผ่านเสียหน่อย