บทที่ 1126 สถานะและความสัมพันธ์
เพียงแค่ได้ยินคำว่า จวิ้นจู่ ที่อดีตฮ่องเต้ประทานให้ถานอวี้ซู ไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่าสถานะของถานอวี้ซูนั้นสูงส่งเพียงใด ในเมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานจึงหันไปมองกู้หนิงผิงด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกเจ็บปวดในใจ
ครั้นถานอวี้ซูได้ยินถานเย่สิงเรียกตนเอง นางก็พลันเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกและหันไปมองกู้หนิงผิงอย่างกังวล
ถานอวี้ซูเห็นสีหน้าตกตะลึงที่เจือไปด้วยความประหลาดใจของกู้หนิงผิง ถานอวี้ซูก็เกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา
“พี่หนิงผิง” ถานอวี้ซูขานเรียกกู้หนิงผิงด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างเศร้าสร้อย
เดิมทีนางไม่ได้ต้องการปิดบังกู้หนิงผิง แต่ตอนนี้นางไม่อาจรับสภาพของกู้หนิงผิงได้ในตอนนี้
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาสักพัก หัวใจของถานอวี้ซูเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกู้หนิงผิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับตระกูลจิน นางพบว่าตราบใดที่ตนเองติดตามกู้หนิงผิง หัวใจของนางจะเบิกบาน
ตราบใดที่นางติดตามกู้หนิงผิง มันจะเต็มไปด้วยความสบายใจ
นางไม่รู้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของตนเองเป็นอย่างไร แต่เมื่อเห็นท่าทางตกใจและความโศกเศร้าของกู้หนิงผิง ถานอวี้ซูก็รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ
เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก…
เมื่อได้ยินถานอวี้ซูเรียกชื่อของตนเอง กู้หนิงผิงจึงเบือนหน้าไปตามเสียงเรียก
เขายิ้มให้ถานอวี้ซู หากแต่รอยยิ้มของเขาดูเศร้าสร้อยกว่าการร้องไห้เสียอีก
ครั้นถานเย่สิงเห็นหลานสาวไม่ตอบคำถามของตนเอง นางเอาแต่มองไปยังเด็กชายที่อยู่ข้าง ๆ ดังนั้นจึงกระโดดลงจากหลังม้าและก้าวรุดขึ้นหน้าแล้วหยุดลงข้างกายถานอวี้ซู
ยามที่กู้หนิงผิงเห็นผู้เป็นตำนานเทพแห่งสงครามยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง เขาสัมผัสได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็น ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อยและไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองถานเย่สิง
ถานเย่สิงก้มศีรษะลง เขาเอื้อมมือไปแตะศีรษะของถานอวี้ซูและพูดด้วยความรักใคร่ “อวี้ซู เจ้ารู้หรือไม่ว่าปู่เป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหนตอนเจ้าหนีออกมาจากบ้าน”
ถานอวี้ซูเงยหน้าขึ้นมองปู่ของตนเองที่เริ่มชราลงเรื่อย ๆ
ปู่ของนางอายุหกสิบปีแล้ว แต่เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับตัวเอง ถานอวี้ซูร้องไห้และโผตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของถานเย่สิง “ท่านปู่ อวี้ซูผิดไปแล้ว อวี้ซูผิดไปแล้ว อวี้ซูไม่ควรแอบออกมาจากบ้าน ท่านปู่ไม่ควรต้องเป็นกังวลกับอวี้ซู”
เมื่อเห็นหลานสาวของตัวเองร้องไห้อย่างขมขื่น ถานเย่สิงจึงรู้ว่านางรับรู้ถึงความผิดของตนเองแล้ว คำตำหนิที่เตรียมเอาไว้กลับกลายเป็นพูดไม่ออกสักคำ
ตอนนี้เขามีเพียงถานอวี้ซูเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต ถานอวี้ซูคือทั้งชีวิตของเขา ตนเองจะกล้าตำหนิหลานรักได้เยี่ยงไร ตราบใดที่นางปลอดภัย ทุกอย่างก็ไม่สำคัญ
ถานเย่สิงรู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน และรีบเช็ดน้ำตาจากหางตาของตนเองเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นท่าทางที่อ่อนแอของเทพแห่งสงครามอย่างเขา
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าถานเย่สิงเดินทางไกลมายังเมืองรุ่ยเสียน เมื่อเห็นรูปร่างที่เต็มด้วยฝุ่นของถานเย่สิงจึงคิดว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากในการตามหาหลานสาวคนนี้ ดังนั้นจึงอดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
เมื่อถานอวี้ซูเห็นว่าท่านปู่กำลังจะพาตัวเองกลับไป นางก็รู้สึกไม่เต็มใจ ตนเองยังไม่ได้บอกลาสหายเลย
เพราะพวกเขาช่วยชีวิตนางไว้ นางจึงต้องการขอบคุณพวกเขา
ยิ่งกว่านั้น ไอ้สารเลวแซ่จินยังไม่ถูกลงโทษ หากปล่อยเขาไป ในอนาคตตระกูลจินจะต้องสร้างปัญหาให้ตระกูลกู้อีกแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถานอวี้ซูก็ขบฟันพลางชี้ไปที่จินโหย่วกุ้ย และพูดกับถานเย่สิงว่า “ท่านปู่ ตระกูลจินไม่ใช่คนดี ครั้งที่แล้วอวี้ซูเกือบตายในบ้านตระกูลจิน ครั้งนี้ได้พบท่านปู่นับว่าเป็นโอกาสที่ดี”
เมื่อจินโหย่วกุ้ยได้ยินว่าถานอวี้ซูบอกว่านางเกือบตายในบ้านตระกูลจิน จินโหย่วกุ้ยก็ตกใจและตอบโต้อย่างรวดเร็ว “จวิ้นจู่ นี่…เรื่องแบบนี้จะพูดไร้สาระไม่ได้”
จินโหย่วกุ้ยได้รับการสนับสนุนจากหมิงอ๋อง แต่ถานอวี้ซูตรงหน้าเขาได้รับการสนับสนุนจากอดีตฮ่องเต้และไทฮองไทเฮา
หากเรื่องนี้ถูกถานเย่สิงรายงานต่อฮ่องเต้และไทฮองไทเฮา ตระกูลจิน…
แม้ว่าจะมีหมิงอ๋องเป็นร้อยคน พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลจินได้
ตั้งแต่เติบโตมาจนอายุถึงขนาดนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัวบางอย่าง
จินโหย่วกุ้ยไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้ เขาคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับตบหน้า “ท่านแม่ทัพ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
เมื่อเห็นเขาบิดเบือนข้อเท็จจริงและบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ดวงตาผลซิ่งของถานอวี้ซูก็เบิกกว้าง คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน “เหตุใดถึงบอกว่าเข้าใจผิดเล่า? ถ้าพี่หนิงผิงไม่ช่วยข้าไว้ เกรงว่าข้าคงจะกลายเป็นวิญญาณที่สิงอยู่ในบ้านตระกูลจินไปแล้ว”
อาอวี้ยังพูดอย่างเร่งรีบจากด้านข้าง “นายท่าน มันเป็นเรื่องจริง ครั้งนั้นข้า คุณหนู และนายน้อยกู้ถูกตระกูลจินลักพาตัวไป นายน้อยตระกูลจินคนนั้นไปไกลถึงขนาดต้องการทำเรื่องไร้ยางอายกับข้า ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยกู้ผู้ซึ่งใช้ชีวิตเพื่อปกป้องพวกเรา เกรงว่า…”
อาอวี้ไม่ได้เอ่ยประโยคถัดไปออกมา แต่ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมหลังจากได้ยินก็สามารถรู้ได้ว่าตระกูลจินจะทำอะไร
สิ่งที่อาอวี้พูดในขณะนี้ไม่ได้พูดถึงถานอวี้ซู แต่กล่าวถึงตัวนางเอง โดยธรรมชาติมันเป็นการพิสูจน์ว่าตระกูลจินจะทำอะไร และเลือกจะทำอะไรกับคุณหนู แต่นางยอมเพื่อที่คุณหนูจะได้ไม่เป็นทุกข์กับสิ่งสกปรกเหล่านั้นอีก
เมื่อถานเย่สิงได้ยินว่าคนในครอบครัวของเขาได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากตระกูลจิน แม้ว่าจะเป็นสาวใช้ก็ตาม แต่นางก็ยังเป็นคนของตระกูลถาน และยังเป็นสาวใช้ส่วนตัวของถานอวี้ซูอีกด้วย
ถานเย่สิงเป็นคนฉลาด เมื่อได้ยินคำพูดของอาอวี้จึงคิดได้ทันทีว่าถานอวี้ซูอาจถูกรังแกเช่นกัน “ตระกูลจินของท่านช่างดีจริง ๆ อาศัยการสนับสนุนของหมิงอ๋องจึงได้กล้ากระทำสิ่งอุกอาจเช่นนี้”
ถานเย่สิงอารมณ์ร้อนและเป็นคนที่ไม่สามารถทนต่อเรื่องแบบนี้ได้ เมื่อเห็นว่าครอบครัวของจินโหย่วกุ้ยทำสิ่งที่อุกอาจเช่นนี้ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะหยิบมีดขึ้นมาฟันชายคนนี้เสียเดี๋ยวนี้
ขณะนี้เป็นเวลารุ่งสางในเมืองรุ่ยเสียน และเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงจากที่นี่ ผู้คนก็เข้ามาล้อมรอบพวกเขาทีละคน
เมื่อเห็นว่ามีทหารมากมายที่นี่ และผู้นำเป็นชายชราในวัยห้าสิบถึงหกสิบปี เขาเต็มไปด้วยความชอบธรรม และตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลจินทำสิ่งที่อุกอาจ เขาจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก